
จุดเริ่มของทริปนี้คือเป็นทริปก่อนภรรยาซึ่งลาเลี้ยงดูบุตรจะกลับไปทำงาน ก็เลยอยากจะพาพ่อและแม่ของภรรยาไปเที่ยวพร้อมพาเด็กน้อย (อายุ10เดือน) ไปด้วย และมีน้องชายของภรรยาติดตามไปด้วยอีกคน รวมเป็นผู้ใหญ่ 5 คนและเด็กน้อยอีก 1 คน โดยกำหนดวันเดินทางเป็น 27-31 มกราคม 2020
เมื่อมาเลือกที่ๆจะไปเมื่อผนวกกับข้อจำกัด เช่น อากาศเย็นแต่ไม่หนาวจนเกินไป, การเดินทางระหว่างสถานที่ต่างๆด้วยรถยนต์, งบประมาณที่วางไว้ หวยเลยไปออกที่ Okinawa โดยการรีวิวครั้งนี้จะพูดถึงการเตรียมตัว การวางแผนการเดินทาง(มี Mapcode ของสถานที่ต่างๆที่ไป) และสถานที่ท่องเที่ยวในการเดินทางท่องเที่ยวที่มีเด็กเล็กไปด้วยครับ ตอนท้ายจะสรุปค่าใช้จ่ายคร่าวๆให้ครับ
การเตรียมตัว
- เครื่องแต่งตัว : เนื่องจากช่วงที่ไปเป็นหน้าหนาวของโอกินาว่า ชุดกันหนาวจึงค่อนข้างสำคัญ แต่ในบ้านเราชุดกันหนาวสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปีค่อนข้างหายาก แต่โชคดียังพอสั่งใน Lazada ได้ถึงแม้คุณภาพจะไม่ดีมาก แต่ก็พอใช้ได้

- อาหาร : อันนี้ก็เป็นเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง จึงต้องเตรียมไปให้พร้อม โดยมื้อเช้าผมเตรียมข้าวต้มกึ่งสำเร็จรูปไป ต้มน้ำใส่ได้เลย เพิ่มโปรตีนให้โดยซื้อไข่ตามแฟมิลี่มาร์ทไปต้ม หรือปลาในซูปเปอร์มาร์เก็ตไปต้ม ให้ทานด้วยกัน ส่วนมื้อกลางวันก็จะเป็นอาหารสำเร็จรูปพร้อมกินแบบพวกพิชชี่ ระหว่างมื้อก็มีขนมเด็กให้กินเล่นแก้เบื่อระหว่างนั่งรถ ส่วนผู้ใหญ่เช้าก็กินง่ายๆในที่พักเพื่อความสะดวกรวดเร็ว โดยผมเตรียมโจ๊กกึ่งสำเร็จรูป บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ข้าวสารไปด้วย ไปซื้อไส้กรอก ไข่ เนื้อสัตว์ ตามซูเปอร์มาร์เก็ตเพิ่มเอา เที่ยง-เย็นกินตามร้านอาหารครับ
ตัวอย่างอาหารเด็ก

แต่จะไปซื้ออาหารเด็กที่โน้นก็ได้ครับ ตามซูปเปอร์มาร์เก็ตหรือร้านขายยามีเยอะครับ

- อุปกรณ์ทำความสะอาด : เนื่องจากเด็กน้อยยังอายุไม่ถึง 1 ปีและยังดื่มนมแม่ ดังนั้นต้องเตรียมอุปกรณ์ล้างขวดนมไปด้วย นอกจากนี้แล้วยังต้องเตรียมอุปกรณ์นึ่งขวดนมไป อันนี้ผมใช้ถุงนึ่งขวดนมแบบใช้กับเตาไมโครเวฟ สามารถหาซื้อได้ตามห้างทั่วไป

- เครื่องใช้เด็กอื่นๆ : อันนี้จะขอกล่าวรวมๆ เนื่องจากการไปเที่ยวหน้าหนาว อากาศค่อนข้างแห้ง ดังนั้นจึงต้องเตรียมโลชั่นแบบพกติดตัวไว้ทาบริเวณใบหน้าให้บ่อยๆ ลิปมันแบบของเด็กทาริมฝีปากบ่อยๆป้องกันการแตกของผิว
อันนี้ไม่ได้เอาไปจากไทยไปซื้อที่โอกินาว่าเอาครับ

