.
วันที่ 27 มกราคม 1945
กองทัพโซเวียตภายใต้การนำของจอมพล
Ivan Konev
ได้บุกยึดค่ายกักกันที่ใหญ่ที่สุดของอาณาจักร Third Reich (นาซีเยอรมัน)
นักโทษในค่ายกักกัน
Auschwitz ได้รับอิสรภาพจากบุกยึด
โดยกองทัพแดงที่ร่วมกันถึง 4 กองพลทหารราบ มีเป้าหมายสูงสุดคือ ยึดนครเบอร์ลิน
กองพลแนวหน้าในการสู้รบคือ กองพลทหารราบที่ 107 กับกองพลทหารราบที่ 100
พันตรี Anatoly Shapiro จากกองพลทหารราบที่ 100 คือ ผู้นำในการบุกยึดค่ายกักกันคนแรก
ความทรงจำของท่านคือ ในช่วงบ่ายของวันนั้น เราเข้าไปในเขตค่ายกักกัน
แล้วพากันเดินผ่านประตุทางเข้า ที่มีป้ายขนาดใหญ่เขียนไว้ว่า
Arbeit macht frei = Work sets you free จงทำงานจีงมีอิสรภาพ
การเดินเข้าไปข้างในโดยไม่มีผ้าปิดปากปิดจมูกแทบเป็นไปไม่ได้เลย
ศพทิ้งเน่าเหม็นกองอยู่บนเตียง 2 ชั้น
ใต้เตียง 2 ชั้น มีโครงกระดูกที่แทบจะไร้ชีวิตคลานออกมา
พร้อมกับสาบานว่า พวกตนไม่ใช่ชาวยิว
(ในค่ายยังมีนักโทษชาวโปแลนด์ รัสเซีย และชาติอื่น ๆ)
นักโทษทุกคนไม่มีใครเชื่อว่า ตอนนี้ทุกคนได้รับอิสรภาพแล้ว
หมายเหตุ
ตอนซูนามิที่ฝั่งอันดามัน พวกกู้ภัยที่ไปเก็บศพคนตาย
แนะนำว่าให้เอาน้ำมันก๊าดชุบสำลีสูดดมผ่านผ้าปิดปากปิดจมูก
หรืออีกวิธีคือ สูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ สักสามครั้งจะชินกลิ่นศพ
.
มีนักโทษราว 7,000 คนในค่ายกักกันในเวลานั้น
นักโทษค่ายกักกันที่มีชื่อเรียกว่า หมายเลข 74233 :
ในตอนนั้น ผมเห็นคนใส่ชุดคลุมสีขาวกับสีเทาเดินบนท้องถนนใกล้เข้ามาในค่าย
ตอนนั้นเวลาราว 17:00 ตอนแรกเราคิดว่า พวกนักโทษในค่ายกำลังกลับจากทำงาน
ผมวิ่งออกไปดูว่ามีใครกลับมาบ้าง และแล้วพวกเรารู้สึกดีใจอย่างแรงเลย
นึ่คือ หน่วยลาดตระเวณของกองทัพโซเวียต
พวกเราต่างจูบซึ่งกันและกันแล้วสวมกอดซึ่งกันและกัน
พร้อมกับแสดงความยินดีอย่างได้แรงอก(ดีใจ/ยินดี/สะใจอย่างแรง)
พวกเราได้รับคำสั่งให้ไปให้พ้น เพราะทหารโซเวียตได้อธิบายว่า
พวกเราไม่ควรจะอยู่ที่นี่ เพราะยังไม่ชัดเจนว่ามีศัตรู(นาซีเยอรมัน) หลบซ่อนอยู่หรือไม่
พวกเราต่างเดินถอยหลังกลับเข้าที่อีกหลายก้าว
.
.
ในปี 1945 พลโท Vasily Petrenko ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 107
ได้เดินทางเข้ามาในค่ายกักกันแห่งนี้ตามหลัง พันตรี Anatoly Shapiro
ได้บันทึกความทรงจำของท่านเรื่องราวก่อนและหลังค่ายกักกัน Auschwitz อธิบายสิ่งที่ท่านเห็นว่า :
เมื่อวันที่ 18 มกราคม นาซีเยอรมันได้สั่งทุกคนที่ยังเดินได้ให้ไปกับพวกมัน
ผู้ป่วยและผู้ที่อ่อนแอจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
เหลือคนเพียงไม่กี่คนที่ยังวิ่งได้ เมื่อกองทัพของเรามาถึงค่าย
และแล้วเราได้ส่งหน่วยสุขาภิบาลที่เป็นของกองพลทหารราบที่ 108
กองร้อยที่ 322 และกองพลทหารราบที่ 107 ของผมเข้าไปในค่าย
ตั้งโรงพยาบาลสนามในห้องน้ำของค่ายกักกัน นี่คือ คำสั่งในสนามรบ
ห้องครัวชั่วคราวของกองพลทหารราบทั้งสองกองพล
มีหน้าที่รับผิดชอบในการแจกจ่ายอาหารสำหรับผู้ต้องขัง
.
