ยกตัวอย่าง เวลาเราท่องสูตรคูณในใจ เราถ่องก็เหมือนถ่องเวลาพูดนั่นแหละแต่ไม่ได้เปล่งเสียงออกมา มันก็สองหนึ่งสองสองสองสี่ในใจ (ทุกคนลองทำตามได้) แต่เชื่อว่าทุกคนก็เป็น บางทีใจมันก็ไปนึกถึงเหตุการอื่นได้โดยที่ สองหนึ่งสองสองสองสี่ในใจมันก็ยังถ่องเป็นกิริยาอยู่ในใจ (ลองทำตามได้ทุกคน) ถามว่า
1) ตอนที่จิตมันก็ไปนึกถึงเหตุการหนึ่ง ตอนนั้น จิตในการท่องสูตรคูณ ดับไปแล้ว ใช่หรือไม่ ?
2) ถ้าดับไปแล้วทำไมมันยังถ่องอยู่ในใจเป็นกิริยาได้ขณะที่เรามโนเรื่องอื่นอยู่ อุปมาเหมือน เวลาเราเดินเป็นกิริยา ไม่ได้คิดเรื่องเดิน แต่ร่างกายมันก็เดินของมันต่อไปได้ ฉันใด เลยสงสัยว่าจิตที่เป็นแค่การจำมันก็นึกของมันเองโดนไม่ได้คิด
สองหนึ่งสองสองสองสี่) สามารถเกิดขึ้นพร้อมกับจิตที่ไปคิดติตรึกในเรื่องๆหนึ่ง ได้หรือ หรือเราเข้าใจอะไรผิด มีพระสูตรอธิบายใหม๊ ?
ในธรรมะ มี จิต ที่เป็นเจตนา และ จิตที่เป็นกิริยาใหม๊ แล้วเกิดขึ้นพร้อมกันได้ไหม๊ ?
1) ตอนที่จิตมันก็ไปนึกถึงเหตุการหนึ่ง ตอนนั้น จิตในการท่องสูตรคูณ ดับไปแล้ว ใช่หรือไม่ ?
2) ถ้าดับไปแล้วทำไมมันยังถ่องอยู่ในใจเป็นกิริยาได้ขณะที่เรามโนเรื่องอื่นอยู่ อุปมาเหมือน เวลาเราเดินเป็นกิริยา ไม่ได้คิดเรื่องเดิน แต่ร่างกายมันก็เดินของมันต่อไปได้ ฉันใด เลยสงสัยว่าจิตที่เป็นแค่การจำมันก็นึกของมันเองโดนไม่ได้คิด
สองหนึ่งสองสองสองสี่) สามารถเกิดขึ้นพร้อมกับจิตที่ไปคิดติตรึกในเรื่องๆหนึ่ง ได้หรือ หรือเราเข้าใจอะไรผิด มีพระสูตรอธิบายใหม๊ ?