นอกจากนี้แล้วเพื่อความสะดวกควรนำรถเข็นเด็ก และเป้สะพายเด็กไปด้วยครับ
- การเตรียมการเดินทาง
ตอนแรกผมคิดไว้ว่าจะเดินทางไปต่อเครื่องที่ฮ่องกง เนื่องจากไม่มั่นใจสายการบิน Peach ที่เป็นสายการบินตรง แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ต่อโปรโมชั่นครับ ได้ตั๋วเครื่องบิน พร้อมกระเป๋าและที่นั่งแบบ fast seat ราคารวมทั้งหมด 45,000 บาท โดยข้อจำกัดของกระเป๋าของสายการบินนี้คือ 20 กก. ต่อใบครับ ส่วนกระเป๋าขึ้นเครื่องได้ 2 ใบน้ำหนักรวมไม่เกิน 7 กก. และขนาดของมิติกว้างบวกด้วยยาวบวกด้วยสูงไม่เกิน 115 เซ็นติเมตร
โดย Peach Air ทำการบินตรงระว่างสุวรรณภูมิและนาฮาวันละ 1 เที่ยวโดยตารางบินเป็นแบบนี้ครับ
BKK - NAHA 01:45 - 08:05
NAHA - BKK 21:45 - 00:35
ซึ่งเวลาค่อนข้างดีเพราะเป็นเวลาที่เด็กนอนหลับ จะได้ไม่รบกวนเพื่อนร่วมเดินทางครับ สำหรับสายการบินโดยรวมก็โอเค ที่นั่งกว้างกว่า Air Asia หรือ Nok Air แต่มีดีเลย์เล็กน้อย
การเดินทางในโอกินาว่า ตอนแรกจะจองผ่านเจ้าประจำที่เคยใช้คือ Tocoo แต่เปิดดูเจอรถเช่าใน KKDay ราคาถูกกว่า โดยได้เป็น Toyota Aphard 2018 เลขไมล์ไม่ถึง 30,000 km มาพร้อมประกันทุกอย่างครบ แต่ข้อเสียคือการจะติดต่ออะไรค่อนข้างยาก เพราะจะต้องติดต่อ KKDay ก่อนและเค้าจะติดต่อบริษัทรถเช่าให้อีกครั้ง โดยบริษัทรถเช่าที่เป็น sub contract ของ KKDay คือ GRACE Okinawa ครับ เมื่อลงเครื่องแล้วเดินไปทาง Domestic จะมีจุดรับของบริษัทต่างๆรอรับอยู่เพื่อไปรับรถที่ตัวบริษัทอีกครั้ง
TIPS : 1.สำหรับรถเช่าในญี่ปุ่นจะมี Navigator ในตัวอยู่แล้ว บางเจ้าก็คิดค่าเช่า บางเจ้าก็ไม่คิดค่าเช่า สามารถนำทางได้โดยใช้หมายเลขโทรศัพท์ของสถานที่นั้นหรือ Mapcode แต่ถ้าสถานที่นั้นเปลี่ยนเบอร์ไม่ตรงกับฐานข้อมูลจะไปไม่ถูก ฉะนั้นการใช้ Mapcode จะสะดวกกว่ามาก และดีกว่าการใช้ Google Map ครับโดย Google Map ใช้เวลาที่ต้องเดินเท้าจะดีกว่า
2.ใบอนุญาตขับขี่ของไทยเมื่อไปขอใบอนุญาตขับขี่สากลแล้วสามารถเช่ารถขับแบบไม่เกิน 7 ที่นั่งเท่านั้น หากเกินกว่านี้ต้องไปขอใบอนุญาตขับขี่สาธารณะ (ญี่ปุ่นเรียก D2 license)

