สวัสดีค่ะ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของจขกท.หากมีข้อผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ จขกท.ตั้งใจจะแชร์ประสบการณ์ที่ได้ไปสัมภาษณ์วีซ่า J1 มา 2 รอบเพื่อเป็นแนวทางและให้กำลังใจผู้ที่กำลังจะเตรียมตัวไปสัมภาษณ์ทุก ๆ คนนะคะ
มาเริ่มกันเลยค่าา จขกท.เข้าร่วมโครงการ WAT 2020 (จขกท.เรียนอยู่ปี 4 นะคะ) ซึ่งไปทำงานตำแหน่งแคชเชียร์ค่ะ ต้องสัมภาษณ์วีซ่า J1 ก่อนวันสัมภาษณ์วีซ่าก็เตรียมข้อมูลไปเยอะพอสมควร พยายามอ่านรีวิวว่าเจ้าหน้าที่กงศุลจะถามคำถามว่าอะไรบ้าง แคชเชียร์มีหน้าที่ทำอะไร และเมื่อถึงวันสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ก็มีการตรวจเอกสารและพาสปอร์ต หลังจากนั้นจขกท.ก็รอต่อแถวเพื่อสัมภาษณ์ ยอมรับเลยว่าตอนนั้นตื่นเต้นและประหม่ามาก ๆ กลัวฟังไม่ออกและตอบคำถามได้ไม่ดี เมื่อถึงคิวสัมภาษณ์จขกท.ก็เดินเข้าไปด้วยหน้าตายิ้มแย้มและพยายามตอบให้เสียงดังเพื่อเพิ่มความมั่นใจ จขกท.ได้สัมภาษณ์กับผู้ชายนะคะ คำถาม general ที่จขกท.โดนจนท.ถามมีดังนี้
- คุณเรียนที่ไหน ?
- เรียนกี่ปี ?
- จะเรียนจบเมื่อไร ?
- ไปทำงานอะไร ?
คำถาม genaral จขกท.สามารถตอบได้ทุกคำถาม แต่ แต่ แต่ เมื่อมาถึงคำถามเกี่ยวกับงานที่เราจะไปทำนั่นคืองานแคชเชียร์ คำถามก็คือ...
- คุณไปทำงานแคชเชียร์แสดงว่าคุณต้องคิดเลขเร็วแน่ ๆ ใช่ไหม ?
พอเจอคำถามนี้ไปจขกท.ก็ค่อนข้างตกใจแต่ก็พยายามยิ้มแล้วก็ตอบไปว่า "ใช่ค่ะ" ในใจจขกท.คิดว่าจนท.ต้องให้จขกท.คิดเลขแน่นอนซึ่งสิ่งที่คิดไว้ก็เป็นจริงจ้าาาาา 55555 จนท.ถามว่า...
"ถ้าหากผมซื้อของในราคา 9.xx $ แล้วผมให้เงินคุณ 10 $ คุณต้องทอนผมเท่าไร" พอจนท.ถามจบ จขกท.ก็ช็อคสิคะทุกคน เพราะว่าเรื่องสกุลเงินของอเมริกาเป็นสิ่งเดียวที่จขกท.ไม่ได้ศึกษาไปทั้ง ๆ ที่มันเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับงานแคชเชียร์ ทำให้จขกท.ตอบคำถามนี้ไม่ได้ จขกท.เงียบไปซักพักจนจนท.มองหน้าถอนหายใจแล้วบอกว่า"ไม่เป็นไร" หลังจากนั้นก็ยื่นพาสปอร์ตคืนจขกท.มา ความรู้สึกของจขกท.ตอนนั้นคือทำอะไรไม่ถูกเลยค่ะทุกคน ยอมรับว่าช็อคมากและก็ไม่คิดว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นกับตัวเอง จขกท.ได้แต่โทษตัวเองว่าทำไมไม่ศึกษาให้ละเอียด แต่พอหลังจากสัมภาษณ์เสร็จจขกท.ก็คิดไว้แล้วว่าจะมาสัมภาษณ์รอบ 2 ซึ่งคืออาทิตย์ถัดไป จขกท.โทรไปบอกแม่ว่าไม่ผ่านสัมภาษณ์ได้แต่ขอโทษท่านว่าทำให้ไม่ได้ แต่แม่ของจขกท.ก็ไม่ได้ว่าอะไรท่านก็บอกว่าให้ลองใหม่ท่านเชื่อว่าจขกท.ต้องได้ไปตามฝันแน่นอน นอกจากนั้นก็ยังได้รับกำลังใจจากบุคคลอื่น ๆ จขกท.รู้สึกได้รับพลังบวกจากพวกเขาเหล่านั้นเป็นอย่างมาก คนที่ไม่เคยหมดหวังในตัวเราและคนที่ยังเชื่อมั่นว่าเราจะทำได้ พูดได้เลยว่ากำลังใจเหล่านี้ทำให้จขกท.มีแรงที่จะสู้ต่อจริง ๆ ค่ะ หลังจากวันที่สัมภาษณ์ จขกท.ก็สมัครสัมภาษณ์รอบที่ 2 ในอาทิตย์ถัดไป จขกท.ต้องเตรียมข้อมูลมากขึ้นกว่าเดิม และศึกษาในประเด็นที่จขกท.เคยตกสัมภาษณ์ จขกท.รู้สึกเครียด กดดัน วิตกกังวลจนอยากร้องไห้มาตลอดระยะเวลา 1 อาทิตย์ จนมาถึงวันสัมภาษณ์วีซ่ารอบ 2 จขกท.ยังคงตื่นเต้นอยู่บ้างแต่ไม่มากเท่าครั้งแรก ได้แต่คิดในใจว่าถ้ารอบนี้ไม่ได้ก็จะไม่เสียใจว่าเพราะทำเต็มที่แล้ว จขกท.เดินเข้าห้องสัมภาษณ์และได้สัมภาษณ์กับผู้หญิง โดยคำถามมีดังนี้
- คุณจะไปทำงานที่....ใช่ไหม ?