.
ผู้บัญชาการ Vasily Gromadsky เป็นหนึ่งในคนกลุ่มแรกที่เข้าไปยัง ค่ายมรณะ :
มีกุญแจประตูล็อคอยู่ ผมไม่รู้ว่าประตูนี้เป็นทางเข้าหลักหรือไม่
ผมสั่งให้ทหารทำลายกุญแจดอกนี้ ไม่มีใครสักคนอยู่ที่ด้านหลังประตู
เราเดินเข้าไปอีก 200 เมตรและเห็นนักโทษสวมเสื้อเชิ้ตลายทางวิ่งมาหาเราประมาณ 300 คน
เราต้องระมัดระวัง เพราะเราถูกเตือนว่านาซีเยอรมันอาจจะปลอมตัวมาก็ได้
แต่พวกเขาเป็นนักโทษจริง พวกเขากำลังร้องไห้และสวมกอดเรา
พวกเขาบอกเราว่ามีผู้คนนับล้านถูกฆ่าตายที่นั่น
ผมยังจำได้ว่าพวกเขาบอกเราว่า นาซีเยอรมันนำรถบรรทุกเด็ก 12 คัน
ออกจากค่ายกักกัน Auschwitz ไปได้อย่างไร
.
.
ในปี 1945 ร้อยโท Ivan Martynushkin มีอายุ 21 ปี
ได้นำหน่วยทหารปืนกลของกองพันทหารราบที่ 322 คน
ท่านยังจำได้ว่า ในนาทีสุดท้ายในการรบ
โดยไม่คิดว่าจะถูกส่งตัวไปยึดค่ายกักกัน :
ผมบุกเข้ามาถึงรั้วลวดหนามพร้อมกับหน่วยทหารของผม
แต่มันมืดมากแล้วและเราไม่ได้บุกเข้าไปในที่นั้น
เราเพิ่งจะบุกยึดป้อมยามนอกค่ายแห่งนี้
ผมจำได้ว่ามันร้อนมากที่นั่น ราวกับว่าความร้อนเกิดขึ้นจากที่นั่น
เรายังคิดเองว่า นาซีเยอรมันได้เตรียมสร้างสถานที่(ห้องพัก)
ที่อบอุ่นให้กับพวกมันเองก่อนที่เราจะบุกเข้ามายึด
(จริง ๆ คือ เตาเผาศพนักโทษชาวยิวในค่ายกักกัน)
วันรุ่งขึ้น เราก็เริ่มทำการกวาดล้างขับไล่ทหารนาซีเยอรมัน
มีการตั้งถิ่นฐานมากมายที่นั่น - Bzhezinka ที่นี่มีบ้านอิฐที่น่าประทับใจมาก
และเมื่อเราผ่านเข้าไปได้ ทหารนาซีเยอรมันก็เริ่มยิงเราจากอาคารแห่งหนึ่ง
เราซ่อนตัวในที่กำบัง และวิทยุสื่อสารกับผู้บัญชาการของเรา
ขอให้พวกท่านยิงปืนใหญ่ถล่มอาคารที่กำบังทหารนาซีเยอรมัน
ผมคิดว่า ถ้าเราทำลายมันลงได้ เราก็จะสามารถรุกคืบหน้าต่อไปได้
แต่ทันใดนั้น ผู้บัญชาการบอกเราว่า ปืนใหญ่ของเราไม่สามารถถล่มอาคารได้
เพราะมีค่ายกักกันนักโทษอยู่ที่นั่น พร้อมกับนักโทษจำนวนหนึ่ง
ดังนั้น เราต้องพยายามหลบหลีกห่ากระสุนของพวกมัน
เพราะเราเข้าใจแล้วว่าที่กำบังแห่งนั้นมีไว้เพื่ออะไร
.
