นักวิจัยฮาร์วาร์ดระบุ ไวรัสโคโรน่าอู่ฮั่น อาจถูกสร้างขึ้นโดยฝีมือมนุษย์

27 มกราคม NEW YORK

นักวิจัยอิสระ ดร. พอล ค็อทเทรล จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ที่ทำวิจัยเรื่อง Chaos Theory  ได้ทำการวิเคราะห์รหัสพันธุกรรมของไวรัสอู่ฮั่น เทียบกับไวรัสสายพันธุ์ SARS สายพันธุ์ต่างๆ ซึ่งมีความคล้ายคลึงกันของรหัสพันธุกรรมราว 89% เขาค้นพบว่า :-
 
1) ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ เป็นเสมือนกับส่วนผสมค้อกเทลของไวรัสไข้ SARS ถึง 4 สายพันธุ์ที่แตกต่างกัน (สายพันธุ์ KF, MG, KY และกลายมาเป็น MN ซึ่งก็คือไวรัสอู่ฮั่น) โดยพบว่าแถบรหัสพันธุกรรม ส่วนที่มีคุณสมบัติเด่น ในตำแหน่งที่แตกต่างกันของไวรัส SARS จำนวน 2 สายพันธุ์ สามารถมาปรากฎเป็นส่วนหนึ่ง อยู่บนรหัสพันธุกรรมของไวรัสอู่ฮั่นอย่างครบถ้วนทั้ง 2 แถบได้อย่างน่าฉงน ซึ่งส่งผลทำให้มันแพร่ระบาดง่ายยิ่งขึ้น (more virulent) สิ่งนี้ดูผิดปกติ เพราะในธรรมชาติ ไวรัส SARS สายพันธุ์ใหม่ๆ มักจะมีความสามารถในการแพร่ระบาดได้ต่ำ นี่จึงเป็นสิ่งบ่งชี้แรกว่า ไวรัสตัวนี้อาจถูกจงใจสร้างขึ้นมาให้สามารถแพร่พันธุ์ได้เร็วผิดธรรมชาติ ซึ่งเป็นการวิวัฒนาการแบบก้าวกระโดด (Big evolutionany leap)

2) เขาเชื่อว่า ไวรัสตัวใหม่นี้มีชุดรหัสพันธุกรรมพิเศษที่น่าสนใจอยู่ 2 ส่วน คือในส่วนที่ทำให้มีการแบ่งตัวได้รวดเร็ว (Replication) และในโซนของ S-Protein ที่เน้นเพิ่มความสามารถในการเกาะตัวของไวรัส เข้ากับเนื้อเยื่อในปอดของมนุษย์ได้ง่ายขึ้น (Attachment) คุณสมบัติทั้งสองข้อ ทำให้ไวรัสตัวนี้มีความโดดเด่น นั่นคือผู้รับเชื้อเข้าไปแล้วจะติดเชื้อในปอดได้ง่ายกว่า และแพร่กระจายเชื้อได้จำนวนมากกว่าและเร็วกว่า

3) เขาเชื่อว่า น่าจะมีการตัดต่อรหัสพันธุกรรมแบบ "ตัดแปะ" COPY & PASTE ส่วนที่เร่งการแบ่งตัวจากเชื้อไข้ SARS เข้ามาในไวรัสตัวใหม่นี้ เพราะแถบรหัส RNA ที่ถูกเปลี่ยนแปลงมีขนาดของท่อนยาวมาก (2,000 ถึง 4,000 คู่รหัสพันธุกรรม) ซึ่งเขาเชื่อว่าเป็นไปได้ยากมาก ที่เรื่องนี้จะเกิดขึ้น จากการกลายพันธุ์ตามธรรมชาติ เพราะในธรรมชาติ ความผิดปกติที่เป็นสาเหตุของการกลายพันธุ์ของ RNA มักจะเกิดขึ้นเป็นจุดย่อยๆ ในลักษณะที่พบว่า รหัสพันธุกรรมบางจุดขาดหายไป หรือเพิ่มเกินเข้ามาเป็นส่วนสั้นๆ หรืออาจจะกลับด้านรหัส แต่สิ่งที่พบในรหัสพันธุกรรมของไวรัสอู่ฮั่น กลับพบว่ามีการเปลี่ยนรหัสพันธุกรรมเป็นท่อนยาวที่ต่อเนื่องถึงกว่า 2,000 คู่รหัสพันธุกรรม จึงยากที่จะเชื่อว่า สิ่งนี้เป็นไปโดยกระบวนการทางธรรมชาติ 

