ปริศนาไทรบุรี 3 (จบ)

2 กระทู้ที่แล้ว ผมอธิบายไปถึงเรื่องราวของชื่อเมืองเกดะห์ และความเกี่ยวข้องกับคนไทย แต่วันนี้ยังไม่กระจ่าง เลยอธิบายกันอีกรอบหนึ่งในกระทู้นี้
ก่อนอื่น อธิบายถึงตำนานมะโรงมหาวังศะ หรือพงศาวดารเมืองไทรบุรี ซึ่งขออนุญาตตัดเรื่องราวเหนือธรรมชาติออกไปเล็กน้อย เหลือแต่หลักฐาน
มะโรง มหาวังศะ ในตำนานเกดะห์นั้น มาจากเมืองหรุ่ม หรือเมืองโรม ซึ่งทุกวันนี้ ยังมีคนเข้าใจผิดกันมากว่า เป็นกรุงโรมในประเทศอิตาลีปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาความเป็นไปได้ก่อนปี 1136 ที่อ้างว่าเป็นปีที่เปลี่ยนมาเป็นรัฐสุลต่านนั้น ออตโตมันยังไม่ได้เกิดขึ้นด้วยซ้ำในเวลานั้น
หนำซ้ำ ดินแดนในอิหร่านปัจจุบันที่อ้างว่ามะโรง มหาวังสะ จากมานั้น ไม่เคยมีทั้งรัฐออตโตมันหรือรัฐไบแซนไทน์เข้ายึดครองได้เลยด้วยซ้ำ

สำหรับพงศาวดารไทรบุรีนั้น สันนิษฐานว่า แต่งขึ้นมาด้วยเหตุผล เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางจิตใจของเกดะห์ ที่เป็นเมืองขึ้นของสยามอยู่
โดยสังเกตจากการใช้ชื่อสยามสำหรับกษัตริย์ยุคฮินดู อย่างเช่น มะโรง มหาวังศะ, พระองค์มหาโพธิสัตว์ หรือ พระองค์มหาวังศะ ซึ่งไม่เคยมีใช้
แม้ว่าภายหลังจะมีการใช้ชื่อแบบฮินดูชวาแทนที่ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ดีขึ้น เนื่องจากยังอ้างว่าปฐมกษัตริย์ชาวฮินดูมาจากเปอร์เซียโบราณอีก
ซึ่งดินแดนเปอร์เซียโดยเฉพาะในเมือง Bandar Abbas ไม่เคยมีอิทธิพลของศาสนาฮินดูเข้ามา แม้ว่าตำแหน่งจะเยื้องไปทางปากีสถานก็ตาม
ดังนั้น ตำนานมะโรง มหาวังศะ จึงไม่สามารถยืนยันหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในฐานะพงศาวดารได้เต็มรูปแบบเนื่องจากหลักฐานที่ขัดแย้งกัน

ส่วนเรื่องวงศ์กษัตริย์เกดะห์ ที่ว่าเกี่ยวข้องกับคนไทยด้วยมั้ยนั้น มีข้อสันนิษฐานไว้ 2 อย่าง โดยจะขออธิบายเกี่ยวกับทางที่เกี่ยวข้องไว้ก่อน
ส่วนที่มีความเกี่ยวข้อง ก็คือ ไม่มีผู้คนอยู่ในเมืองบูจัง หรือเมืองเกดะห์โบราณแล้วเหมือนกับเมืองลิกอร์หลังยุคมลายูพุทธ แล้วคนไทยย้ายมากัน
ซึ่งจากชื่อไทยแล้ว สันนิษฐานอย่างแรกว่า น่าจะมาจาก ไทรบุรี หรือมาจากต้นไทรโดยตรง อย่างที่สอง มาจากคำว่า ไซ หรือ ล้อมรอบเหมือนไซ
เมืองที่ตั้งเป็นเมืองไทรบุรีแรกๆ สันนิษฐานว่าอยู่บริเวณเมืองสุไหงปะตานีในปัจจุบัน เนื่องจากพงศาวดารระบุว่าเมืองเก่าอยู่เหนือเมืองกัวลามุดา
ซึ่งก็คือบริเวณริมแม่น้ำมะร์โบก์ (Merbok) เชิงเขาจราย (Jerai) อันเป็นที่ตั้งของเมืองเก่า ซึ่งอาจจะร้างไปนานแล้ว และมาอยู่กันก่อนเข้ารีตมลายู

ส่วนความไม่เกี่ยวข้องกันเลยก็คือ บริเวณเมืองมะร์โบก์ หรือเมืองเกดะห์เก่า ยังมีผู้คนอยู่ แต่ภายหลังได้หันมานับถือศาสนาอิสลามกันและย้ายเมือง
สันนิษฐานว่า ผู้คนแต่เดิมในเมืองเกดะห์เก่า ยังนับถือศาสนาฮินดู-พุทธ จนถึงช่วงศตวรรษที่ 15 อันเป็นช่วงที่รัฐสุลต่านมะละกาและอาเจะห์ กำเนิดขึ้น
อาณาจักรมะละกา แผ่ขยายอำนาจไปทั่วมลายู ขณะที่อาเจะห์ ก็เป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสุมาตรา ซึ่ง 2 อาณาจักรนี้ ได้เปลี่ยนแปลงโลกมลายู
อาณาจักรมัชปาหิตเสื่อมอำนาจไปในปี 1527 จากการรุกรานของรัฐสุลต่าน ก็เป็นไปได้ว่า ศาสนาอิสลามเริ่มมีอิทธิพลอย่างจริงจังในช่วงเวลานั้นแล้ว
ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นเมืองของคนไทยแต่เดิมหรือไม่ แต่มีความเป็นไปได้ว่า เกดะห์เพิ่งมานับถือศาสนาอิสลามเมื่อศตวรรษที่ 15 นี้เองจากรัฐใกล้เคียง

สำหรับอาณาเขตเกดะห์แต่เดิมนั้น ถือว่ามีอิทธิพลตั้งแต่จังหวัดสตูล รัฐปะลิส ไปจนถึงเกาะปีนัง ซึ่งหากรวมกันแล้ว จะมีความใหญ่พอๆ กับสะลาโงร์
อย่างไรก็ตาม สยามได้แบ่งปะลิส กุบังปาสู และปะลิส ออกจากเกดะห์ ทั้งยังสูญเสียเกาะปีนังและชายฝั่งให้กับอังกฤษอีก ทำให้มีพื้นที่อย่างในปัจจุบัน
แต่ทั้งนี้ เกดะห์ ก็ยังถือว่า เป็นรัฐมลายูแรกๆ ซึ่งได้อพยพมาก่อนรัฐใดๆ ในมาเลเซียปัจจุบัน ทั้งยังเป็นราชวงศ์ที่เก่าแก่ที่สุดของมาเลเซียปัจจุบัน
ในสมัยร้อยกว่าปีก่อน แม้ว่าจะเป็นรัฐมุสลิมไปแล้ว แต่เกดะห์ ยังมีประเพณี วัฒนธรรม หลายๆ อย่าง ซึ่งได้สูญหายไปเนื่องจากความเคร่งครัดในศาสนา
ทั้งนี้ หากได้พบเห็นเรื่องราวใดของรัฐนี้อีก ก็จะนำมาเขียนเล่าให้กับท่านผู้ชมในพันทิปอีก เพราะเป็นรัฐที่มีเรื่องราวน่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียวครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่