เรื่องราวของยอดคุณหมอผู้ช่วยชีวิตคนในอดีต

เรื่องราวของยอดคุณหมอ ผู้ช่วยชีวิตเด็กหลายพันคนด้วยซุปแครอท
รู้จักกับ เอินต์ โมโร นายแพทย์ชาวออสเตรียที่ไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังในประวัติศาสตร์ แต่สิ่งที่เขาทำนั้นไม่ต่างอะไรกับวีรบุรุษที่สามารถช่วยชีวิตเด็ก ๆ หลายพันคนมาแล้ว
เอินต์ โมโร เกิดที่เมืองลูบลิยานา ในประเทศสโลวีเนีย ซึ่งในอดีตเคยเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิออสโตร-ฮังการี เมื่อปี 1874 เขาจบการศึกษาที่มหาวิทยาลัยกราซ ในออสเตรีย และต่อมาได้กลายเป็นศาสตราจารย์ด้านกุมารเวชศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยไฮเดลเบิร์ก ในเยอรมนี

ในยุโรปสมัยนั้น กุมารเวชศาสตร์ ถือเป็นเพียงสาขาที่เพิ่งถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่เนื่องจากทารกในอดีตมีอัตราการเสียชีวิตที่สูงมากถึงเกือบ 25% และหนึ่งในสาเหตุสำคัญก็คือโรคท้องร่วง นายแพทย์โมโรจึงพยายามหาวิธีช่วยเหลือเด็ก ๆ เหล่านี้ จนเขาได้วิธีการที่เรียบง่ายแต่อัจฉริยะในเวลาเดียวกัน
นายแพทย์โมโรแนะนำให้พ่อแม่ทำซุปแครอทให้เด็กรับประทานด้วยสูตรของเขาเอง โดยมีส่วนประกอบ 3 อย่างคือ แครอท 500 กรัม น้ำและเกลือ

ส่วนวิธีการทำซุปก็ไม่ยาก เพียงแค่ทำความสะอาดแครอทให้ดี นำไปต้มจนนิ่ม นำแครอทไปร่อนผ่านตะแกรง เติมน้ำเข้าไปจนได้ปริมาณรวม 1 ลิตร จากนั้นก็โรยเกลือลงไปเล็กน้อย
ปรากฏว่าซุปแครอทของเขาสามารถหยุดอาการท้องร่วงของเด็กทารกได้อย่างไม่น่าเชื่อ และมันก็สามารถช่วยชีวิตเด็ก ๆ นับพันเอาไว้ได้ ต่อมามีการศึกษาพบว่า ภายในซุปแครอทจะมี “โอลิโกแซ็กคาไรด์” (Oligosaccharides) เป็นคาร์โบไฮเดรตชนิดหนึ่งที่ช่วยป้องกันแบคทีเรียที่ติดอยู่กับผนังลำไส้ และมันสามารถหยุดอาการท้องร่วงได้
เมื่อเวลาผ่านไป การรักษาด้วยซุปแครอทก็ถูกแทนที่ด้วยยาปฏิชีวนะและยาที่ต้านอาการท้องร่วงโดยเฉพาะ แต่ในสมัยนั้น ซุปแครอทของโมโรสามารถช่วยเพิ่มอัตราการรอดชีวิตในทารกได้อย่างมหาศาล

จริง ๆ แล้ว ผลงานของนายแพทย์โมโรไม่ใช่แค่ซุปแครอทเพียงอย่างเดียว แต่เขาถือเป็นบุคคลสำคัญของกุมารเวชศาสตร์สมัยใหม่ ตัวอย่างเช่น

1. การค้นพบรีเฟล็กซ์ ที่ถูกตั้งชื่อตามเขาภายหลังว่า “โมโร รีเฟล็กซ์” ซึ่งช่วยในการตรวจหาสมองพิการในเด็กทารก
 
ปฏิกิริยาโมโร (Moro Reflex)
คือเวลาที่อุ้มเด็กแล้วประคองบริเวณต้นคอเด็ก ถ้ามือเลื่อนลงมาบริเวณหลัง เด็กจะมีปฏิกิริยาตอบสนองทันที คือแขนขาจะเหยียดและกางออก หลังจากนั้นจะโผเข้าหาเหมือนจะโอบกอด หรือการที่เด็กได้ยินเสียงดังๆ หรือการวางลูกนอนลงอย่างกะทันหัน เด็กจะตกใจแสดงอาการสะดุ้ง หรือผวาออกมา

