ท่ามกลางกระแสม๊อบฮ่องกงตลอดปลายปี 2019 แต่เราก็มิหวั่น จริงๆ เสียดายค่าตั๋ว
เราจองตั๋วเครื่องบินไปฮ่องกง ล่วงหน้ามากๆ ตั้งแต่เดือน มิ.ย. เพื่อเดินทางในเดือน พ.ย. ตอนมีข่าวม๊อบมาแรกๆ เดาว่าเดี๋ยวก็คงซา พอเข้าเดือน ส.ค. มีการชุมนุมหนักขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นกีดขวางที่สนามบิน ตอนนี้เราเริ่มใจตุ๊มๆ ต่อมๆ แล้วว่าจะเอายังไงดี
ในที่สุด เพื่อความสบายใจ เราเลยเปลี่ยนแผนไปอยู่มาเก๊าให้มากขึ้น จากแผนเดิมที่ตั้งใจไว้ คือ ไปเช้าเย็นกลับ
เรามีเวลา 4 วัน 3 คืน จัดแพลนออกมาได้ตามนี้
วันที่ 1 : สนามบินฮ่องกง --- เดินเล่นริมอ่าว Victoria Harbour (วิวกลางคืน) --- 1881 Heritage
วันที่ 2 : Hong Kong Cultural Center--- เดินเล่นริมอ่าว Victoria Harbour (วิวกลางวัน) --- Clock Tower --- พระใหญ่ เทียนถาน หมู่บ้านวัฒธรรมนองปิง --- ข้ามไปมาเก๊า
วันที่ 3 : Senado Square --- Ruins of St Paul’s --- ดูโชว์ที่ Wynn Macau --- ขึ้น Skycab ที่ Wynn Palace --- Taipa Village --- The Venetian
วันที่ 4 : Fisherman Wharf --- ข้ามไปฮ่องกง --- สนามบินฮ่องกง
ได้เวลาออกเดินทางแล้ว Let's Go!!!
วันแรก ออกเดินทางจากสนามบินดอนเมืองตอน 15.25 น. โดยสายการบินแอร์เอเชีย นั่งๆ นอนๆ ไม่เกิน 3 ชม. ก็ Landing อย่างปลอดภัย มาถึงก็ประมาณทุ่มนิดๆ พร้อมตะลุยเกาะฮ่องกง
อ้อ บนเครื่องเค้าจะมีแจกใบ Arrival Card กรอกให้เสร็จก่อน ดูตัวอย่างตามนี้ได้เลย
ช่วงที่เราไปเป็นช่วงใกล้คริสต์มาส ภายในสนามบินเลยถูกตกแต่งให้เป็นธีมคริสต์มาส น่ารักสุดๆ
พอมาถึงอยากจะบอกว่า สนามบินฮ่องกงเงียบมากจ้า คนน้อยแบบโหรงเหรง น่าจะได้รับผลกระทบจากการชุมนุม แต่ ตม. ก็ยังตรวจเข้มเหมือนเดิมอย่างที่เค้าว่ากันไว้ไม่มีผิด คนข้างหน้าเราโดนเรียกไป ส่วนเราโดนมองนานหน่อย แต่ก็ผ่านมาได้
ก่อนอื่น เพื่อความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต ณ ฮ่องกง ไม่ว่าจะซื้อของ ขึ้นรถ ลงเรือ เราต้องมีบัตร Octopus Card ก่อน
หาซื้อ และเติมเงิน ได้ที่เคาน์เตอร์ Airport Express หรือ Customer Service Centre ภายในสถานีรถไฟ MTR ทุกสถานี และร้านสะดวกซื้อ 7-11
เราซื้อที่เคาน์เตอร์ Airport Express อยู่ตรงหน้า Arrival Hall ราคาบัตร 150 HKD มีเงินในบัตรใช้ได้ 100 HKD ส่วนอีก 50 HKD จะเป็นค่ามัดจำบัตร ซึ่งเราสามารถคืนบัตรได้ โดยจะถูกหักค่าใช้บัตร 11 HKD