Usher Margulis กับ Gennady Savin นักข่าวจากกองทัพที่ 38
ได้เดินทางเข้าค่ายกักกันหลังจากทหารยึดพื้นที่เสร็จแล้ว เรื่องที่พวกเขาจำได้:
เราเข้าไปในอาคารก่ออิฐและมองเข้าไปในห้อง ประตูไม่ได้ปิดไว้
ในห้องแรกมีเสื้อผ้าเด็กกองใหญ่ เสื้อโค้ตเล็ก ๆ น้อย ๆ
แจ็คเก็ตเสื้อกันหนาว เสื้อผ้าส่วนใหญ่มีรอยคราบเลือด
ในห้องถัดไปมีกล่องที่เต็มไปด้วยครอบฟันและฟันปลอมสีทอง
ในห้องที่สามมีกล่องที่มีเส้นผมของผู้หญิง(เอาไปผลิตวิก ทำปุ๋ย)
และจากนั้นนักโทษหญิงได้พาเราไปที่ห้องหนึ่ง
ภายในห้องเต็มไปด้วยกล่องที่มีกระเป๋าสตรี โคมไฟ และเครื่องหนังอื่น ๆ
เธอกล่าวว่า ทั้งหมดนี้ทำจากผิวหนังมนุษย์
(มีผู้คุมหญิงรายหนึ่งชอบถลกหนังนักโทษทำเป็นปกหนังสือ กระเป๋า โคมไฟ)
.
หลังจากที่ค่ายกักกัน Auschwitz ถูกปลดปล่อย
Grigory Yelisavetinsky เป็นผู้บัญชาการคนใหม่
ที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดูแลเมืองนี้
เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 1945 ท่านได้เขียนจดหมายถึงภรรยาท่าน
มีอาคารง่าย ๆ ให้เด็กอยู่กันเป็นจำนวนมากในค่ายกักกัน
เด็กชาวยิวทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะเด็กฝาแฝดจะถูกนำมาที่นี่
นาซีเยอรมันได้ทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์ต่าง ๆ กับเด็ก
ราวกับว่าพวกเด็กเหล่านี้เป็นกระต่ายในห้องทดลอง
ผมเห็นเด็กชายวัย 14 ปี ที่หลอดเลือดดำได้รับการฉีดด้วยน้ำมันก๊าด
สำหรับวัตถุประสงค์บางอย่างทางวิทยาศาสตร์
จากนั้นชิ้นส่วนของร่างกายของเด็กคนนั้นบางส่วน
ก็ถูกตัดออกไปและส่งไปยังห้องปฏิบัติการในเบอร์ลิน
พร้อมกับแทนที่ด้วยชิ้นส่วนอื่นของร่างกาย
ตอนนี้เด็กยังอยู่ในโรงพยาบาล เต็มไปด้วยบาดแผลลึกที่เน่าเปื่อย
และไม่มีใครจะสามารถทำอะไรเพื่อช่วยเหลือชีวิตได้แล้ว
มีสาวสวยคนหนึ่งเดินไปรอบ ๆ ค่าย เธอเป็นบ้าไปแล้ว
แต่ประหลาดใจเช่นกันว่า มีอีกหลายคนที่นี่ไม่เป็นบ้า
หมายเหตุ
Dr.Josef Mengele เป็นนายแพทย์และเป็นหัวหน้าผู้คุมค่ายกักกัน Auschwitz
ผู้มีความวิปริตผิดมนุษย์ชอบทดลองนักโทษด้วยวิธีการต่าง ๆ เพื่อศึกษาทางวิทยาศาสตร์
และจับเด็กฝาแฝดชาวยิวไว้จำนวนมากเพื่อศึกษาด้านต่าง ๆ ที่อยากทดลองกับคู่แฝด
รายละเอียดตอนท้ายของ
70 ปีหลังการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว Holocaust
หนังสือการทดลองทางการแพทย์ของ Dr.Josef Mengele
คือ ตำราชั้นครูทางการแพทย์ในการรักษาโรค/อาการผิดปรกติ
