ในตอนนี้การใช้ชีวิตในเมืองกรุงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะเป็นไปได้ยาก เนื่องจากปัญหามลภาวะจากฝุ่นจิ๋ว pm 2.5 จึงทำให้เกิดทริปกระทันหันนี้ ที่เราจะหนีไปลงเกาะเพื่อฟอกปอดกันสัก3วัน พาตัวเองไปเจออากาศบริสุทธิ์กับน้ำทะเลสวยๆใสๆกันสักหน่อยดีกว่า พร้อมหนีแล้วเราก็เก็บกระเป๋า ขับรถมุ่งหน้าสู่ท่าเรือแหลมงอบ จ.ตราด เพื่อหนีลงเกาะกันเลยดีกว่า
.
.
.
DAY 1
เราขึ้นเรือรอบ 10.30 ของบริษัทลีลาวดี เป็นเรือสปีดโบ๊ท ค่าเรือไปกลับราคาอยู่ที่คนละ 900 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที - 1 ชั่วโมง นั่งชิลๆผ่านเกาะช้าง เกาะหวายชมวิวไปเรื่อย สักพักก็มาถึงจุดหมายของเรา นั่นก็คือ
เกาะหมาก !!!
เมื่อมาถึงเกาะหมากเรือจะมาเทียบท่าที่มะกะธานีรีสอร์ท มีหมาน้อยออกมาต้อนรับด้วย
นี่เป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่เราเคยมาเยือนเกาะหมากกันครั้งนึงแล้วในกระทู้นี้
https://pantip.com/topic/38587378 พอลงจากเรือเราก็โทรหาลุงคนขับสองแถวที่เรารู้จักให้มารับ เพื่อไปส่งที่บ้านพักของลุงแก และจะได้ไปเอามอเตอร์ไซค์เพื่อแว๊นรอบเกาะกันด้วย เก็บกระเป๋ากันเสร็จเราก็ไปลุยกันทันที ที่สถานที่แรก คือ
“อ่าวตั๋น อ่าวตาไข่ และอ่าวตาโล่ง”ทั้ง 3 อ่าว อยู่ติดกัน อ่าวตั๋นเป็นอ่าวเล็กๆที่มีชายหาดให้นั่งเล่นน้ำไม่มากนัก แต่มีวิวสวย อ่าวตาไข่ตั้งอยู่ต่อจากอ่าวตั๋น โดยจะผ่านสวนมะพร้าวและป่าดิบเข้าไป ลักษณะของอ่าวตาไข่เป็นอ่าวที่ไม่กว้างใหญ่มากนัก แต่มีเม็ดทรายที่ขาวสวยงามทั่วทั้งหาด ส่วนอ่าวสุดท้ายคืออ่าวตาโล่ง เป็นอ่าวที่ตั้งของหมู่บ้านชาวประมงของเกาะหมาก เหมาะแก่การมาชมวิถีชีวิตและวิวสวยๆเป็นการปิดท้าย
ชมวิวกันได้สักพัก เราก็แว๊นต่อไปที่ “แหลมสน” ซึ่งเราจะไปขึ้นเรือข้ามไปเกาะกระดาษกันที่แหลมสนแห่งนี้
แหลมสนตั้งอยู่ด้านตะวันออกสุดของเกาะหมาก มีต้นสนเป็นแนวยาวบรรยากาศเงียบสงบ มองออกไปฝั่งตรงข้ามก็จะเห็นเกาะกระดาษ ที่เรากำลังจะเดินทางไป แลนด์มาร์คของแหลมสนแห่งนี้ ก็น่าจะเป็นยอยักษ์ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในท้องทะเล
น้ำใสทรายขาวคนน้อยเหมาะแก่การมาพักผ่อนหนีฝุ่นจริงๆ
