โรน่าไวรัส2019ทุกรายในประเทศไทย ล้วนแต่รับเชื้อมาจากประเทศจีนทุกราย ไม่มีแม้แต่รายเดียวที่รับเชื้อมาจากการติดต่อสู่คนไปคนในประเทศไทย ในเมื่อความเป็นจริงก็คือเราไม่ได้ทำการตรวจหาเชื้อเลย!!!
จริงๆแล้วตัว Admin มีความเชื่อส่วนตัวว่าความรุนแรงของปอดอักเสบจากเชื้อโคโรน่า2019 น่าจะใกล้เคียงกับตอนเกิดการระบาดใหญ่ทั่วโลกของไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่2009 เนื่องจากมีการระบาดเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ป่วยค่อนข้างเร็วแต่มีอัตราการเสียชีวิตที่ไม่สูงมากนัก เมื่อเทียบกับไข้หวัดนก H5N1, SARS, MERS
อย่างไรก็ตามเมื่อเช้าได้ฟังรายงานข่าวทางวิทยุ ที่ให้ข้อมูลว่าในประเทศไทยในปัจจุบัน ผู้ป่วยโคโรน่าไวรัส2019ทุกรายในประเทศไทย ล้วนแต่รับเชื้อมาจากประเทศจีนทุกราย ไม่มีแม้แต่รายเดียวที่รับเชื้อมาจากการติดต่อสู่คนไปคนในประเทศไทย ทั้งๆที่ในความเป็นจริงตามแผนภูมิของการตรวจหาเชื้อในประเทศไทยในปัจจุบัน ดังนั้นไม่ว่าคุณจะเป็นคนขับรถทัวร์ที่มีนักท่องเที่ยวจีนเป็นผู้โดยสารเต็มคัน ขึ้นรถไฟฟ้าที่มีนักท่องเที่ยวจีนเต็มขบวน หรือเดินทางไปสนามบินหรือขึ้นเครื่องบินที่มีผู้โดยสารจากจีนที่มีไข้สูงเดินทางด้วยกันกี่คนก็ตาม แล้วเกิดว่าคุณเป็นไข้ขึ้นมา จนเป็นปอดอักเสบ หรือแม้กระทั่งเสียชีวิตไปด้วยปอดอักเสบรุนแรงไปเลยก็ตาม คุณจะไม่ได้รับการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรน่า2019 เลย เนื่องจากคุณไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ที่จะได้รับการตรวจซึ่งในปัจจุบันคือคุณต้องมีอาการหลังจากกลับจากประเทศจีนภายใน 14 วัน เป็นข้อบ่งชี้หลัก
Admin ทราบถึงข้อจำกัดในปัจจุบันว่าการตรวจหาไวรัสโคโรน่า2019 ทำได้ไม่กี่แห่ง ซึ่งถ้ามีการส่งตรวจมากเกินไปก็จะไม่สามารถตรวจได้ทั้งหมด เลยต้องส่งตรวจตามลำดับความสำคัญและอีกทั้งปัจจุบันยังไม่มียาต้านไวรัสที่เฉพาะเจาะจง ทำให้ถึงทราบว่าเป็นไวรัสโคโรน่า2019ก็ไม่ได้มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงการรักษา แต่มีผลกับการแยกผู้ป่วยเพื่อป้องการการแพร่ระบาดของเชื้อเท่านั้น แต่ก็แค่อยากสะท้อนความเป็นจริงอีกด้านว่าที่เราบอกประชาชนทุกๆวันนี้ว่าไม่มีเคสผู้ป่วยไวรัสโคโรน่า2019ที่ติดจากคนสู่คนโดยรับเชื้อในประเทศไทยนั้น จริงๆแล้วทุกวันนี้เรายังไม่ได้ตรวจหา มันก็เลยไม่มีทางที่จะพบต่างหาก
ตระหนักแต่ไม่ต้องตระหนกนะครับ อีก 6-12 เดือน มันน่าจะเป็นเชื้อไวรัสที่ประจำถิ่นเหมือนกับไข้หวัดใหญ่ในปัจจุบันนะครับ
ปล. ขอย้ำว่าวัตถุประสงค์ของบทความนี้นั้นไม่ได้ต้องการให้เกิดความกังวลใจหรือตื่นกลัวนะครับ เพราะว่าจริงๆแล้วไข้หวัดใหญ่, PM 2.5 เอาเข้าจริงๆแล้ว น่าจะส่งผลกับสุขภาพของประชาชนในวงกว้างกว่ากันอย่างมากนะครับ แต่อยากจะสะท้อนความจริงว่าโรคนี้ระบาดจากคนไปคนได้แน่ๆโดยที่ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปรับเชื้อจากต้นกำเนิดของโรค และมาตราการของกระทรวงสาธารณสุขก็เป็นไปอย่างเหมาะสมตามสถานการณ์และข้อจำกัดที่เรามีอยู่ในปัจจุบันอยู่แล้ว แต่เราแค่เห็นจำนวนของผู้ป่วยที่มีการรายงานเป็นยอดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น ผู้ป่วยที่มีอาการน้อย หรือไม่มีอาการน่าจะมีอยู่อีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งจริงๆแล้วจะมีส่วนช่วยควบคุมโรคได้ตามธรรมชาติอยู่แล้ว เนื่องจากพอมีคนที่ได้รับเชื้อไปแบบไม่มีอาการหรือมีอาการน้อยๆไปมากพอสมควรก็จะทำให้เกิดภูมิคุ้มกันในสังคมโดยรวม (Herd immunity) และส่งผลให้การระบาดของโรคลดลงในที่สุดนะครับ
ที่มา
https://www.facebook.com/EASYPCCM/photos/a.176574002983535/523333054974293/?type=3&theater