ส่วนบัตรเข้าชมสถานที่ต่างๆ ผมซื้อล่วงหน้าผ่าน KLOOK ช่วงมีโปรลดบัตรท่องเที่ยวญี่ปุ่นพอดี โดยซื้อเป็น Chiraumi Mini Pass โดยจะเป็นตั๋วเข้า Chiraumi Aquarium พร้อมกับตั๋วเข้าสถานที่อื่นๆได้อีก 4 ที่ ราคา 770 บาท แต่ถ้าไปซื้อแยกเฉพาะตัว Chiraumi Aquarium ก็ 500 กว่าบาทแล้วครับ
- ที่พัก
เนื่องจากต้องมีการทำอาหารเด็ก การทำความสะอาดขวดนมและการนึ่งขวดนมการพักที่โรงแรมก็ไม่น่าจะเหมาะสำหรับการเดินทางครั้งนี้ อีกทั้งโรงแรมในโอกินาว่าที่ผมค้นๆดูส่วนมากจะให้ผู้ใหญ่พักได้ 2 คนต่อห้อง หากพักโรงแรมต้องใช้ห้องพัก 3 ห้องซึ่งราคาก็แพงพอสมควรเนื่องจากเป็นช่วงหน้าไฮของที่นั่นเพราะเป็นช่วงที่อากาศเริ่มอุ่นบ้างแล้วและดอกซากุระกำลังจะบาน เลยตัดสินใจไปจอง AirBNB โดยจองแยกเป็น 2 ที่ตามตารางท่องเที่ยว

โดยสองคืนแรกจองไว้ที่เมือง NAHA โดยจองบ้านของ Host ท่านนี้

ข้อดีของบ้านหลังนี้คือใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมคือ ถนน Kokusai มากโดยเดินจากบ้านแค่ 5 นาทีก็ถึงเลยแต่ข้อเสียคือที่จอดรถเล็กมาก ผมเช่า Toyota Alphard ไว้ไม่สามารถเข้าจอดได้เลยต้องเสียค่าที่จอดแพงตามสไตล์ญี่ปุ่นคืนแรกจอดที่จอดใกล้บ้านเลยโดนไป 7100 เยน วันที่สองยอมไปจอดไกลประมาณ 1 กม.จากบ้านเลยโดนแค่ 1900 เยน

สองคืนหลังจองไว้ที่เมือง NAGO โดยจองบ้านของ Host ท่านนี้
ุ

สำหรับบ้านหลังนี้อุปกรณ์ใช้สอยครบกว่าบ้านหลังแรก ที่จอดรถกว้างขวาง แต่อยู่ในซอยที่ค่อนข้างแคบผมไม่กล้าขับเข้าไป ตอนแรกนึกว่าต้องเสียค่าจอดอีกแล้ว แต่เหลือบไปเห็นที่จอดรถสาธารณะใกล้ๆบ้านเลยรอดค่าจอดรถไป
เริ่มเดินทางได้!!!!
Day 1 BKK-Naminoue Shrine-Makishi Market-Kokusai Street
วันแรกเดินทางถึงตรงเวลา 08:05 แต่กว่าจะผ่านการตรวจคนเข้าเมืองก็ขลุกขลักเล็กน้อยครับ หลังจากรับรถแล้วขับไปห้างอิออนใกล้ๆสนามบินเพื่อทานอาหารเช้า จากนั้นกะจะไป Naminoue Shrine แต่!!!! เด็กง่วงนอนเลยต้องล้มแผน ขับไป Makishi Market ก็ยังไม่ตื่นเลยไปรับกุญแจบ้านแล้วเข้าบ้านไปหลับครับ หลังจากตื่นมาก็ออกเดินไปห้าง Ryubo ใกล้เพื่อซื้อปลาทำอาหารให้เด็ก และไป Kokusai Street โดย Kokusai Street จะมีร้านค้าต่างๆมากมาย ร้านขายของฝาก ร้านอาหาร น่าเดินมากครับ สุดท้ายก็ได้ของมาบ้างจากเจ้าเดิม Donki ตรงแยกตรงห้าง Ryubo จะเข้า Kokusai Street จะมีแยกที่นักท่องเที่ยวเรียก Mini Shibuya คนเดินข้ามถนนตัดไปตัดมาคล้ายๆใน Shibuya ที่ Tokyo ครับแต่เล็กกว่ามาก
Kokusai Street (Mapcode : 33156176*66)

Day2 Naminoue Shrine-American Village-Nuchi Una-Uruma Town
เนื่องจากสถานที่ต่างๆใน Naha ไม่ได้ไกลกันเท่าไหร่ เลยย้อนกลับมาที่ Naminoue Shrineุ ครับ ตัวศาลเจ้ามีหาดสวยๆตั้งอยู่ใกล้ๆเดินลงไปได้ แต่ตัวประวัตินี่ผมไม่มีข้อมูลครับ