- ตำแหน่งงานที่คุณจะไปทำคือตำแหน่งอะไร ?
- หลังจากจบโครงการแล้วคุณจะทำอะไร ?
- คุณเรียนจบเมื่อไร ?
- คุณมีญาติอยู่ที่อเมริกาหรือไม่ ?
- คุณเคยไปอเมริกามาก่อนหรือไม่ ?
- คุณอ่านหนังสือสิทธิเล่มนี้แล้วใช่หรือไม่ มีคำถามหรือเปล่า ?
หลังจากสิ้นสุดคำถามสุดท้าย จนท.ก็ Approved ให้จขกท. ซึ่งคำถามที่จขกท.คิดว่าจนท.จะถามเกี่ยวกับการคิดเงิน ทอนเงิน ไม่ถามจ้าาาา 55555 เป็นคำถามเบสิคมาก ๆ เลยทุกคน หลังจากที่สัมภาษณ์ผ่านแล้วจขกท.รู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก ความเครียดความกังวลทั้งหมดหายไปชั่วพริบตา มันมีแต่ความรู้สึกตื้นตันใจ และความดีใจเข้ามาแทนที่
จขกท.อยากฝากกระทู้นี้เป็นกระทู้ให้กำลังใจทุกคนที่กำลังเตรียมตัวสัมภาษณ์วีซ่าทั้งรอบแรกหรือรอบ 2 3 ใครที่สัมภาษณ์รอบแรกก็เตรียมตัวให้ดีนะคะศึกษาข้อมูลสถานที่ที่เราจะไปทำงาน และตำแหน่งงานนั้นไปเยอะ ๆ พยายามทำความเข้าใจอาชีพและบริบทของตนเอง และตอบคำถามให้เป็นตัวเองมากที่สุดจะดีมากเลยค่ะ พยายามยิ้มและตอบเสียงดังฟังชัดเพื่อให้จนท.มั่นใจว่าเราพร้อมที่จะไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์จริง ๆ สำหรับใครที่จะไปสัมภาษณ์รอบที่ 2 3 จขกท.เป็นกำลังใจให้นะคะ อย่าท้อ อย่าคิดมากเหมือนจขกท. พยายามฝึกฝนตัวเองให้มากขึ้น ให้คิดไว้เสมอค่ะว่าเรากำลังทำอะไรอยู่และเป้าหมายของเราคืออะไร จขกท.เชื่อนะคะว่าความผิดหวังในวันนี้จะเป็นแรงขับเคลื่อนให้เรามีแรงลุกขึ้นสู้กับมัน และจขกท.อยากจะขอบคุณทุก ๆ คนที่เป็นกำลังใจให้จขกท.มาตลอดตั้งแต่เริ่มสมัครโครงการและสัมภาษณ์วีซ่า ความรู้สึกที่ผ่านมามีทั้งความรู้สึกดีใจเสียใจปะปนกันไป แต่จขกท.ยังยิ้มได้เพราะกำลังใจทั้งนั้นเลยค่ะ ขอบคุณพลังบวก ถ้อยคำที่ไม่เคยดูถูก ขอบคุณทุกคนที่พยายามทำให้จขกท.ยิ้มได้ในทุก ๆ วัน จขกท.จะขอเก็บประสบการณ์ในครั้งนี้ไว้เป็นความทรงจำที่ดีตลอดไปค่ะ
ปล.หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่จะไปสัมภาษณ์วีซ่าหรือผู้ที่สนใจนะคะ ขอให้ทุกคนโชคดีและผ่านสัมภาษณ์ค่ะ
แชร์ประสบการณ์สัมภาษณ์วีซ่า J1 รอบแรกไม่ผ่านแต่สู้จนผ่าน (Work and Travel 2020)
มาเริ่มกันเลยค่าา จขกท.เข้าร่วมโครงการ WAT 2020 (จขกท.เรียนอยู่ปี 4 นะคะ) ซึ่งไปทำงานตำแหน่งแคชเชียร์ค่ะ ต้องสัมภาษณ์วีซ่า J1 ก่อนวันสัมภาษณ์วีซ่าก็เตรียมข้อมูลไปเยอะพอสมควร พยายามอ่านรีวิวว่าเจ้าหน้าที่กงศุลจะถามคำถามว่าอะไรบ้าง แคชเชียร์มีหน้าที่ทำอะไร และเมื่อถึงวันสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ก็มีการตรวจเอกสารและพาสปอร์ต หลังจากนั้นจขกท.ก็รอต่อแถวเพื่อสัมภาษณ์ ยอมรับเลยว่าตอนนั้นตื่นเต้นและประหม่ามาก ๆ กลัวฟังไม่ออกและตอบคำถามได้ไม่ดี เมื่อถึงคิวสัมภาษณ์จขกท.ก็เดินเข้าไปด้วยหน้าตายิ้มแย้มและพยายามตอบให้เสียงดังเพื่อเพิ่มความมั่นใจ จขกท.ได้สัมภาษณ์กับผู้ชายนะคะ คำถาม general ที่จขกท.โดนจนท.ถามมีดังนี้