สำหรับใครที่สนใจจะข้ามไปเกาะกระดาษสามารถมาสอบถามซื้อตั๋วเรือที่ร้านค้าเล็กๆร้านเดียวที่อยู่ที่แหลมสนได้เลยราคาเรือไปกลับ อยู่ที่ 300 บาท รวมค่ารถนำเที่ยวเมื่อถึงเกาะกระดาษ และรวมค่าน้ำดื่ม 1 ขวดตอนถึงเกาะ ซื้อตั๋วเรือกันแล้วเราก็นั่งรอเพื่อให้เขาได้เตรียมเรือสักพักนึง
นั่งรอเรือมองออกไปก็เห็นเกาะกระดาษ เหตุผลที่ชื่อเกาะกระดาษเป็นเพราะเมื่อมองดูออกไปจะเห็นเกาะๆนี้คล้ายกระดาษแผ่นแบนๆลอยอยู่กลางทะเล
เรือพร้อมจะพาเราไปสู่ “เกาะกระดาษ” กันแล้ว
ระหว่างทางไปวิวสวยจริงๆ แอบบอกว่าตอนกำลังนั่งเรือมีเต่าตัวใหญ่มากมาลอยคออยู่ข้างเรือ กำลังจะหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายน้องดำน้ำลงไปซะแล้ว ธรรมชาติยังแน่นจริงๆในท้องทะเลตราดแห่งนี้
นั่งชิลๆอาบแดดกันไปไม่ถึง 20 นาที ก็ถึงเกาะกระดาษกันแล้ว
เกาะกระดาษแห่งนี้ถือเป็น unseen แห่งเกาะในท้องทะเลตราดเลยก็ว่าได้ เพราะมีกวางอาศัยอยู่บนเกาะแห่งนี้นับพันๆตัวถือเป็นซาฟารีในท้องทะเลของประเทศไทยกันเลยทีเดียว
ลงเรือกันปุ๊ปก็มีน้องกวางออกมาต้อนรับให้เราได้ถ่ายรูปคู่กัน
พอมาถึงเกาะแล้วจะมีรถอีแต๊กมารับเราเพื่อจะพาท่องเที่ยวทั่วทั้งเกาะ ตอนนั่งรถอีแต๊กเราก็จะผ่านอีก 1 unseen ของเกาะนี้ นั่นก็คือ เหล่าต้นมะพร้าวนับพันที่เรียงรายสวยไม่เหมือนเกาะแห่งไหนสามารถบอกให้รถจอดและลงมาถ่ายรูปชิคๆได้ฟีลติดเกาะกันด้วย
รถอีแต๊กจะพาเรามาส่งที่ท้ายเกาะให้เราได้นอนพักผ่อนเล่นน้ำกันตามอัธยาศัย และโทรนัดเวลาให้รถมารับอีกทีนึง
ตอนที่เราไป ท้ายหาดไม่มีคนเลยสักคนเดียว มีแต่เรากับเพื่อนอีก 3 คน เรียกได้ว่าสงบอย่างแท้ทรู
อีก 1 ไฮไลท์ทีเด็ดของเกาะนี้คงหนีไม่พ้น เจ้าต้นมะพร้าวต้นนี้ที่ตั้งตระหง่านอยู่ต้นเดียวแต่ลำต้นเอียงไปสู่ทะเลจนแทบจะแนบพื้นดิน ต้นมะพร้าวต้นนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ประจำเกาะกระดาษกันเลยทีเดียว
ถ้าใครเคยดูหนังเรื่อง cast away เกาะกระดาษแห่งนี้ทำให้ได้ฟีลเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในหนังเรื่องนั้นจริงๆ ด้วยความเป็นเกาะที่สวยบรรยากาศก็ดี น้ำทะเลใส ความเงียบสงบไร้ผู้คน มันดีมากจริงๆ
ถ่ายตรงไหนก็ไม่ติดคนอื่นแน่นอน บรรยากาศแบบเกาะส่วนตัวสุดๆ