สาเหตุที่ทำไมเราถึงให้ข้อมูลกับประชาชนว่า ขณะนี้ผู้ป่วยโคโรน่าไวรัสทุกรายในประเทศไทย ล้วนแต่รับเชื้อมาจากประเทศจีน
จริงๆแล้วตัว Admin มีความเชื่อส่วนตัวว่าความรุนแรงของปอดอักเสบจากเชื้อโคโรน่า2019 น่าจะใกล้เคียงกับตอนเกิดการระบาดใหญ่ทั่วโลกของไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่2009 เนื่องจากมีการระบาดเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ป่วยค่อนข้างเร็วแต่มีอัตราการเสียชีวิตที่ไม่สูงมากนัก เมื่อเทียบกับไข้หวัดนก H5N1, SARS, MERS
อย่างไรก็ตามเมื่อเช้าได้ฟังรายงานข่าวทางวิทยุ ที่ให้ข้อมูลว่าในประเทศไทยในปัจจุบัน ผู้ป่วยโคโรน่าไวรัส2019ทุกรายในประเทศไทย ล้วนแต่รับเชื้อมาจากประเทศจีนทุกราย ไม่มีแม้แต่รายเดียวที่รับเชื้อมาจากการติดต่อสู่คนไปคนในประเทศไทย ทั้งๆที่ในความเป็นจริงตามแผนภูมิของการตรวจหาเชื้อในประเทศไทยในปัจจุบัน ดังนั้นไม่ว่าคุณจะเป็นคนขับรถทัวร์ที่มีนักท่องเที่ยวจีนเป็นผู้โดยสารเต็มคัน ขึ้นรถไฟฟ้าที่มีนักท่องเที่ยวจีนเต็มขบวน หรือเดินทางไปสนามบินหรือขึ้นเครื่องบินที่มีผู้โดยสารจากจีนที่มีไข้สูงเดินทางด้วยกันกี่คนก็ตาม แล้วเกิดว่าคุณเป็นไข้ขึ้นมา จนเป็นปอดอักเสบ หรือแม้กระทั่งเสียชีวิตไปด้วยปอดอักเสบรุนแรงไปเลยก็ตาม คุณจะไม่ได้รับการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรน่า2019 เลย เนื่องจากคุณไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ที่จะได้รับการตรวจซึ่งในปัจจุบันคือคุณต้องมีอาการหลังจากกลับจากประเทศจีนภายใน 14 วัน เป็นข้อบ่งชี้หลัก
Admin ทราบถึงข้อจำกัดในปัจจุบันว่าการตรวจหาไวรัสโคโรน่า2019 ทำได้ไม่กี่แห่ง ซึ่งถ้ามีการส่งตรวจมากเกินไปก็จะไม่สามารถตรวจได้ทั้งหมด เลยต้องส่งตรวจตามลำดับความสำคัญและอีกทั้งปัจจุบันยังไม่มียาต้านไวรัสที่เฉพาะเจาะจง ทำให้ถึงทราบว่าเป็นไวรัสโคโรน่า2019ก็ไม่ได้มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงการรักษา แต่มีผลกับการแยกผู้ป่วยเพื่อป้องการการแพร่ระบาดของเชื้อเท่านั้น แต่ก็แค่อยากสะท้อนความเป็นจริงอีกด้านว่าที่เราบอกประชาชนทุกๆวันนี้ว่าไม่มีเคสผู้ป่วยไวรัสโคโรน่า2019ที่ติดจากคนสู่คนโดยรับเชื้อในประเทศไทยนั้น จริงๆแล้วทุกวันนี้เรายังไม่ได้ตรวจหา มันก็เลยไม่มีทางที่จะพบต่างหาก
ตระหนักแต่ไม่ต้องตระหนกนะครับ อีก 6-12 เดือน มันน่าจะเป็นเชื้อไวรัสที่ประจำถิ่นเหมือนกับไข้หวัดใหญ่ในปัจจุบันนะครับ
ปล. ขอย้ำว่าวัตถุประสงค์ของบทความนี้นั้นไม่ได้ต้องการให้เกิดความกังวลใจหรือตื่นกลัวนะครับ เพราะว่าจริงๆแล้วไข้หวัดใหญ่, PM 2.5 เอาเข้าจริงๆแล้ว น่าจะส่งผลกับสุขภาพของประชาชนในวงกว้างกว่ากันอย่างมากนะครับ แต่อยากจะสะท้อนความจริงว่าโรคนี้ระบาดจากคนไปคนได้แน่ๆโดยที่ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปรับเชื้อจากต้นกำเนิดของโรค และมาตราการของกระทรวงสาธารณสุขก็เป็นไปอย่างเหมาะสมตามสถานการณ์และข้อจำกัดที่เรามีอยู่ในปัจจุบันอยู่แล้ว แต่เราแค่เห็นจำนวนของผู้ป่วยที่มีการรายงานเป็นยอดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น ผู้ป่วยที่มีอาการน้อย หรือไม่มีอาการน่าจะมีอยู่อีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งจริงๆแล้วจะมีส่วนช่วยควบคุมโรคได้ตามธรรมชาติอยู่แล้ว เนื่องจากพอมีคนที่ได้รับเชื้อไปแบบไม่มีอาการหรือมีอาการน้อยๆไปมากพอสมควรก็จะทำให้เกิดภูมิคุ้มกันในสังคมโดยรวม (Herd immunity) และส่งผลให้การระบาดของโรคลดลงในที่สุดนะครับ
ที่มา https://www.facebook.com/EASYPCCM/photos/a.176574002983535/523333054974293/?type=3&theater