Naminoue Shrine (Mapcode : 33185022*00)
จากนั้นเดินทางไป American Village ซึ่งผมมองว่าที่นี่นอกจากชิงช้าสวรรค์ยักษ์แล้วไม่มีอะไรเลย ทำคล้ายๆซานโตรินี่บ้านเรานี่แหละ แต่เป็นธีมแบบ American เลยกินข้าวเที่ยงเสร็จแล้วออกเดินทางต่อ

American Village (Mapcode : 33536450*63)
จาก American Village เดินทางต่อไป Nuchi Una หรือโรงงานผลิตเกลือ โดยเกลือที่นี่ได้ถูกบันทึกใน Guinness World Record ว่ามีแร่ธาตุมากที่สุดในโลก (14 ชนิดและ 9 ชนิดใน 14 ชนิดไม่พบกับเกลือที่อื่น) ใกล้ๆกันเดินขึ้นเนินไปหน่อยมี Happy Cliff วิวสวยมากครับ ทั้งสองที่ไม่เสียค่าเข้าชมครับ


ตรง Happy Cliff น้ำใสมาก แต่ลมค่อนข้างแรกตรงนี้ถ้าไม่มีรถเข็นเด็กจะไปยากหน่อยต้องอุ้มขึ้นเนินครับ

เค้าไปซื้อเกลือที่นี่กัน แต่บ้านผมได้คุ้กกี้เกลือมา อร่อยครับเค็มๆเนยๆ กล่องเล็กประมาณ 300 กว่าเยน กล่องใหญ่ 1000 กว่าเยนครับ
Nucha Uni (Mapcode : 499674664*36)
เสร็จจากโรงงานเย็นมากแล้วเลยตัดสินใจแวะเมืองใกล้ๆกินข้าวเย็นก่อนกลับ Naha โดยเมืองนี้ชื่อ Uruma ก็ได้ไปแวะ Mega Donki, Uniqlo และทานข้าวที่ร้านข้าวหมูทอดใกล้ Uniqlo อร่อยดีครับ

ได้ชุดกันหนาวพ่อ แม่ ลูกมา 5 ตัวราคา 20,000 เยนมีทอนครับ (ทำ tax free shopping) ที่ถูกมากเพราะกำลังหมดหน้าหนาวเค้าเลย Sales ชุดกันหนาวครับ
Mega Donki Uruma Town (Mapcode : 33628781*33)
Uniqlo Uruma Town (Mapcode : 33627680*00)
Day3 Cape Maeda-Ryuku Mura-Cape Manzamo-Orion Happy Park
วันนี้เดินทางขึ้นทางเหนือของเกาะ Okinawa จุดแรกที่ไปแวะระหว่างทางคือร้าน Super Sport Xebio ร้านขายอุปกรณ์กีฬาชื่อดังเพราะทางพ่อและแม่ภรรยาอยากได้รองเท้ากีฬาไอ้ตัวเล็กก็เลยได้มาด้วยครับ สินค้าของเด็กลดราคาพอดี รองเท้าเด็กเล็กเมืองไทยหายากมาก แต่มาญี่ปุ่นนี่เต็มไปหมดเลย

รองเท้า New Balance Kids, Asics Kids บวกเสื้อแจ๊คเก็ต Adidas ทั้งหมดประมาณ 10,500 เยนครับ
Super Sport Xebio Ginowan (Mapcode : 33373540*22)
จากนั้นเดินทางไปผา Maeda ที่ไปนี้เพราะว่าใกล้กับ Ryukyu Mura และไม่เสียค่าเข้าชมครับ จริงๆเทียบกับผาอื่นๆในทริปนี่ ที่นี่ดูธรรมดาๆครับ

Maeda Cape (Mapcode : 206092113*71)
เสร็จจากผา Maeda เดินทางไป Ryuku Muru ใกล้ๆกันโดยที่นี่เป็นหมู่บ้านวัฒนะธรรมชาวริวกิว(โอกินาว่าเดิมก่อนรวมกับญี่ปุ่น) โดยการเข้าชมใช้ตั๋ว 1 ใบจาก Shiraumi Mini Pass ครับ มีการแสดงต่างๆตามรอบเวลา



