หลวงพ่อสดไม่เคยเลิกสอน "วิชชาธรรมกาย"


หลวงพ่อสดเลิกสอน "วิชชาธรรมกาย" จริงหรือ ?

มาเข้าประเด็นกันตรงๆ ไม่ต้องอ้อมค้อมกับกรณีที่ทางวัดมหาธาตุได้กล่าวว่าหลวงพ่อสดได้เลิกสอนวิชชาธรรมกายแล้ว เอาล่ะมาดูกันว่า หลวงพ่อสดท่านเลิกสอนวิชชาธรรมกายจริงหรือไม่ ? วันนี้ว่ากันให้ชัดเลย จะยกตัวอย่างมาอ้างอิงและข้อมูลที่ประมวลผลจากข้อเท็จจริงขึ้นมาให้รับทราบ

********************

สายวัดมหาธาตุหรือสายพองยุบ อันมี "เจ้าคุณโชดก" หรือ "พระธรรมธีรราชมหามุนี" รวมถึงศิษยานุศิษย์ได้มีการกล่าวอ้างจากรูปที่หลวงพ่อสดท่านได้เขียนไว้ให้ว่า

“ให้สำนักวิปัสสนา ในการที่ฉันได้เข้าปฏิบัติวิปัสสนาตามแบบวัดมหาธาตุสอนอยู่ในปัจจุบันนี้แล้ว ยืนยันได้ว่าการปฏิบัติแบบนี้ ถูกต้องตามร่องรอยในมหาสติปัฏฐานสูตรทุกประการ ลงชื่อ พระภาวนาโกศล วัดปากน้ำ ธนบุรี ๒๐ เมษายน ๒๔๙๘”


ข้อความนี้ถูกนำมากล่าวอ้างและได้มีหนังสือจากทางวัดมหาธาตุเอง เป็นหนังสือชื่อ คำถาม-คำตอบ เรื่องวิปัสสนากรรมฐาน โดยพระมหาโชดกเป็นผู้เขียนขึ้น เล่าถึงเรื่องราวบางส่วนที่ได้ไปสอนวิปัสสนากรรมฐานแก่หลวงพ่อสด โดยสรุปความว่า หลวงพ่อสดท่านยอมรับว่าท่านติดอยู่กับสมถะคือธรรมกายนี้ และถึงขนาดกล่าวว่าตัวเองเป็นขี้ข้าเค้ามานาน มาได้เจอของจริงจากท่านเจ้าคุณโชดก แล้วได้ภาวนาว่าเห็นหนอๆ ธรรมกายที่มีก็ดับวูบไป และศิษย์ของท่านเจ้าคุณโชดกท่านหนึ่ง นั่นก็คือ "หลวงพ่อจรัญ" ท่านได้กล่าวไว้ใน "หนังสือมักกะลีผล" ไว้ว่า หลวงพ่อสดถึงกับก้มกราบท่านเจ้าคุณอุดมวิชชาญาณ (ซึ่งก็คือท่านเจ้าคุณโชดก) ผู้มีพรรษาอ่อนกว่า และกล่าวว่าตัวท่าน (หลวงพ่อสด) บรรลุญาณ ๑๖ แล้ว ท่านไม่ติดในธรรมกายแล้ว

มาดูบทวิเคราะห์ข้อมูลกัน ไม่ได้กล่าวว่าร้ายฝ่ายทางวัดมหาธาตุแต่เราก็ต้องว่ากันตามข้อเท็จจริง เพื่อให้ผู้ไม่ทราบความจริงได้เข้าใจตรงตามความเป็นจริง

หลวงพ่อสดเขียนข้อความรับรองใต้รูปให้วัดมหาธาตุ ลงวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๔๙๘ หลังจากฝึกวิปัสสนากรรมฐานกับท่านเจ้าคุณโชดกเสร็จ ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่ท่านเจ้าคุณโชดกกล่าวในหนังสือเป็นเรื่องจริงว่าหลวงพ่อสดท่านฝึกวิปัสสนาจนสำเร็จญาณ ๑๖ บรรลุแล้ว และยอมรับว่าธรรมกายไม่ใช่วิปัสสนา

(ซึ่งการบอกว่าวิชชาธรรมกายไม่ใช่วิปัสสนาเป็นเพียงแค่นิมิตติดในรูปไม่ใช่ของจริง ให้ละเสียนั้น เป็นเสียงของท่านเจ้าคุณโชดกได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนสามารถหาฟังได้)

