
ทรานซามิน รักษาฝ้าดีจริงเหรอ
1. ทรานซามิน (Transamin or tranexamic acid)
เริ่มแรกเลยใช้เป็นยาห้ามเลือด
เนื่องจากมีฤทธิ์ทำให้เลือดแข็งตัว จึงหยุดเลือดออกได้
.
2. ในช่วงแรกที่ใช้รักษาเพื่อห้ามเลือด
มีแพทย์สังเกตว่าคนไข้ที่ได้ transamin และมีฝ้าอยู่ด้วย
รอยฝ้าจางลง จึงเป็นที่มาของการเริ่มศึกษาวิจัย
เพื่อที่จะเอา transamin มาใช้รักษาฝ้าในยุคต่อมา
.
3. Transamin ทำให้ฝ้าจางลงได้
จากการที่ยาไปยับยั้งการสร้างเม็ดสี (เมลานิน)
.
4. จึงเริ่มมีการใช้ยา transamin ในรูปแบบยากิน
ในขนาดต่ำ ไม่เกิน 1000 mg ต่อวัน โดยให้ต่อเนื่องไม่เกิน 3-4 เดือน
มีงานวิจัยทางการแพทย์พบว่า ‘สามารถทำให้ฝ้าจางลงได้’
และปลอดภัย (ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของแพทย์)
5. ยานี้ใช้กับฝ้าที่ไม่ค่อยตอบสนองต่อยาทา หรือวิธีการรักษาอื่นๆ
หมอไม่แนะนำให้ใช้พร่ำเพรื่อนะคะ และจะให้ไม่เกิน 3-4 เดือนเท่านั้น
.
6. เมื่อหยุดยา ฝ้าอาจจะกลับมาเข้มอีกได้ จึงต้องรักษาด้วยวิธีอื่นๆ
ควบคู่ไปด้วย เช่น ทายาฝ้า ทากันแดด หลบแดดอย่างเคร่งครัด
#อย่าหวังว่าแค่กินยานี้แล้วฝ้าจะหายไปถาวร
.
7. ผลข้างเคียง ที่เจอได้ เช่น คลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง
.
8. ใครบ้างที่ไม่ควรกิน transamin เพื่อรักษาฝ้า (contraindication)
- คนที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดเส้นเลือดดำอุดตัน
เช่น มีโรคประจำตัวเยอะๆ เช่น อัมพฤกษ์ อัมพาต เส้นเลือดสมองอุดตัน
เส้นเลือดขอด เส้นเลือดหัวใจตีบ เส้นเลือดดำที่ขาอุดตัน (DVT หรือ deep vein thrombosis)
และอื่นๆ ข้อนี้สำคัญมาก เพื่อความปลอดภัยต้องปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอนะคะ
- คนท้อง หรือ คนที่กำลังให้นมลูก
- เคยแพ้ยา transamin
.
9. สรุปการกินยา transamin ในขนาดต่ำๆ ทำให้ฝ้าดูจางลงได้ (ชั่วคราว)
เพราะข้อมูล ณ ตอนนี้ กินยานี้ปลอดภัย แต่ว่ายากินได้เพียงช่วงสั้นๆ
และต้องมีแพทย์ผิวหนังดูแลใกล้ชิดด้วย ถ้าซื้อกินเองหมอบอกเลยว่าอันตรายค่ะ
.
10. ฝ้า ยังเป็นอะไรที่รักษายากมาก
ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีที่รักษาฝ้าได้หายขาดนะคะ
แต่ทำให้จางลงได้ ทำสำคัญคือการป้องกันและหลีกเลี่ยงแสงแดด
เพราะถึงแม้จะรักษาด้วยวิธีที่ดีหรือแพงแค่ไหน
แต่ถ้ายังโดนแดดฝ้าก็จะไม่ดีขึ้นหรือกลับมาดำได้อีกค่ะ
เพจ Dr. Yui คุยทุกเรื่องผิว ❤️
ที่มาของยาทรานซามิน ก่อนเอามาใช้รักษาฝ้า
ทรานซามิน รักษาฝ้าดีจริงเหรอ
1. ทรานซามิน (Transamin or tranexamic acid)
เริ่มแรกเลยใช้เป็นยาห้ามเลือด
เนื่องจากมีฤทธิ์ทำให้เลือดแข็งตัว จึงหยุดเลือดออกได้
.