หลังจากได้บัตร Octopus Card มาแล้ว ก็พร้อมเข้าเมือง ครั้งนี้เราเลือกเดินทางด้วยรถบัส ก็เดินตามป้าย “Bus”
พอออกมาจะเห็นป้าย Bus Terminus สามารถเช็คดูได้ว่าจุดหมายปลายทางของเราต้องขึ้นรถสายไหน ส่วนเราพักแถว Tsim Sha Tsui ก็ขึ้นสาย A21 โลด เดินตรงไปตามป้าย สาย A21 เป็นบัส 2 ชั้น ขึ้นที่ประตูหน้า และแตะบัตร Octopus Card ตรงข้างๆ คนขับ
บนรถมีที่วางกระเป๋า อยู่ชั้น 1 ถ้าเรานั่งชั้นบนก็ไม่ต้องกลัวกระเป๋าหาย เพราะเค้ามีจอมอนิเตอร์ให้เราสามารถดูกระเป๋าได้ตลอด
บนรถมีจอแสดงชื่อป้ายที่รถจอด เวลาลงให้กดกริ่ง แล้วลงที่ประตูหลังได้เลย
ใครขึ้นสาย A21 เหมือนเรา เช็ค Bus Stop ก่อนนะ
เราจองที่พักชื่อ Leo Inn Hong Kong เป็น Hostel ในตึก Haiphong Mansion เดินทางสะดวกมากมาย พอลงจากรถบัส ก็ข้ามถนนมาฝั่งตรงข้าม เดินย้อนกลับมานิดเดียว ตรงหัวมุมตึก หันไปทางซ้ายก็เจอเลย
ที่พักก็เล็กตามสไตล์ฮ่องกง ถ้าไม่คิดอะไรมากก็อยู่ได้ เพราะสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วน
นั่งพักแปบนึง ประมาณสี่ทุ่ม ก็ออกมาท่องราตรีต่อ เราไปเดินเล่นแถวริมอ่าว Victoria Harbour ถ้าตั้งต้นจากจุดที่ลงรถบัส ก็คือเดินตรงไปข้างหน้าเรื่อยๆ จะเจอแยกใหญ่ เป็นแยกที่ตัดระหว่าง Nathan Road กับ Salisbury Road มองไปข้างหน้าจะเห็นโดมขนาดใหญ่ ซึ่งคือ Hong Kong Space Museum เดินไปทางนั้นเลยจ้า ไม่ได้ถ่ายรูปตอนกลางคืนมา แนบรูปตอนกลางวันให้ดูละกันนะ
ระหว่างทางที่เดินไป เราก็จะเห็นซากปรักหักพังที่เป็นผลลัพธ์จากการชุมนุม ทางเข้า MTR ถูกทำลาย / สัญญาณจราจรพัง / ถนนถูกพ่นด้วยตัวอักษร / ทางเท้าขรุขระ เพราะก่อนหน้านี้ถูกเลาะเอาไปทำสิ่งกีดขวาง
แต่บรรยากาศก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น เพราะตอนนี้หลายๆ ห้างเริ่มตกแต่งด้วยธีมคริสต์มาสกันแล้ว
ถึงแล้วววว ถ่ายเสร็จก็รีบไป เพราะบรรยากาศ คือ เงียบมากกกกกกก ไม่มีใครเลยจ้า มันก็เลยดูจะน่ากลัวหน่อยๆ หรือว่าเรามาดึกเกินไป
จากนั้นข้ามถนนไปเลย เราจะเจอห้าง 1881 Heritage เป็นอาคารสถาปัตยกรรมสไตล์อังกฤษผสมผสานระหว่างอาคารแบบวิคตอเรียและนีโอคลาสสิค ตอนที่ไปคือปิดทำการแล้ว แต่รอบนอกยังคงเปิดไฟ และตกแต่งด้วยธีมคริสต์มาส บรรยากาศน่ารัก คู่รักก็มาถ่ายรูปกันประปราย ถ่ายเสร็จก็กลับที่พักกันดีกว่า เก็บแรงเที่ยวต่อวันพรุ่งนี้