เล่นน้ำ ถ่ายรูป เดินสำรวจ นอนพักกันสักงีบเราก็โทรให้รถอีแต๊กมารับเพื่อจะไปส่งด้านหน้าเกาะขึ้นเรือกลับเกาะหมากกัน
ระหว่างรอเรือกลับเกาะหมากถ่ายรูปกับเจ้ากวางกันดีกว่า ไม่ใช่จะหากันได้ง่ายๆสำหรับการมาเที่ยวทะเลแล้วได้ถ่ายรูปกวางกับทะเลไปพร้อมๆกัน
เรือมาแล้วได้เวลากลับเกาะหมากกันแล้ว
พอมาถึงเกาะหมากแล้ว แว๊นกลับไปอาบน้ำอาบท่ากันสักแปป เราก็ออกมาชมวิวแสงยามเย็นกันที่ “ท่าเรืออ่าวนิด”
แสงยามเย็นจากมุมนี้สวยมาก
DAY2
วันนี้จะเป็นวันที่เราจะข้ามไปเที่ยวอีกเกาะนั่นก็คือ เกาะขาม! ตื่นเช้ามาเราก็เดินเล่นไปยังมะกะธานีรีสอร์ท เห็นมีมุมที่มีเปลอยู่สวยดีแวะนอนแวะถ่ายรูปสักหน่อยดีกว่า ระหว่างรอเพื่อนๆแต่งตัวเสร็จ
เช้านี้สถานที่แรกที่เราจะไป คือ “The Cinnamon art resort and spa” รีสอร์ทชื่อดังของเกาะหมาก เป็นรีสอร์ทที่มีสะพานทอดยาวลงสู่ทะเล ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นสะพานที่สวยที่สุดบนเกาะนี้
ใครจะมาเดินที่สะพานแห่งนี้แนะนำให้มาแต่เช้าหน่อย เพราะอากาศจะร้อนมาก กว่าจะเดินไปสุดสะพานแทบจะเป็นลม
โดดเดี่ยวเดียวดายกลางท้องเล
ระหว่างเดินไปสุดสะพานก็มีจุดแวะให้ถ่ายรูปเป็นช่วงๆ บอกเลยว่าสะพานแห่งนี้ถ่ายรูปสวยทุกมุมจริงๆ
มองลงไปจากสะพานก็เห็นฝูงปลาเลย น้ำใสมากๆ
สดชื่นมากๆ
ระยะทางอีกยาวไกลกว่าจะสุดสะพาน
สุดสะพานแล้ว มองเห็นทะเลสวยๆน้ำใสๆสุดลูกหูลูกตาเลย
แต่อยู่ที่ปลายสะพานนานไม่ได้ ไม่มีที่บังแดดเลยค่อนข้างจะร้อนมาก ถ่ายรูปเสร็จเราก็เดินกลับชมความใสของน้ำไปเรื่อยๆ ใสไม่ใสดูกันเอาเองละกันมองเห็นพื้นขนาดนี้
น้ำเป็นประกายระยิบระยับสวยเงียบสงบมาก
แว๊นกันต่อไปอีก 1 รีสอร์ทดังของเกาะหมาก นั่นก็คือ “Cococape Beach Resort” ซึ่งเราจะขึ้นเรือข้ามไปเกาะขามกันที่นี่
ปลายสะพานของที่นี่นอกจากจะเป็นจุดขึ้นเรือไปเกาะขามแล้ว ยังเป็นบาร์ในทะเลเก๋ๆให้เราได้มาถ่ายรูปเล่นนั่งชิลดื่มเครื่องดื่มกันได้อีกด้วย สะพานที่ cococape สวยไม่แพ้ที่ cinnamon เลย บวกกับน้ำทะเลที่ใสมากในบริเวณนี้ยิ่งสวยเพิ่มขึ้นไปอีก
มุมถ่ายรูปชิคๆใน cococape
[CR] +++ หนีฝุ่น ไปติด3เกาะสวยแห่งท้องทะเลตราด +++
.
.
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้