4) ยิ่งไปกว่านั้น ในการต่อรหัสพันธุกรรมในโซน S ส่วนปลายของแถบรหัสพันธุกรรมที่จะเป็นช่วงรอยต่อ จะต้องถูกจัดเตรียมไว้ให้ "เหนียว" เกาะติดได้ง่าย ให้เหมาะกับการนำแถบรหัสยาวๆ แถบใหม่ที่ถูกตัดออกมา มาเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน ร่องรอยของการดัดแปลงให้ปลายท่อนรหัสพันธุกรรมมีความ "เหนียว" นี้ จึงเป็นหลักฐานสำคัญว่า อาจมีการตัดต่อพันธุกรรมเกิดขึ้นแบบผิดธรรมชาติ

5) เนื่องจากมีห้องแล็บ Biosafety ระดับ 4 อยู่ในชานเมืองอู่ฮั่นทางทิศใต้ คือ WUHAN INSTITUTE OF VIROLOGY ซึ่งมี Wuhan National Biosecurity Laboratory ตั้งอยู่ภายในพื้นที่ เขาจึงคาดว่าอาจจะเป็นการหลุดรอดของเชื้อนี้จากห้องแล็บก็เป็นได้ แต่เขาไม่ยืนยันว่านี่จะเกิดจากอุบัติเหตุ การกระทำโดยความสะเพร่า หรือโดยมีเจตนา ของฝ่ายใดก็ตาม หรืออาจเป็นไปได้แม้กระทั่งว่า อาจมีผู้จงใจนำเชื้อที่สร้างจากห้องแล็บอื่นๆ มาปล่อย เพื่อให้ห้องแล็บแห่งนี้ตกเป็นเหยื่อของการกล่าวโทษ ว่าเป็นตัวการแพร่ไวรัส ก็ล้วนแต่อาจเป็นไปได้ทั้งสิ้น

6) สัดส่วนการแพร่เชื้อ (R0) ของไข้หวัดสเปนในปี 1918 อยู่ที่ 1.4-2.8 เชื้อ EBOLA อยู่ที่ 2.4-2.7 ในขณะที่ของไวรัสอู่ฮั่น เขาประเมินว่าอยู่ที่ 2.5-4.0 นั่นหมายถึงผู้ป่วย 1 คน สามารถแพร่เชื้อจนเกิดผู้ป่วยใหม่ได้ 2.5 ถึง 4 คน

อนึ่ง เขาไม่ได้ยืนยันว่าไวรัสอู่ฮั่นตัวใหม่นี้ ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้เป็นอาวุธชีวภาพ แต่มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นเช่นนั้น แต่ที่เขาเชื่อ คือไวรัสนี้น่าจะเกิดจากฝีมือของมนุษย์ เพียงแต่การแพร่ระบาดที่เป็นอยู่ อาจเริ่มต้นขึ้นโดยเกิดจากการหลุดรั่วของตัวไวรัสจากห้องปฏิบัติการ จากความไม่ตั้งใจ หรือความจงใจ ซึ่งก็ยังไม่สามารถชี้ชัดลงไปได้

ที่มา:
https://www.youtube.com/watch?v=nrxoyQyYxmg
(เชิงเทคนิค) https://www.youtube.com/watch?v=n6gtW01okz0
Youtube channel: Pual Cottrell






แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่