พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย อายุของมนุษย์ทั้งหลายนี้ น้อยนัก จำต้องไปสู่สัมปรายภพ ควรทำกุศล ควรประพฤติพรหมจรรย์ สัตว์ผู้เกิดมาแล้วจะไม่ตายไม่มี ดูกรภิกษุทั้งหลาย คนที่เป็นอยู่นาน ย่อมเป็นอยู่ได้ เพียงร้อยปี หรือจะอยู่เกินไปได้บ้าง ก็มีน้อย ฯ
[๔๔๑] ครั้งนั้นแล มารผู้มีบาปได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ แล้วได้กราบ
ทูลพระผู้มีพระภาคด้วยคาถาว่า
อายุของมนุษย์ทั้งหลายยืนยาว คนดีไม่ควรดูหมิ่นอายุนั้นเลย ควรประพฤติดุจเด็กอ่อนที่มุ่งแต่จะกินนม ฉะนั้น การมาแห่งมัจจุไม่มี ฯ
[๔๔๒] ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบว่า นี่มารผู้มีบาป จึงได้ ตรัสกะมารผู้มีบาปด้วยพระคาถาว่าอายุของมนุษย์ทั้งหลายน้อย คนดีควรดูหมิ่นอายุนั้นเสีย ควรประพฤติดุจคนที่ถูกไฟไหม้ศีรษะ ฉะนั้น การที่จะไม่มาแห่งมัจจุไม่มีเลย ฯ
ครั้งนั้นแล มารผู้มีบาป เป็นทุกข์ เสียใจว่า พระผู้มีพระภาคทรงรู้จักเรา พระสุคต
ทรงรู้จักเรา ดังนี้ จึงได้อันตรธานไปในที่นั้นแล ฯ
อายุคนสั้นนัก การที่จะไม่มาแห่งมัจจุไม่มีเลย ฯ
[๔๔๑] ครั้งนั้นแล มารผู้มีบาปได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ แล้วได้กราบ
ทูลพระผู้มีพระภาคด้วยคาถาว่า
อายุของมนุษย์ทั้งหลายยืนยาว คนดีไม่ควรดูหมิ่นอายุนั้นเลย ควรประพฤติดุจเด็กอ่อนที่มุ่งแต่จะกินนม ฉะนั้น การมาแห่งมัจจุไม่มี ฯ
[๔๔๒] ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบว่า นี่มารผู้มีบาป จึงได้ ตรัสกะมารผู้มีบาปด้วยพระคาถาว่าอายุของมนุษย์ทั้งหลายน้อย คนดีควรดูหมิ่นอายุนั้นเสีย ควรประพฤติดุจคนที่ถูกไฟไหม้ศีรษะ ฉะนั้น การที่จะไม่มาแห่งมัจจุไม่มีเลย ฯ
ครั้งนั้นแล มารผู้มีบาป เป็นทุกข์ เสียใจว่า พระผู้มีพระภาคทรงรู้จักเรา พระสุคต
ทรงรู้จักเรา ดังนี้ จึงได้อันตรธานไปในที่นั้นแล ฯ