เดี๋ยวมาต่อครับ
[CR] เที่ยวทั้งครอบครัว Okinawa 2020
เมื่อมาเลือกที่ๆจะไปเมื่อผนวกกับข้อจำกัด เช่น อากาศเย็นแต่ไม่หนาวจนเกินไป, การเดินทางระหว่างสถานที่ต่างๆด้วยรถยนต์, งบประมาณที่วางไว้ หวยเลยไปออกที่ Okinawa โดยการรีวิวครั้งนี้จะพูดถึงการเตรียมตัว การวางแผนการเดินทาง(มี Mapcode ของสถานที่ต่างๆที่ไป) และสถานที่ท่องเที่ยวในการเดินทางท่องเที่ยวที่มีเด็กเล็กไปด้วยครับ ตอนท้ายจะสรุปค่าใช้จ่ายคร่าวๆให้ครับ
การเตรียมตัว
- เครื่องแต่งตัว : เนื่องจากช่วงที่ไปเป็นหน้าหนาวของโอกินาว่า ชุดกันหนาวจึงค่อนข้างสำคัญ แต่ในบ้านเราชุดกันหนาวสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปีค่อนข้างหายาก แต่โชคดียังพอสั่งใน Lazada ได้ถึงแม้คุณภาพจะไม่ดีมาก แต่ก็พอใช้ได้
- อาหาร : อันนี้ก็เป็นเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง จึงต้องเตรียมไปให้พร้อม โดยมื้อเช้าผมเตรียมข้าวต้มกึ่งสำเร็จรูปไป ต้มน้ำใส่ได้เลย เพิ่มโปรตีนให้โดยซื้อไข่ตามแฟมิลี่มาร์ทไปต้ม หรือปลาในซูปเปอร์มาร์เก็ตไปต้ม ให้ทานด้วยกัน ส่วนมื้อกลางวันก็จะเป็นอาหารสำเร็จรูปพร้อมกินแบบพวกพิชชี่ ระหว่างมื้อก็มีขนมเด็กให้กินเล่นแก้เบื่อระหว่างนั่งรถ ส่วนผู้ใหญ่เช้าก็กินง่ายๆในที่พักเพื่อความสะดวกรวดเร็ว โดยผมเตรียมโจ๊กกึ่งสำเร็จรูป บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ข้าวสารไปด้วย ไปซื้อไส้กรอก ไข่ เนื้อสัตว์ ตามซูเปอร์มาร์เก็ตเพิ่มเอา เที่ยง-เย็นกินตามร้านอาหารครับ
ตัวอย่างอาหารเด็ก
- เครื่องใช้เด็กอื่นๆ : อันนี้จะขอกล่าวรวมๆ เนื่องจากการไปเที่ยวหน้าหนาว อากาศค่อนข้างแห้ง ดังนั้นจึงต้องเตรียมโลชั่นแบบพกติดตัวไว้ทาบริเวณใบหน้าให้บ่อยๆ ลิปมันแบบของเด็กทาริมฝีปากบ่อยๆป้องกันการแตกของผิว
อันนี้ไม่ได้เอาไปจากไทยไปซื้อที่โอกินาว่าเอาครับ
- การเตรียมการเดินทาง
ตอนแรกผมคิดไว้ว่าจะเดินทางไปต่อเครื่องที่ฮ่องกง เนื่องจากไม่มั่นใจสายการบิน Peach ที่เป็นสายการบินตรง แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ต่อโปรโมชั่นครับ ได้ตั๋วเครื่องบิน พร้อมกระเป๋าและที่นั่งแบบ fast seat ราคารวมทั้งหมด 45,000 บาท โดยข้อจำกัดของกระเป๋าของสายการบินนี้คือ 20 กก. ต่อใบครับ ส่วนกระเป๋าขึ้นเครื่องได้ 2 ใบน้ำหนักรวมไม่เกิน 7 กก. และขนาดของมิติกว้างบวกด้วยยาวบวกด้วยสูงไม่เกิน 115 เซ็นติเมตร
โดย Peach Air ทำการบินตรงระว่างสุวรรณภูมิและนาฮาวันละ 1 เที่ยวโดยตารางบินเป็นแบบนี้ครับ