ที่มาจากการทดลองนักโทษชาวยิว นักโทษชาติต่าง ๆ ในครั้งนั้น
เป็นหนังสือต้องห้ามแต่ยังมีการแอบพิมพ์/ซื้อขายกันในตลาดมืด Dark Websites
มีผู้เล่าว่า การรักษาอาการนักบิน นักบินอวกาศ ที่อยู่บนที่สูง
นักประดาน้ำ ที่อยู่ใต้น้ำลึก หรืออยู่ใต้น้ำเวลานาน ๆ
คนไข้ที่ถูกสารพิษต่าง ๆ หรือ กินสารพิษต่าง ๆ เข้าไป
ก็ได้วิธีการรักษาส่วนใหญ่มาจากตำราหมออำมหิตรายนี้
วันแรกที่โซเวียตปลดปล่อยค่ายกักกันชาวยิว Auschwitz
กองทัพโซเวียตภายใต้การนำของจอมพล Ivan Konev
ได้บุกยึดค่ายกักกันที่ใหญ่ที่สุดของอาณาจักร Third Reich (นาซีเยอรมัน)
นักโทษในค่ายกักกัน Auschwitz ได้รับอิสรภาพจากบุกยึด
โดยกองทัพแดงที่ร่วมกันถึง 4 กองพลทหารราบ มีเป้าหมายสูงสุดคือ ยึดนครเบอร์ลิน
กองพลแนวหน้าในการสู้รบคือ กองพลทหารราบที่ 107 กับกองพลทหารราบที่ 100
พันตรี Anatoly Shapiro จากกองพลทหารราบที่ 100 คือ ผู้นำในการบุกยึดค่ายกักกันคนแรก
ความทรงจำของท่านคือ ในช่วงบ่ายของวันนั้น เราเข้าไปในเขตค่ายกักกัน
แล้วพากันเดินผ่านประตุทางเข้า ที่มีป้ายขนาดใหญ่เขียนไว้ว่า
Arbeit macht frei = Work sets you free จงทำงานจีงมีอิสรภาพ
การเดินเข้าไปข้างในโดยไม่มีผ้าปิดปากปิดจมูกแทบเป็นไปไม่ได้เลย
ศพทิ้งเน่าเหม็นกองอยู่บนเตียง 2 ชั้น
ใต้เตียง 2 ชั้น มีโครงกระดูกที่แทบจะไร้ชีวิตคลานออกมา
พร้อมกับสาบานว่า พวกตนไม่ใช่ชาวยิว
(ในค่ายยังมีนักโทษชาวโปแลนด์ รัสเซีย และชาติอื่น ๆ)
นักโทษทุกคนไม่มีใครเชื่อว่า ตอนนี้ทุกคนได้รับอิสรภาพแล้ว
หมายเหตุ
ตอนซูนามิที่ฝั่งอันดามัน พวกกู้ภัยที่ไปเก็บศพคนตาย
แนะนำว่าให้เอาน้ำมันก๊าดชุบสำลีสูดดมผ่านผ้าปิดปากปิดจมูก
หรืออีกวิธีคือ สูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ สักสามครั้งจะชินกลิ่นศพ
นักโทษค่ายกักกันที่มีชื่อเรียกว่า หมายเลข 74233 :
ในตอนนั้น ผมเห็นคนใส่ชุดคลุมสีขาวกับสีเทาเดินบนท้องถนนใกล้เข้ามาในค่าย
ตอนนั้นเวลาราว 17:00 ตอนแรกเราคิดว่า พวกนักโทษในค่ายกำลังกลับจากทำงาน
ผมวิ่งออกไปดูว่ามีใครกลับมาบ้าง และแล้วพวกเรารู้สึกดีใจอย่างแรงเลย
นึ่คือ หน่วยลาดตระเวณของกองทัพโซเวียต
พวกเราต่างจูบซึ่งกันและกันแล้วสวมกอดซึ่งกันและกัน
พร้อมกับแสดงความยินดีอย่างได้แรงอก(ดีใจ/ยินดี/สะใจอย่างแรง)
พวกเราได้รับคำสั่งให้ไปให้พ้น เพราะทหารโซเวียตได้อธิบายว่า
พวกเราไม่ควรจะอยู่ที่นี่ เพราะยังไม่ชัดเจนว่ามีศัตรู(นาซีเยอรมัน) หลบซ่อนอยู่หรือไม่
พวกเราต่างเดินถอยหลังกลับเข้าที่อีกหลายก้าว
.