Moro Reflex ทารกหลังคลอดทุกคนจะมีให้เห็น เพื่อเป็นการบ่งบอกให้รู้ว่าเด็กมีพัฒนาการสมบูรณ์ ฉะนั้นเวลาที่เด็กสะดุ้งตกใจให้คุณพ่อคุณแม่รู้ไว้ว่านี่คือปฏิกิริยาสะท้อนกลับ ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ  ปกติแล้วปฏิกิริยานี้จะเริ่มมีตั้งแต่แรกเกิด จะค่อยๆ ลดลงเมื่ออายุ 3 เดือน และหายไปเมื่ออายุ 5-6 เดือน

2. เขาเป็นคนบัญญัติศัพท์คำว่า “First Trimester” หรือ ไตรมาสที่ 1 ของระยะเวลาการตั้งครรภ์ และอธิบายคุณสมบัติที่สำคัญของช่วงเวลานี้

“First Trimester” หรือไตรมาสแรกในช่วงตั้งครรภ์ ตั้งแต่ปฏิสนธิจนถึงอายุครรภ์ 14 สัปดาห์ ในระยะแรกของการตั้งครรภ์อาจมีจุดเปลี่ยนแปลงในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้ชีวิตหรือวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปจากเดิม รวมถึงโภชนาการในการตั้งครรภ์ของคุณแม่ ซึ่งคุณแม่มือใหม่หลาย ๆ คนมักปรับเปลี่ยนวิธีการทานอาหารของตัวเองในทันทีหลังจากที่รู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์

3. เขาพัฒนาแบบทดสอบผิวหนังอย่างง่าย ๆ ที่ถูกใช้มาจนถึงทศวรรษ 1960

4. เขาค้นพบว่าร่างกายของทารกที่กินนมแม่จากเต้า จะต่อสู้กับแบคทีเรียได้ดีกว่าเด็กทารกที่กินนมจากขวด

และนี่ก็คือหนึ่งในบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์การแพทย์ที่คุณอาจไม่เคยได้ยินชื่อของเขามาก่อน แต่ตอนนี้คุณได้รู้จักแล้วว่าเขามีผลงานที่ยิ่งใหญ่มากแค่ไหน
ขอบคุณที่มา : brightside | เรียบเรียงโดย เพชรมายา
Cr.https://brightside.me/wonder-people/the-story-of-a-humble-doctor-who-saved-thousands-of-babies-with-his-carrot-soup-795393/
Cr.http://www.kodomoclub.com/zero/220/reflex-ปฏิกิริยาสะท้อนกลับ.html
Cr.http://www.bioformthailand.com/TH/health/ภาษาไทย-first-trimester-โภชนาการของ/

เรื่องจริงของนายแพทย์ ที่สร้างโรคระบาดปลอมช่วยชีวิตกว่า 6 พันคน
1 ในฮีโร่ผู้ช่วยเหลือชีวิตชาวยิวให้รอดในสมัยนั้น นอกจาก ออสการ์ ชินด์เลอร์ นายทหารนาซีผู้แอบช่วยชาวยิวนับพันให้รอดชีวิตจากค่ายกักกัน หรือ ชิอุเนะ ซุงิฮะระ เจ้าหน้าที่กงศุลญี่ปุ่นผู้ออกวีซ่าช่วยชาวยิวหลายพันคนให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของนาซี ก็คือ นายแพทย์ ยูจีน ลาซอฟสกี้ นายทหารเสนารักษ์ประจำกองทัพโปแลนด์ เขาและเพื่อนทหารอีกคนชื่อว่า สแตนิสลอว์ มาตูเลวิช ค้นพบว่าหากพวกเขาฉีดแบคทีเรียที่ตายแล้วเข้าไปในตัวคนไข้ คนไข้จะมีผลเลือดเหมือนคนเป็นโรคไข้รากสาดใหญ่
 
ตอนแรกเขาใช้วัคซีนนั้นกับเพื่อนคนหนึ่งที่ไม่อยากกลับเข้าไปทำงานในแคมป์นรกของพวกนาซี ซึ่งเมื่อกองทัพนาซีได้ทำการตรวจเลือดของเพื่อนคนดังกล่าว เขาก็ถูกสั่งห้ามไม่เข้าให้มาทำงานในแคมป์อีกต่อไปและทำแบบนี้กับคนที่คนไข้ทุกคนที่เข้ามารักษากับเขา ทำให้พวกเขาไม่ต้องกลับเข้าไปในค่ายนรก เพราะกองทัพนาซีหวาดกลัวโรคระบาดนี้อย่างมาก
จนเมื่อจำนวนผู้ติดเชื้อสูงขึ้น ทางกองทัพนาซีก็สั่งปิดเมือง ทำให้ชาวเมืองไม่ต้องไปค่ายกักกันอีก แม้ภายหลังกองทัพนาซีจะส่งทีมแพทย์เข้ามาตรวจสอบ แต่ด้วยฝีมือการแสดงละครอันแสนแนบเนียนของคุณหมอทำให้แผนการนี้สามารถดำเนินไปได้เรื่อยๆ