- คุณเรียนที่ไหน ?
- เรียนกี่ปี ?
- จะเรียนจบเมื่อไร ?
- ไปทำงานอะไร ?
คำถาม genaral จขกท.สามารถตอบได้ทุกคำถาม แต่ แต่ แต่ เมื่อมาถึงคำถามเกี่ยวกับงานที่เราจะไปทำนั่นคืองานแคชเชียร์ คำถามก็คือ...
- คุณไปทำงานแคชเชียร์แสดงว่าคุณต้องคิดเลขเร็วแน่ ๆ ใช่ไหม ?
พอเจอคำถามนี้ไปจขกท.ก็ค่อนข้างตกใจแต่ก็พยายามยิ้มแล้วก็ตอบไปว่า "ใช่ค่ะ" ในใจจขกท.คิดว่าจนท.ต้องให้จขกท.คิดเลขแน่นอนซึ่งสิ่งที่คิดไว้ก็เป็นจริงจ้าาาาา 55555 จนท.ถามว่า...
"ถ้าหากผมซื้อของในราคา 9.xx $ แล้วผมให้เงินคุณ 10 $ คุณต้องทอนผมเท่าไร" พอจนท.ถามจบ จขกท.ก็ช็อคสิคะทุกคน เพราะว่าเรื่องสกุลเงินของอเมริกาเป็นสิ่งเดียวที่จขกท.ไม่ได้ศึกษาไปทั้ง ๆ ที่มันเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับงานแคชเชียร์ ทำให้จขกท.ตอบคำถามนี้ไม่ได้ จขกท.เงียบไปซักพักจนจนท.มองหน้าถอนหายใจแล้วบอกว่า"ไม่เป็นไร" หลังจากนั้นก็ยื่นพาสปอร์ตคืนจขกท.มา ความรู้สึกของจขกท.ตอนนั้นคือทำอะไรไม่ถูกเลยค่ะทุกคน ยอมรับว่าช็อคมากและก็ไม่คิดว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นกับตัวเอง จขกท.ได้แต่โทษตัวเองว่าทำไมไม่ศึกษาให้ละเอียด แต่พอหลังจากสัมภาษณ์เสร็จจขกท.ก็คิดไว้แล้วว่าจะมาสัมภาษณ์รอบ 2 ซึ่งคืออาทิตย์ถัดไป จขกท.โทรไปบอกแม่ว่าไม่ผ่านสัมภาษณ์ได้แต่ขอโทษท่านว่าทำให้ไม่ได้ แต่แม่ของจขกท.ก็ไม่ได้ว่าอะไรท่านก็บอกว่าให้ลองใหม่ท่านเชื่อว่าจขกท.ต้องได้ไปตามฝันแน่นอน นอกจากนั้นก็ยังได้รับกำลังใจจากบุคคลอื่น ๆ จขกท.รู้สึกได้รับพลังบวกจากพวกเขาเหล่านั้นเป็นอย่างมาก คนที่ไม่เคยหมดหวังในตัวเราและคนที่ยังเชื่อมั่นว่าเราจะทำได้ พูดได้เลยว่ากำลังใจเหล่านี้ทำให้จขกท.มีแรงที่จะสู้ต่อจริง ๆ ค่ะ หลังจากวันที่สัมภาษณ์ จขกท.ก็สมัครสัมภาษณ์รอบที่ 2 ในอาทิตย์ถัดไป จขกท.ต้องเตรียมข้อมูลมากขึ้นกว่าเดิม และศึกษาในประเด็นที่จขกท.เคยตกสัมภาษณ์ จขกท.รู้สึกเครียด กดดัน วิตกกังวลจนอยากร้องไห้มาตลอดระยะเวลา 1 อาทิตย์ จนมาถึงวันสัมภาษณ์วีซ่ารอบ 2 จขกท.ยังคงตื่นเต้นอยู่บ้างแต่ไม่มากเท่าครั้งแรก ได้แต่คิดในใจว่าถ้ารอบนี้ไม่ได้ก็จะไม่เสียใจว่าเพราะทำเต็มที่แล้ว จขกท.เดินเข้าห้องสัมภาษณ์และได้สัมภาษณ์กับผู้หญิง โดยคำถามมีดังนี้
- คุณจะไปทำงานที่....ใช่ไหม ?