BKK - NAHA 01:45 - 08:05
NAHA - BKK 21:45 - 00:35
ซึ่งเวลาค่อนข้างดีเพราะเป็นเวลาที่เด็กนอนหลับ จะได้ไม่รบกวนเพื่อนร่วมเดินทางครับ สำหรับสายการบินโดยรวมก็โอเค ที่นั่งกว้างกว่า Air Asia หรือ Nok Air แต่มีดีเลย์เล็กน้อย
การเดินทางในโอกินาว่า ตอนแรกจะจองผ่านเจ้าประจำที่เคยใช้คือ Tocoo แต่เปิดดูเจอรถเช่าใน KKDay ราคาถูกกว่า โดยได้เป็น Toyota Aphard 2018 เลขไมล์ไม่ถึง 30,000 km มาพร้อมประกันทุกอย่างครบ แต่ข้อเสียคือการจะติดต่ออะไรค่อนข้างยาก เพราะจะต้องติดต่อ KKDay ก่อนและเค้าจะติดต่อบริษัทรถเช่าให้อีกครั้ง โดยบริษัทรถเช่าที่เป็น sub contract ของ KKDay คือ GRACE Okinawa ครับ เมื่อลงเครื่องแล้วเดินไปทาง Domestic จะมีจุดรับของบริษัทต่างๆรอรับอยู่เพื่อไปรับรถที่ตัวบริษัทอีกครั้ง
TIPS : 1.สำหรับรถเช่าในญี่ปุ่นจะมี Navigator ในตัวอยู่แล้ว บางเจ้าก็คิดค่าเช่า บางเจ้าก็ไม่คิดค่าเช่า สามารถนำทางได้โดยใช้หมายเลขโทรศัพท์ของสถานที่นั้นหรือ Mapcode แต่ถ้าสถานที่นั้นเปลี่ยนเบอร์ไม่ตรงกับฐานข้อมูลจะไปไม่ถูก ฉะนั้นการใช้ Mapcode จะสะดวกกว่ามาก และดีกว่าการใช้ Google Map ครับโดย Google Map ใช้เวลาที่ต้องเดินเท้าจะดีกว่า
2.ใบอนุญาตขับขี่ของไทยเมื่อไปขอใบอนุญาตขับขี่สากลแล้วสามารถเช่ารถขับแบบไม่เกิน 7 ที่นั่งเท่านั้น หากเกินกว่านี้ต้องไปขอใบอนุญาตขับขี่สาธารณะ (ญี่ปุ่นเรียก D2 license)
- ที่พัก
เนื่องจากต้องมีการทำอาหารเด็ก การทำความสะอาดขวดนมและการนึ่งขวดนมการพักที่โรงแรมก็ไม่น่าจะเหมาะสำหรับการเดินทางครั้งนี้ อีกทั้งโรงแรมในโอกินาว่าที่ผมค้นๆดูส่วนมากจะให้ผู้ใหญ่พักได้ 2 คนต่อห้อง หากพักโรงแรมต้องใช้ห้องพัก 3 ห้องซึ่งราคาก็แพงพอสมควรเนื่องจากเป็นช่วงหน้าไฮของที่นั่นเพราะเป็นช่วงที่อากาศเริ่มอุ่นบ้างแล้วและดอกซากุระกำลังจะบาน เลยตัดสินใจไปจอง AirBNB โดยจองแยกเป็น 2 ที่ตามตารางท่องเที่ยว
สองคืนหลังจองไว้ที่เมือง NAGO โดยจองบ้านของ Host ท่านนี้
ุ
เริ่มเดินทางได้!!!!
Day 1 BKK-Naminoue Shrine-Makishi Market-Kokusai Street
วันแรกเดินทางถึงตรงเวลา 08:05 แต่กว่าจะผ่านการตรวจคนเข้าเมืองก็ขลุกขลักเล็กน้อยครับ หลังจากรับรถแล้วขับไปห้างอิออนใกล้ๆสนามบินเพื่อทานอาหารเช้า จากนั้นกะจะไป Naminoue Shrine แต่!!!! เด็กง่วงนอนเลยต้องล้มแผน ขับไป Makishi Market ก็ยังไม่ตื่นเลยไปรับกุญแจบ้านแล้วเข้าบ้านไปหลับครับ หลังจากตื่นมาก็ออกเดินไปห้าง Ryubo ใกล้เพื่อซื้อปลาทำอาหารให้เด็ก และไป Kokusai Street โดย Kokusai Street จะมีร้านค้าต่างๆมากมาย ร้านขายของฝาก ร้านอาหาร น่าเดินมากครับ สุดท้ายก็ได้ของมาบ้างจากเจ้าเดิม Donki ตรงแยกตรงห้าง Ryubo จะเข้า Kokusai Street จะมีแยกที่นักท่องเที่ยวเรียก Mini Shibuya คนเดินข้ามถนนตัดไปตัดมาคล้ายๆใน Shibuya ที่ Tokyo ครับแต่เล็กกว่ามาก