นอกจากนี้เขายังฝ่าฝืนคำสั่งของกองทัพนาซีที่ห้ามให้ความช่วยเหลือแก่ชาวยิว ด้วยการทำการรักษาชาวยิวที่ป่วยหรือได้รับบาดเจ็บ ซึ่งการกระทำดังกล่าวทำให้เขาเกือบตายหลายต่อหลายครั้ง แต่ด้วยความดีที่เขาทำ ทำให้มีคนคอยช่วยเหลือเขาโดยตลอดแม้กระทั่งทหารนาซีเองก็ตาม ว่ากันว่าเขาสามารถช่วยชีวิตชาวยิวได้มากกว่า 6,000 คนในช่วงที่มีการสู้รบ หลังสงครามจบลงเขาได้อพยพไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกาและใช้ชีวิตอย่างสงบสุขจวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก holocaustforgotten, catdumb
Cr.https://teen.mthai.com/variety/137760.html / By yuwadee


หมอบรัดเลย์กับการผ่าตัดครั้งแรกในสยาม
ประเทศไทยนั้นเริ่มมีการผ่าตัดทางการแพทย์เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทยสมัยรัชกาลที่ 3 โดย หมอแดน บีช บรัดเลย์ แพทย์ชาวอเมริกันซึ่งเรารู้จักกันกันดีในฐานะที่เป็นผู้เริ่มต้นการพิมพ์อักษรไทยในประเทศไทยเป็นครั้งแรก  ซึ่งนอกเหนือจากนี้แล้วหมอบรัดเลย์ยังเป็นผู้เริ่มต้นการผ่าตัดเป็นครั้งแรกขึ้นในประเทศไทยอีกด้วย
โดยเมื่อ วันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2378 หมอบรัดเลย์ได้ทำการผ่าตัดเอาก้อนเนื้องอกที่หน้าผากของผู้ป่วยรายหนึ่งออก และทีสำคัญคือในสมัยนั้นยังไม่มีการใช้ยาสลบซึ่งเป็นการผ่าตัดก่อนหน้าที่จะมีการนำเอาอีเทอร์มาใช้เป็นยาสลบในประเทศไทยถึง 13 ปี

แม้การผ่าตัดในครั้งนั้นจะประสบความสำเร็จและเป็นการผ่าตัดครั้งแรกในประเทศไทยก็จริง แต่การผ่าตัดครั้งนั้นนับว่าไม่ได้เป็นที่รู้จักกันมากนัก เพราะการผ่าตัดครั้งสำคัญที่ทำให้คนไทยได้รู้จักกับการแพทย์แผนปัจจุบันนั่นก็คือ อุบัติเหตุในงานเฉลิมฉลองวัดประยูรวงศ์ศาวาส ซึ่งเป็นงานใหญ่จึงได้มีการยืมเอาปืนใหญ่มาใช้เพื่อจุดไฟพะเนียง

โดยการเอาโคนกระบอกฝังลงดิน ให้ปลายชี้ขึ้นและอัดดินปืนเข้าไปให้แน่น เพื่อจะได้กลายเป็นไฟพะเนียงที่ยิ่งใหญ่ แต่แล้วพอจุดไฟ ปืนใหญ่ก็แตกออก เพราะอัดดินปืนไว้แน่นสะเก็ดกระบอกปืนปลิวว่อน ทำให้คนที่อยู่ใกล้ตายทันที 8 คน และมีผู้บาดเจ็บเป็นจำนวนมาก

หมอบรัดเลย์และคณะแพทย์มิชชันนารีจึงเดินทางมาเพื่อรักษาผู้บาดเจ็บ ซึ่งในเหตุการณ์นั้นได้มีพระภิกษุรูปหนึ่งได้รับบาดแผลฉกรรจ์หมอบรัดเลย์จึงคิดเห็นว่าต้องตัดแขนและขาทิ้งซึ่งคนไทยในสมัยนั้นยังไม่มีความรู้ทางการแพทย์แผนปัจจุบันจึงมีความเชื่อว่าหากถูกตัดอวัยวะแขนและขาทิ้งจะทำให้เสียชีวิต
แต่พระภิกษุรูปนั้นได้ตัดสินใจให้หมอบรัดเลย์ทำการผ่าตัดแขนของตนทิ้ง ทั้งที่ยังไม่มีการใช้ยาสลบและยาชา ซึ่งการผ่าตัดครั้งนี้ได้มีผู้คนมาดูเหตุการณ์ด้วยความตื่นเต้นตกใจเป็นจำนวนมาก
ทางด้านหมอบรัดเลย์และคณะมิชชันนารีจึงต้องใช้สมาธิเป็นอย่างมากในการผ่าตัดเพราะหากทำการผ่าตัดแล้วพระภิกษุเกิดเสียชีวิตก็จะทำให้ชาวบ้านหมดศรัทธาและไม่เชื่อถือในการแพทย์แผนปัจจุบัน แต่แล้วการผ่าตัดนั้นก็สำเร็จไปได้ด้วยดี พระภิกษุรูปนั้นมีชีวิตรอดแม้จะต้องเสียแขนข้างหนึ่งไป ทำให้หมอบรัดเลย์และคณะมิชชันนารีได้รับความยกย่องและนับถือจากคนไทยเป็นจำนวนมาก

