Real life for stubborn men. ชีวิตจริงของผู้ชายปากแข็ง

Real life for stubborn men.

สวัสดีครับผู้อ่าน ผมเองก็ไม่รู้จะทำยังไงอยากจะเล่า อยากจะพูด แต่มันเป็นเรื่องที่น่าสมเพชของผู้ชายคนหนึ่ง เพียงเพราะไม่กล้าพูดออกไป มันได้เปลี่ยนอนาคตของผมไปเลย
         เรื่องมันมีอยู่ว่าเมื่อตอนผมเรียนอยู่มัธยมปลาย “ปีอะไรน่ะหรออืม จำไม่ได้แฮะ แต่ถ้าอยากรู้ขอเวลาแปป 28-16-(2563)=พศ. 2551 ผมได้เจอรักเก่า ที่ผมเคยคบกันคุยกันแล้วหายไปเมื่อสองปีก่อน ได้เจอกันในเกมออนไลน์ ในห้องเกมห้องหนึ่ง ในสมัยนั้นที่ยังเป็น Hi5 อยู่ ความบังเอิญที่เป็นแบบ”อะไรวะ” วันนั้นน่ะผมงงเลย แต่ในใจนะเชี่ยพรมลิขิต คือผู้หญิงคนนี้อายุมากกว่าผมหนึ่งปี เราเองก็คิดว่าจะได้กลับมาเจอกัน เราเคยคุยกันแล้วความสัมพันธ์เราเลยไปไวมาก วันนั้นจำได้เลยวันสงกานเค้ามาหามาเล่นน้ำด้วยกัน ซึ่งเราเองก็ไม่เคยมีแฟน ลองจินตนาการในแบบเฮ้ยมีผู้หญิงมาหาว่ะ แต่เรื่องราวมันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ไม่ได้สวยหรู ใช่เค้ามาหาเราเค้ามาเล่นน้ำ คุณคงคิดแล้วว่าแล้วมันปากแข็งตรงไหนวะ ตรงที่ผู้หญิงคนนี้เค้ากลับบ้านไม่ได้แล้วเราจะไปคุยกับพ่อ พาผู้หญิงคนนี้ไปส่งที่บ้านให้หน่อย แต่เรื่องเรากับกายเป็นว่าพ่อเข้าใจว่า เราพาแฟนมาที่บ้าน ทะเลาะกับพ่อยกใหญ่เลย พยายามอธิบายพ่อเค้าไม่ฟัง เราเลยปล่อยไปตามอารมณ์ไม่อธิบายไปเลย จนมาเจอคำคำนึง”อยากมีครอบครัวนักออกไปจากบ้านกู อยากมีชีวิตเป็นของตัวเองก็ออกไป” เราที่มีพ่ออยู่คนเดียวซึ่งตอนนั้นเราก็ไม่มีแม่ มันเหมือนกับแบบว่า โลกนี้จบสิ้นแล้ว เราจะทำยังไงต่อ แล้วผู้หญิงคนนั้นน่ะหรอ เราเลยถามเหตุผลเค้าว่าเค้ามาหาแล้วทำไม ทำไมไม่ยอมกลับบ้าน เค้าบอกว่าเค้าออกจากบ้านมาทะเลาะกับแม่ เพราะว่าเค้าท้อง เราเลยรีบไปบอกพ่อ จะอธิบายพอฟังอีกครั้งนึงว่าเราควรที่จะพาผู้หญิงคนนี้กลับบ้าน แต่ยังไม่ได้อธิบายเลยพ่อก็เดินหนีเราไป แทนที่ตัวเองอ่ะจะเป็นคนตามไปพูดตามอธิบายทำไมเราถึงไม่อธิบาย สุดท้าย เราก็ออกจากบ้าน ไปส่งผู้หญิงคนนั้นก่อน ส่งที่ท่ารถ บอกแท็กซี่ให้ไปถึงบ้านเลยนะ ส่วนเราน่ะหรอ ก็ออกจากบ้านไปเลย ไม่กลับเข้าไปอีกเลยสิ่งที่ติดตัวมา มีแค่บัตรประชาชน กระเป๋าตังค์ เสื้อผ้าอีกสามสี่ชุด โทรศัพท์ก็ยังเป็นปุ่มกด แต่ตอนนั้นถือว่าดีแล้วนะเพราะแบบทัชสกรีน ยังเป็นของแพง ตอนนั้นมีตังอยู่ 1500 จำไม่ได้แล้วมีเศษเท่าไหร่ เรานั่งรถไปเรื่อยเรื่อยนอนตามปั๊ม เรานั่งรถไปเรื่อยเรื่อยนอนตามปั๊ม ใครเคยคิดว่าจะใช้ชีวิตแบบเรื่อยเปื่อยอ่ะ   ผมทำมาแล้ว แต่อย่าทำเลย โดดเดี่ยวมาก ชีวิตที่ไม่มีใคร อยู่คนเดียว ไม่สนุกเลย เราอยู่อย่างนี้เกือบสองเดือน เราได้ไปเที่ยวทะเลนอนชายหาดนอนปั๊ม นอนป้ายรถเมล์ นอนวัด ได้ไปเป็นลูกศิษย์วัดด้วยนะ ตอนนั้นได้บุญเลยแหละ แต่ตอนนั้นชีวิตคือการเดินทาง