- ตำแหน่งงานที่คุณจะไปทำคือตำแหน่งอะไร ?
- หลังจากจบโครงการแล้วคุณจะทำอะไร ?
- คุณเรียนจบเมื่อไร ?
- คุณมีญาติอยู่ที่อเมริกาหรือไม่ ?
- คุณเคยไปอเมริกามาก่อนหรือไม่ ?
- คุณอ่านหนังสือสิทธิเล่มนี้แล้วใช่หรือไม่ มีคำถามหรือเปล่า ?
หลังจากสิ้นสุดคำถามสุดท้าย จนท.ก็ Approved ให้จขกท. ซึ่งคำถามที่จขกท.คิดว่าจนท.จะถามเกี่ยวกับการคิดเงิน ทอนเงิน ไม่ถามจ้าาาา 55555 เป็นคำถามเบสิคมาก ๆ เลยทุกคน หลังจากที่สัมภาษณ์ผ่านแล้วจขกท.รู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก ความเครียดความกังวลทั้งหมดหายไปชั่วพริบตา มันมีแต่ความรู้สึกตื้นตันใจ และความดีใจเข้ามาแทนที่
จขกท.อยากฝากกระทู้นี้เป็นกระทู้ให้กำลังใจทุกคนที่กำลังเตรียมตัวสัมภาษณ์วีซ่าทั้งรอบแรกหรือรอบ 2 3 ใครที่สัมภาษณ์รอบแรกก็เตรียมตัวให้ดีนะคะศึกษาข้อมูลสถานที่ที่เราจะไปทำงาน และตำแหน่งงานนั้นไปเยอะ ๆ พยายามทำความเข้าใจอาชีพและบริบทของตนเอง และตอบคำถามให้เป็นตัวเองมากที่สุดจะดีมากเลยค่ะ พยายามยิ้มและตอบเสียงดังฟังชัดเพื่อให้จนท.มั่นใจว่าเราพร้อมที่จะไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์จริง ๆ สำหรับใครที่จะไปสัมภาษณ์รอบที่ 2 3 จขกท.เป็นกำลังใจให้นะคะ อย่าท้อ อย่าคิดมากเหมือนจขกท. พยายามฝึกฝนตัวเองให้มากขึ้น ให้คิดไว้เสมอค่ะว่าเรากำลังทำอะไรอยู่และเป้าหมายของเราคืออะไร จขกท.เชื่อนะคะว่าความผิดหวังในวันนี้จะเป็นแรงขับเคลื่อนให้เรามีแรงลุกขึ้นสู้กับมัน และจขกท.อยากจะขอบคุณทุก ๆ คนที่เป็นกำลังใจให้จขกท.มาตลอดตั้งแต่เริ่มสมัครโครงการและสัมภาษณ์วีซ่า ความรู้สึกที่ผ่านมามีทั้งความรู้สึกดีใจเสียใจปะปนกันไป แต่จขกท.ยังยิ้มได้เพราะกำลังใจทั้งนั้นเลยค่ะ ขอบคุณพลังบวก ถ้อยคำที่ไม่เคยดูถูก ขอบคุณทุกคนที่พยายามทำให้จขกท.ยิ้มได้ในทุก ๆ วัน จขกท.จะขอเก็บประสบการณ์ในครั้งนี้ไว้เป็นความทรงจำที่ดีตลอดไปค่ะ
ปล.หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่จะไปสัมภาษณ์วีซ่าหรือผู้ที่สนใจนะคะ ขอให้ทุกคนโชคดีและผ่านสัมภาษณ์ค่ะ