หลวงพ่อสดท่านเป็นคนจริง ในสมัยตอนที่ท่านนั่งปฏิบัติภาวนาแล้วตั้งจิตอธิษฐานจะไม่ยอมลุกออกจากที่ หากไม่บรรลุธรรมนั้น ถือเป็นคุณธรรมอันสูงส่ง ยอมตายเพื่อขอให้ได้เข้าถึงธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดังนั้น หากท่านรู้แล้วว่าธรรมกายไม่ใช่ของจริง เป็นเพียงนิมิตหลอกอย่างที่ท่านเจ้าคุณโชดกกล่าว และท่านมาบรรลุธรรมจากท่านเจ้าคุณโชดกจริง หลวงพ่อสดท่านย่อมไม่สอนวิชชาธรรมกายต่อแน่นอน เพราะโดยนิสัยท่าน หากรู้ว่าสิ่งใดผิดย่อมจะไม่กระทำต่อ ตามคุณธรรมที่ท่านมีในใจ ยิ่งเรื่องธรรมะด้วยแล้วท่านจะระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง

********************

แต่ลองมาดูกัณฑ์เทศน์ที่ ๖๓ เรื่องทานวัตถุ-ฉากหลัง ซึ่งหลวงพ่อสดท่านเทศน์ไว้เมื่อวันที่ ๓ เมษายน ๒๔๙๙ ซึ่งเป็นการเทศน์หลังจากที่ท่านได้เขียนข้อความรับรองให้วัดมหาธาตุหรือหลังจากที่ท่านเจ้าคุณโชดกได้กล่าวไว้ว่าท่านเลิกธรรมกายไปแล้วเป็นเวลาเกือบ ๑ ปี มีความบางส่วนโดยย่อว่า

“...นี่วิชชาวัดปากน้ำมีอยู่แล้วเวลานี้ มีวิชชาตรวจฉากหลังเรานี่ คือ "ธรรมกาย" ปรากฏอยู่แล้ว เขากำลังตรวจอยู่แล้ว เขากำลังทำกันอยู่แล้ว นี่แหละของจริง พระเณรไม่รู้จักของจริงละก็ อย่าโกงตัวเอง อย่าดูถูกตัวเอง ให้อุตส่าห์พยายามตรวจฉากหลังของตัวให้สุดให้ได้ ถ้าไม่สุดฉากหลังตัวก็เป็นบ่าวเป็นทาสเขาอยู่นั่น ไม่ต้องสงสัย เมื่อรู้เมื่อเข้าใจดังนี้แล้ว ตัวก็จะได้บรรลุผลที่ยิ่งใหญ่ไพศาลหาประมาณมิได้ พระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งไปพบท่านเข้า ถ้าเราไปได้สุดท่านก็จะยิ้มในพระทัยว่า เออ ไอ้นี่มันลูกผู้ชายจริง เออ ไอ้นี่เป็นคนมีปัญญา....”

(หนังสือรวมพระธรรมเทศนา พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร),๒๕๕๕,หน้า ๘๑๐)

********************

ต่อมาโอวาทที่หลวงพ่อสดท่านแสดงในวันคล้ายวันเกิดหลวงพ่อสด วันที่ ๗ ตุลาคม ๒๔๙๘ ซึ่งก็เป็นการให้โอวาทหลังจากการบันทึกข้อความให้วัดมหาธาตุอีกเช่นเดียวกัน โดยมีระยะเวลาผ่านมาเกือบ ๖ เดือน ความว่า

“...ผู้เทศน์เกิดวันศุกร์ ปีวอก บวชมา ๕๐ พรรษา ค้นคว้าธรรมะเรื่อยมา ดวงธรรมที่ทำให้เป็นพุทธรัตนะ ผู้เทศน์รู้จักเกือบ ๕๐ ปี โดยค้นคว้าทางปฏิบัติ ดีที่สุดคือ พระพุทธเจ้า ชั่วที่สุดคือ มาร ผู้เทศน์มารู้ตัวเมื่อบวชแล้วว่า ต้นธาตุใช้ให้มาจุติมาเกิดเพื่อปราบมาร ถ้ามารไม่แพ้ ผู้เทศน์ยอมตายอยู่ที่วัดปากน้ำ ผู้เทศน์ปล่อยชีวิต (ยอมถวายชีวิตแด่พระพุทธเจ้า) ถึง ๒ คราว จึงได้พบ ธรรมกาย ชายหญิงผู้ปฏิบัติธรรมถึงธรรมกายโคตรภู เท่ากับได้บวชข้างใน เป็นหญิงบวชข้างใน เป็นชายบวชทั้งข้างในข้างนอกเป็น ๒ ชั้น...”