Kokusai Street (Mapcode : 33156176*66)
Day2 Naminoue Shrine-American Village-Nuchi Una-Uruma Town
เนื่องจากสถานที่ต่างๆใน Naha ไม่ได้ไกลกันเท่าไหร่ เลยย้อนกลับมาที่ Naminoue Shrineุ ครับ ตัวศาลเจ้ามีหาดสวยๆตั้งอยู่ใกล้ๆเดินลงไปได้ แต่ตัวประวัตินี่ผมไม่มีข้อมูลครับ
จากนั้นเดินทางไป American Village ซึ่งผมมองว่าที่นี่นอกจากชิงช้าสวรรค์ยักษ์แล้วไม่มีอะไรเลย ทำคล้ายๆซานโตรินี่บ้านเรานี่แหละ แต่เป็นธีมแบบ American เลยกินข้าวเที่ยงเสร็จแล้วออกเดินทางต่อ
จาก American Village เดินทางต่อไป Nuchi Una หรือโรงงานผลิตเกลือ โดยเกลือที่นี่ได้ถูกบันทึกใน Guinness World Record ว่ามีแร่ธาตุมากที่สุดในโลก (14 ชนิดและ 9 ชนิดใน 14 ชนิดไม่พบกับเกลือที่อื่น) ใกล้ๆกันเดินขึ้นเนินไปหน่อยมี Happy Cliff วิวสวยมากครับ ทั้งสองที่ไม่เสียค่าเข้าชมครับ
Nucha Uni (Mapcode : 499674664*36)
เสร็จจากโรงงานเย็นมากแล้วเลยตัดสินใจแวะเมืองใกล้ๆกินข้าวเย็นก่อนกลับ Naha โดยเมืองนี้ชื่อ Uruma ก็ได้ไปแวะ Mega Donki, Uniqlo และทานข้าวที่ร้านข้าวหมูทอดใกล้ Uniqlo อร่อยดีครับ
Mega Donki Uruma Town (Mapcode : 33628781*33)
Uniqlo Uruma Town (Mapcode : 33627680*00)
Day3 Cape Maeda-Ryuku Mura-Cape Manzamo-Orion Happy Park
วันนี้เดินทางขึ้นทางเหนือของเกาะ Okinawa จุดแรกที่ไปแวะระหว่างทางคือร้าน Super Sport Xebio ร้านขายอุปกรณ์กีฬาชื่อดังเพราะทางพ่อและแม่ภรรยาอยากได้รองเท้ากีฬาไอ้ตัวเล็กก็เลยได้มาด้วยครับ สินค้าของเด็กลดราคาพอดี รองเท้าเด็กเล็กเมืองไทยหายากมาก แต่มาญี่ปุ่นนี่เต็มไปหมดเลย
Super Sport Xebio Ginowan (Mapcode : 33373540*22)
จากนั้นเดินทางไปผา Maeda ที่ไปนี้เพราะว่าใกล้กับ Ryukyu Mura และไม่เสียค่าเข้าชมครับ จริงๆเทียบกับผาอื่นๆในทริปนี่ ที่นี่ดูธรรมดาๆครับ
เสร็จจากผา Maeda เดินทางไป Ryuku Muru ใกล้ๆกันโดยที่นี่เป็นหมู่บ้านวัฒนะธรรมชาวริวกิว(โอกินาว่าเดิมก่อนรวมกับญี่ปุ่น) โดยการเข้าชมใช้ตั๋ว 1 ใบจาก Shiraumi Mini Pass ครับ มีการแสดงต่างๆตามรอบเวลา
เดี๋ยวมาต่อครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้