หมอบรัดเลย์ได้นำการแพทย์สมัยใหม่มาสู่ประเทศไทย อย่างการปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ การรักษาต้อกระจก การถอนฟัน การเผยแพร่การผดุงครรภ์แล้ว หมอบรัดเลย์ยังได้เผยแผ่ศาสนา รวมถึงเป็นผู้ริเริ่มวิวัฒนาการทางด้านหนังสือพิมพ์และสิ่งพิมพ์ต่างๆ ได้แก่ หนังสือทางการแพทย์ หนังสือราชการ หนังสือประวัติศาสตร์ โดยวางรากฐานการพิมพ์ของเมืองไทยให้เป็นระบบมาถึงปัจจุบัน จนได้รับการยกย่องว่าเป็น "บิดาแห่งการพิมพ์ไทย" อีกด้วย
ขอบคุณที่มา Science Illustrated Thailand
ขอบคุณที่มา เกร็ดประวัติศาสตร์
อ้างอิงข้อมูลจาก - th.wikipedia.org , www.dekd.com
Cr.https://www.facebook.com/726502237386172/posts/1011593612210365/
Cr.https://variety.thaiza.com/interest/376135/

แพทย์ทหารผู้ปฏิเสธการใช้ปืน พร้อมช่วยชีวิตทั้งมิตรและศัตรูกว่า 75 นาย ในสงครามโลก


Desmond Doss (เดสมอนด์ ดอส 1919-2006) ทหารหน่วยแพทย์สนาม ซึ่งทำหน้าที่รักษาคนบาดเจ็บในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งเขาถูกยกย่องเป็นวีรบุรุษจากเหตุการณ์ “ยุทธการโอกินาวา” เพราะเขาสามารถช่วยชีวิตเพื่อนทหารได้กว่า 75 นาย 

เดสมอนด์ ดอส ปฏิเสธที่จะใช้ปืนในการสังหารศัตรู และขอยืนกรานที่จะอยู่ในหน่วยแพทย์สนามเท่านั้น
ถึงแม้การยื่นอุทธรณ์เรื่องการไม่ใช้อาวุธปืนของ เดสมอนด์ ดอส จะผ่านไปถึงศาลทหารแต่เขาก็สามารถเป็นแพทย์สนามได้ในที่สุด แต่เพื่อนทหารของเขาไม่ค่อยพอใจกับความคิดของฮีโร่ผู้นี้รวมถึงหัวหน้าหน่วย จึงไม่มีใครอยากจะยุ่งเกี่ยวกับเขา 

จนมาถึงเหตุการณ์ Hacksaw Ridge (แฮคซอว์ ริดจ์) ในปี 1945 เป็นการสู้รบกันระหว่าง อเมริกา กับ ญี่ปุ่น บนสันเขา แฮคซอว์ ซึ่งการต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือดและทำให้มีคนตายมากมายจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น
กองทัพญี่ปุ่น วางแผนให้อเมริกามายึดช่วงสันเขาแฮคซอว์ ก่อนที่จะรวบรวมกำลังพลและโจมตีอย่างฉับพลันทำให้ทหารอเมริกา บาดเจ็บเป็นจำนวนมาก และส่วนมากจะถูกทิ้งไว้ให้ตายในเหตุการณ์นั้น แต่วีรบุรุษที่กำลังมาช่วยพวกเขาคือ เดสมอนด์  ซึ่งเขาช่วยชีวิตเพื่อนทหารไปได้ทั้งสิ้น 75 นาย
การกระทำครั้งนี้ทำให้ เดสมอนด์ ดอส ถูกยกย่องว่าเป็นวีรบุรุษสงคราม และ ได้รับเหรียญกล้าหาญ 

วีรกรรมของเขาก็ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง Hacksaw Ridge ที่เข้าฉายในปี 2016  กำกับโดย Mel Gibson และได้นักแสดงมากฝีมืออย่าง Andrew Garfield มารับบทเป็น เดสมอนด์ ดอส
ขอบคุณภาพจาก http://hacksawridge.jp/special.html
Cr.https://www.flagfrog.com/desmond-doss-real-hero/ โดย ManoshFiz


(ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่