ได้เดินทางเข้ามาในค่ายกักกันแห่งนี้ตามหลัง พันตรี Anatoly Shapiro
ได้บันทึกความทรงจำของท่านเรื่องราวก่อนและหลังค่ายกักกัน Auschwitz อธิบายสิ่งที่ท่านเห็นว่า :
เมื่อวันที่ 18 มกราคม นาซีเยอรมันได้สั่งทุกคนที่ยังเดินได้ให้ไปกับพวกมัน
ผู้ป่วยและผู้ที่อ่อนแอจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
เหลือคนเพียงไม่กี่คนที่ยังวิ่งได้ เมื่อกองทัพของเรามาถึงค่าย
และแล้วเราได้ส่งหน่วยสุขาภิบาลที่เป็นของกองพลทหารราบที่ 108
กองร้อยที่ 322 และกองพลทหารราบที่ 107 ของผมเข้าไปในค่าย
ตั้งโรงพยาบาลสนามในห้องน้ำของค่ายกักกัน นี่คือ คำสั่งในสนามรบ
ห้องครัวชั่วคราวของกองพลทหารราบทั้งสองกองพล
มีหน้าที่รับผิดชอบในการแจกจ่ายอาหารสำหรับผู้ต้องขัง
.
มีกุญแจประตูล็อคอยู่ ผมไม่รู้ว่าประตูนี้เป็นทางเข้าหลักหรือไม่
ผมสั่งให้ทหารทำลายกุญแจดอกนี้ ไม่มีใครสักคนอยู่ที่ด้านหลังประตู
เราเดินเข้าไปอีก 200 เมตรและเห็นนักโทษสวมเสื้อเชิ้ตลายทางวิ่งมาหาเราประมาณ 300 คน
เราต้องระมัดระวัง เพราะเราถูกเตือนว่านาซีเยอรมันอาจจะปลอมตัวมาก็ได้
แต่พวกเขาเป็นนักโทษจริง พวกเขากำลังร้องไห้และสวมกอดเรา
พวกเขาบอกเราว่ามีผู้คนนับล้านถูกฆ่าตายที่นั่น
ผมยังจำได้ว่าพวกเขาบอกเราว่า นาซีเยอรมันนำรถบรรทุกเด็ก 12 คัน
ออกจากค่ายกักกัน Auschwitz ไปได้อย่างไร
.
ได้นำหน่วยทหารปืนกลของกองพันทหารราบที่ 322 คน
ท่านยังจำได้ว่า ในนาทีสุดท้ายในการรบ
โดยไม่คิดว่าจะถูกส่งตัวไปยึดค่ายกักกัน :
ผมบุกเข้ามาถึงรั้วลวดหนามพร้อมกับหน่วยทหารของผม
แต่มันมืดมากแล้วและเราไม่ได้บุกเข้าไปในที่นั้น
เราเพิ่งจะบุกยึดป้อมยามนอกค่ายแห่งนี้
ผมจำได้ว่ามันร้อนมากที่นั่น ราวกับว่าความร้อนเกิดขึ้นจากที่นั่น
เรายังคิดเองว่า นาซีเยอรมันได้เตรียมสร้างสถานที่(ห้องพัก)
ที่อบอุ่นให้กับพวกมันเองก่อนที่เราจะบุกเข้ามายึด
(จริง ๆ คือ เตาเผาศพนักโทษชาวยิวในค่ายกักกัน)
วันรุ่งขึ้น เราก็เริ่มทำการกวาดล้างขับไล่ทหารนาซีเยอรมัน
มีการตั้งถิ่นฐานมากมายที่นั่น - Bzhezinka ที่นี่มีบ้านอิฐที่น่าประทับใจมาก
และเมื่อเราผ่านเข้าไปได้ ทหารนาซีเยอรมันก็เริ่มยิงเราจากอาคารแห่งหนึ่ง
เราซ่อนตัวในที่กำบัง และวิทยุสื่อสารกับผู้บัญชาการของเรา
ขอให้พวกท่านยิงปืนใหญ่ถล่มอาคารที่กำบังทหารนาซีเยอรมัน
ผมคิดว่า ถ้าเราทำลายมันลงได้ เราก็จะสามารถรุกคืบหน้าต่อไปได้
แต่ทันใดนั้น ผู้บัญชาการบอกเราว่า ปืนใหญ่ของเราไม่สามารถถล่มอาคารได้
เพราะมีค่ายกักกันนักโทษอยู่ที่นั่น พร้อมกับนักโทษจำนวนหนึ่ง
ดังนั้น เราต้องพยายามหลบหลีกห่ากระสุนของพวกมัน
เพราะเราเข้าใจแล้วว่าที่กำบังแห่งนั้นมีไว้เพื่ออะไร
ได้เดินทางเข้าค่ายกักกันหลังจากทหารยึดพื้นที่เสร็จแล้ว เรื่องที่พวกเขาจำได้:
เราเข้าไปในอาคารก่ออิฐและมองเข้าไปในห้อง ประตูไม่ได้ปิดไว้
ในห้องแรกมีเสื้อผ้าเด็กกองใหญ่ เสื้อโค้ตเล็ก ๆ น้อย ๆ
แจ็คเก็ตเสื้อกันหนาว เสื้อผ้าส่วนใหญ่มีรอยคราบเลือด
ในห้องถัดไปมีกล่องที่เต็มไปด้วยครอบฟันและฟันปลอมสีทอง
ในห้องที่สามมีกล่องที่มีเส้นผมของผู้หญิง(เอาไปผลิตวิก ทำปุ๋ย)
และจากนั้นนักโทษหญิงได้พาเราไปที่ห้องหนึ่ง
ภายในห้องเต็มไปด้วยกล่องที่มีกระเป๋าสตรี โคมไฟ และเครื่องหนังอื่น ๆ
เธอกล่าวว่า ทั้งหมดนี้ทำจากผิวหนังมนุษย์
(มีผู้คุมหญิงรายหนึ่งชอบถลกหนังนักโทษทำเป็นปกหนังสือ กระเป๋า โคมไฟ)
Grigory Yelisavetinsky เป็นผู้บัญชาการคนใหม่
ที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดูแลเมืองนี้
เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 1945 ท่านได้เขียนจดหมายถึงภรรยาท่าน
มีอาคารง่าย ๆ ให้เด็กอยู่กันเป็นจำนวนมากในค่ายกักกัน
เด็กชาวยิวทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะเด็กฝาแฝดจะถูกนำมาที่นี่
นาซีเยอรมันได้ทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์ต่าง ๆ กับเด็ก
ราวกับว่าพวกเด็กเหล่านี้เป็นกระต่ายในห้องทดลอง
ผมเห็นเด็กชายวัย 14 ปี ที่หลอดเลือดดำได้รับการฉีดด้วยน้ำมันก๊าด
สำหรับวัตถุประสงค์บางอย่างทางวิทยาศาสตร์
จากนั้นชิ้นส่วนของร่างกายของเด็กคนนั้นบางส่วน
ก็ถูกตัดออกไปและส่งไปยังห้องปฏิบัติการในเบอร์ลิน
พร้อมกับแทนที่ด้วยชิ้นส่วนอื่นของร่างกาย
ตอนนี้เด็กยังอยู่ในโรงพยาบาล เต็มไปด้วยบาดแผลลึกที่เน่าเปื่อย
และไม่มีใครจะสามารถทำอะไรเพื่อช่วยเหลือชีวิตได้แล้ว
มีสาวสวยคนหนึ่งเดินไปรอบ ๆ ค่าย เธอเป็นบ้าไปแล้ว
แต่ประหลาดใจเช่นกันว่า มีอีกหลายคนที่นี่ไม่เป็นบ้า
หมายเหตุ
Dr.Josef Mengele เป็นนายแพทย์และเป็นหัวหน้าผู้คุมค่ายกักกัน Auschwitz
ผู้มีความวิปริตผิดมนุษย์ชอบทดลองนักโทษด้วยวิธีการต่าง ๆ เพื่อศึกษาทางวิทยาศาสตร์
และจับเด็กฝาแฝดชาวยิวไว้จำนวนมากเพื่อศึกษาด้านต่าง ๆ ที่อยากทดลองกับคู่แฝด
รายละเอียดตอนท้ายของ 70 ปีหลังการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว Holocaust
หนังสือการทดลองทางการแพทย์ของ Dr.Josef Mengele
คือ ตำราชั้นครูทางการแพทย์ในการรักษาโรค/อาการผิดปรกติ
ที่มาจากการทดลองนักโทษชาวยิว นักโทษชาติต่าง ๆ ในครั้งนั้น
เป็นหนังสือต้องห้ามแต่ยังมีการแอบพิมพ์/ซื้อขายกันในตลาดมืด Dark Websites
มีผู้เล่าว่า การรักษาอาการนักบิน นักบินอวกาศ ที่อยู่บนที่สูง
นักประดาน้ำ ที่อยู่ใต้น้ำลึก หรืออยู่ใต้น้ำเวลานาน ๆ
คนไข้ที่ถูกสารพิษต่าง ๆ หรือ กินสารพิษต่าง ๆ เข้าไป
ก็ได้วิธีการรักษาส่วนใหญ่มาจากตำราหมออำมหิตรายนี้