เราตัดสินใจเข้าไปดูในโซเชียล เราเจอข้อความของผู้หญิงคนนั้น ข้อความที่บอกว่าเป็นห่วงเรามากๆ เค้าบอกว่าเค้ากลับไปที่บ้านเรา เอาตังไปคืนค่าแท็กซี่ แต่ไม่เจอเรา ที่บ้านบอกว่าเราหายตัวไป เค้าเป็นห่วงเค้าว่างั้นนะ เครก็คิดว่าไม่มีผู้หญิงที่รักเราจริง มีคนที่รักเราจริง ต้องการเรา เพราะในข้อความชุดนั้น บอกให้ไปหาอยากคุยด้วยถ้าไม่มีที่ไปมาอยู่กับเขา เราเองก็แปลกใจนะ ใช่หรอมันจะมีคนอย่างนั้นด้วยหรอ ตอนนั้นเราคิดว่าเค้าเนี่ยเป็นคนเดียวเลย ที่ต้องการเรา เราไม่เคยหวนกลับไปคิดเลยว่าครอบครัวเราจะเป็นยังไง เราไม่เคยหวนกลับไปคิดเลยว่าครอบครัวเราจะเป็นยังไง เราตัดสินใจว่าเราไปอยู่กับเขา เรากลับไปที่จังหวัด... เพื่อที่จะไปป่าวผู้หญิงคนนั้น ผู้ชายอายุ 16 จะอายุ 17 แล้ว ใช้ชีวิตเหมือนผู้ใหญ่ พอเราไม่อยู่ที่บ้านเค้าไม่หกไม่ชอบหรอก เพราะเราไปแต่ตัว  ใครเค้าจะไปชอบมันเนอะ เราก็ได้ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น ช่วงแรกที่เรายังไม่ได้ทำงาน รู้สึกไม่ดีเลย พยายามหางานทำ ตอนนั้นเรายังไม่คิดที่ว่าจะคบกับผู้หญิงคนนี้ เราละอาย จนผมทำงานได้ผมมีงานทำ คบกับเขาตอนนั้นเค้าว่าท้องมาสี่เดือนแล้ว ผมได้พาเค้าไปฝากครรภ์และรับเป็นพ่อเด็ก”เออใช่ผมลืมเล่าสินะ ที่เค้ามาหาผมเนี่ยเพราะเขาไม่รู้ใครเป็นพ่อ ทะเลาะกับแม่ เลยมาหาผม” ซึ่งตอนนั้นเองเนี่ยผมก็ไม่กล้าบอกเขาหรอก ว่าผมตัดความสัมพันธ์กับที่บ้าน ไม่กล้าพูด แม้แต่ที่ทำงาน ผมยังไม่กล้าเล่าให้ฟังเลย ชีวิตผู้ชายคนหนึ่งที่ต้องทำงานหาเงิน ตั้งแต่อายุ 16 แล้วไม่ใช่เพราะว่าบ้าน ให้เราออกมาทำงานหาเงิน เป็นเราเองที่หนีออกจากบ้าน เราดูแลอย่างดีเลยนะมีเงินเราให้เขาทุกบาททุกสตางค์เลย ตอนนั้นเนี่ยมือถือที่เราติดตัวไปด้วย เราเอาไปขาย เพราะว่าเราอยู่ข้างนอกเร่ร่อน ไม่มีเงินเลยจำเป็นต้องขาย ไม่งั้นก็อดตาย ตอนนี้เลยเราไม่มีมือถือ ก็ไม่คิดจะซื้อ มันเลยเป็นจุดเริ่มต้น ของชีวิตที่ แสนเศร้า ตอนนั้นน่ะเราดูแลเค้าจนคลอด อยากกินอะไรก็ให้กิน อยากให้ลูกออกมาสมบูรณ์มากที่สุด และก็เป็นยังงั้นเราได้ลูกที่อ้วนท้วมสมบูรณ์ ลูกชายสุดน่ารัก พอคลอดได้ออกมาไม่นาน ผู้หญิงคนนั้นเค้าก็อยากได้เงินมากขึ้น เค้าอยากไปทำงานเราเห็นดีด้วยนะคนอยากทำงานใครจะขัดเนอะ งานที่เค้าทำมันคืองานเต้น เป็นแดนเซอร์  เราก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกเป็นงานสุจริต ทุกคืนเนี่ยเราจะไปนั่งรอรับเขา นั่นแหละเป็นจุดเริ่มต้นของการที่ไม่มีโทรศัพท์ ก็เลยไม่รู้ว่าเค้าหายไปไหน มันเกือบเช้า เราก็ยังนั่งรอนั่นแหละ ก็เห็นเค้าลงจากแท็กซี่ มีคนมาส่ง สงสัยใช่ไหมว่ามันเกี่ยวไรกับโทรศัพท์ เพราะใน Hi5 เนี่ยเค้าลงรูปกับผู้ชายคนนั้น แล้วมันเป็นยังไงหรอ “หิวแล้วขอกินข้าวก่อนนะ”
ถ้าพิมพ์ผิดจงรู้ไว้ ผม 1 ภาษาไทย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่