(จากหนังสือธรรมกาย หน้า ธ-ป,โรงพิมพ์ไทยพณิชยการสีลม,กันยายน ๒๔๙๙)

********************

และอีกโอวาทหนึ่งที่หลวงพ่อสดแสดงแก่พระภิกษุสามเณรในพระอุโบสถ วันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๔๙๘ แสดงไว้หลังเกิดเรื่องเช่นกัน ความโดยย่อที่ยังบ่งบอกว่าท่านยังสอนวิชชาธรรมกายอยู่ว่า

"...เมื่อเห็นด้วยตาธรรมกายว่ากายมนุษย์ กายมนุษย์ละเอียดเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แล้วก็ อะไรเล่าเป็นแก่นสาร เมื่อไปเห็นเหตุที่เกิดแล้ว มันเกิดขึ้นแล้วก็ต้องมีดับ ที่ว่าเกิดแล้วไม่มีดับเลยน่ะเป็นอันไม่มี มีดับ ดับเป็นนิโรธ นี่เห็นด้วยตาธรรมกาย รู้ชัดด้วยญาณของธรรมกาย ถ้าว่าถูกส่วนเข้าถึงขนาดเช่นนี้ละก็ ธรรมกายโคตรภูจะกลับเป็นโสดา..."

(หลวงพ่อสดแสดงแก่พระภิกษุสามเณรในพระอุโบสถหลังทำวัตรแล้ว จากหนังสือหนังสือรวมพระธรรมเทศนา พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร),๒๕๕๕,หน้า ๘๘๘)

********************

พระธรรมเทศนาที่หลวงพ่อสดท่านเทศน์ไว้โดยมีการบันทึกเสียงเก็บไว้ แล้วจึงนำมาพิมพ์เผยแพร่เป็นหนังสือต่อๆ กันมาในปัจจุบัน จากพระธรรมเทศนาของหลวงพ่อสดดังที่ได้กล่าวมาทั้งหมด จึงเป็นคำสอนที่มีความน่าเชื่อถือเพราะเป็นคำพูดของท่านจริง ที่ยังคงสอนเรื่องวิชชาธรรมกายตามปกติเหมือนเดิมประหนึ่งว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต่างจากที่ท่านเจ้าคุณโชดกได้กล่าวเอาไว้

หลายท่านอาจคิดว่าแล้วมันไม่ขัดกันหรือกับประเด็นที่ทางท่านเจ้าคุณโชดกกล่าวว่าธรรมกายของหลวงพ่อสดดับไปเพราะเป็นเพียงนิมิต แล้วก็ได้บรรลุธรรมของจริงจากวัดมหาธาตุแล้ว แถมยังบอกว่าตัวท่านเองเป็นขี้ข้ามานานแล้วนั้น แน่นอนว่ามันขัดกันแน่ๆ เพราะหลวงพ่อสดท่านยังสอนเรื่องวิชชาธรรมกายไปจนวาระสุดท้ายของท่านถึงปี พ.ศ. ๒๕๐๒ ลูกศิษย์ลูกหาสมัยนั้นรู้ดี เพราะฉะนั้นเรื่องว่าท่านเลิกวิชชาธรรมกายแล้ว ไม่สอนวิชชาธรรมกายแล้วนั้น จึงไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด และไม่ปรากฏหลักฐานว่าท่านเปลี่ยนแนวไปสอนแบบพองยุบที่ใดเลย

ดังนั้น ท่านผู้เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อวัดปากน้ำทั้งหลาย ประเด็นนี้น่าจะชัดเจนพอสมควรแล้วว่าความจริงควรจะเป็นเช่นไร นิสัยคนจริงอย่างหลวงพ่อวัดปากน้ำคงไม่กระทำการสอนต่อไปหากสิ่งที่ทำอยู่ไม่ใช่ของจริง แล้วท่านจะเอาตัวรอดคนเดียวโดยการทิ้งลูกศิษย์ลูกหาให้ยึดติดกับสิ่งที่เป็นนิมิตหลอกๆ ดังที่ท่านเจ้าคุณโชดกกล่าวต่อไปอย่างนั้นหรือ ? ไม่ถึงกับต้องเป็นหลวงพ่อสดหรือหลวงพ่อวัดปากน้ำหรอก เอาแค่คุณธรรมในตัวเราเองนี่แหละว่าหากเราบรรลุธรรมเจอของจริงแล้ว เราจะไม่สอนคนที่ให้ข้าวให้น้ำเราให้รู้แจ้งเห็นจริงตามเราเหรอ ข้อนี้จึงขอให้มั่นใจในตัวหลวงพ่อสดว่าท่านสอนวิชชาธรรมกายต่อแน่นอนหลังจากเกิดข้อพิพาทขึ้น และท่านก็ยืนยันจนบั้นปลายชีวิตของท่านว่าวิชชาธรรมกายคือของจริง เป็นทางสายกลางเอกายนมรรคมุ่งตรงต่อพระนิพพานอย่างแน่แท้ ส่วนท่านใด รูปใด ว่าอย่างไรต่อวิชชาธรรมกาย ท่านผู้มีปัญญาทั้งหลายควรฟังแล้วตรองเอาเองว่าใช่หรือไม่ ก็ในเมื่อ...

"ของจริง ก็ต้องคู่ควรกับคนจริงเท่านั้น"
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่