2. ในช่วงแรกที่ใช้รักษาเพื่อห้ามเลือด
มีแพทย์สังเกตว่าคนไข้ที่ได้ transamin และมีฝ้าอยู่ด้วย
รอยฝ้าจางลง จึงเป็นที่มาของการเริ่มศึกษาวิจัย
เพื่อที่จะเอา transamin มาใช้รักษาฝ้าในยุคต่อมา
.
3. Transamin ทำให้ฝ้าจางลงได้
จากการที่ยาไปยับยั้งการสร้างเม็ดสี (เมลานิน)
.
4. จึงเริ่มมีการใช้ยา transamin ในรูปแบบยากิน
ในขนาดต่ำ ไม่เกิน 1000 mg ต่อวัน โดยให้ต่อเนื่องไม่เกิน 3-4 เดือน
มีงานวิจัยทางการแพทย์พบว่า ‘สามารถทำให้ฝ้าจางลงได้’
และปลอดภัย (ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของแพทย์)
5. ยานี้ใช้กับฝ้าที่ไม่ค่อยตอบสนองต่อยาทา หรือวิธีการรักษาอื่นๆ
หมอไม่แนะนำให้ใช้พร่ำเพรื่อนะคะ และจะให้ไม่เกิน 3-4 เดือนเท่านั้น
.
6. เมื่อหยุดยา ฝ้าอาจจะกลับมาเข้มอีกได้ จึงต้องรักษาด้วยวิธีอื่นๆ
ควบคู่ไปด้วย เช่น ทายาฝ้า ทากันแดด หลบแดดอย่างเคร่งครัด
#อย่าหวังว่าแค่กินยานี้แล้วฝ้าจะหายไปถาวร
.
7. ผลข้างเคียง ที่เจอได้ เช่น คลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง
.
8. ใครบ้างที่ไม่ควรกิน transamin เพื่อรักษาฝ้า (contraindication)
- คนที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดเส้นเลือดดำอุดตัน
เช่น มีโรคประจำตัวเยอะๆ เช่น อัมพฤกษ์ อัมพาต เส้นเลือดสมองอุดตัน
เส้นเลือดขอด เส้นเลือดหัวใจตีบ เส้นเลือดดำที่ขาอุดตัน (DVT หรือ deep vein thrombosis)
และอื่นๆ ข้อนี้สำคัญมาก เพื่อความปลอดภัยต้องปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอนะคะ
- คนท้อง หรือ คนที่กำลังให้นมลูก
- เคยแพ้ยา transamin
.
9. สรุปการกินยา transamin ในขนาดต่ำๆ ทำให้ฝ้าดูจางลงได้ (ชั่วคราว)
เพราะข้อมูล ณ ตอนนี้ กินยานี้ปลอดภัย แต่ว่ายากินได้เพียงช่วงสั้นๆ
และต้องมีแพทย์ผิวหนังดูแลใกล้ชิดด้วย ถ้าซื้อกินเองหมอบอกเลยว่าอันตรายค่ะ
.
10. ฝ้า ยังเป็นอะไรที่รักษายากมาก
ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีที่รักษาฝ้าได้หายขาดนะคะ
แต่ทำให้จางลงได้ ทำสำคัญคือการป้องกันและหลีกเลี่ยงแสงแดด
เพราะถึงแม้จะรักษาด้วยวิธีที่ดีหรือแพงแค่ไหน
แต่ถ้ายังโดนแดดฝ้าก็จะไม่ดีขึ้นหรือกลับมาดำได้อีกค่ะ
เพจ Dr. Yui คุยทุกเรื่องผิว ❤️