วันที่ 2 ช่วงเช้า เราจะไปซ้ำที่เดิม คือ เดินเล่นริมอ่าว Victoria Harbour ในวิวแบบสว่างแล้ว เมื่อวานเป็นวิวแสงไฟยามค่ำคืน
แต่กองทัพต้องเดินด้วยท้อง จัดข้าวหน้าเนื้อ Yoshinoya กันไปคนละถ้วย ร้านหาไม่ยาก อยู่ถนน Cameron Road (ถ้ามาจาก MTR ก็อยู่สถานี Tsim Sha Tsui ออก Exit B2) เดินตรงไปนิดเดียวจะเห็นป้ายด้านซ้ายมือ มีบันไดลงไปชั้นใต้ดิน ***จุดสังเกต อยู่ตรงข้าม KFC
Taxi ที่นี่เค้ามีเอกลักษณ์ดีนะคะ
ถึงแลนด์มาร์คอีกแห่งหนึ่งที่ฮิตมาก ใครๆ ก็ต้องถ่ายรูปอัพลงไอจี นั่นก็คือ Hong Kong Cultural Center ที่มีเสาเรียงกัน
เดินทะลุออกมาก็เจอริมน้ำแล้ว เห็นบันไดด้านขวามือไหม ขึ้นไปเลยจ้า วิวสวยเว่อร์
เห็น Clock Tower ด้วยนะ โดดเด่นเป็นสง่ามาก
หลังจากนั้น เราก็ไปเช็คเอาท์ ลากกระเป๋าเดินทางขึ้น MTR โลด จุดหมายต่อไป คือ ไหว้พระใหญ่เทียนถาน (Tian Tan Buddha) และหมู่บ้านวัฒธรรมนองปิง เริ่มต้นเดินทางจาก MTR Tsim Sha Tsui ไปลงที่ MTR Tung Chung
พอออกมาแล้ว จะเป็นทางเชื่อมเข้าห้าง Citygate Outlet เราจะมาฝากกระเป๋ากันที่นี่ค่ะ ให้ลงบันไดเลื่อนหน้า TASTE SUPERMARKET ก็จะเจอ Lockers Service (มี 2 ชั้น คือ ชั้น B2 และชั้น B3)
วิธีการใช้งาน :
1. กดที่จอ เลือกขนาดตู้ ถ้าสัมภาระไม่เยอะมาก เลือกตู้ขนาดเล็กได้นะคะ เพราะความกว้างสามารถใส่กระเป๋าขนาด 24 นิ้วได้สบายเลย ประหยัดตังค์ด้วย ตู้เล็ก ค่าบริการจะอยู่ที่ 2 ชม. 10 HKD
2. กดจ่ายเงิน สามารถใช้เงินสดหรือบัตร Octopus Card จ่ายก็ได้ ถ้าตอนมารับกระเป๋าเวลาเกิน ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวระบบจะเรียกเก็บเงินเพิ่มเองจ้า
3. ได้รับสลิปออกมาพร้อมแจ้งเลขที่ตู้ ห้ามทำสลิปหายเด็ดขาด เพราะจะต้องเอามา Scan Barcode ตอนกลับมารับกระเป๋า
ฝากเสร็จ ไปเดินเล่นหาอะไรกินใน Supermarket ดีกว่า
การเดินทางไปหมู่บ้านวัฒธรรมนองปิง หลายๆ คนเลือกนั่งกระเช้าขึ้นไป แต่เราเน้นสมบุกสมบันจ้า บัสโลดดด
ก่อนอื่นเดินออกด้านหน้า Citygate Outlet กันก่อน
รูปนี้เราหันหลังกลับไปถ่ายนะคะ
เดินตรงมานิดเดียว ด้านขวามือจะเป็นจุดจอดรถบัสเยอะมาก เดินเข้าไปเลยจ้า แล้วเดินเลียบไปทางด้านขวามือ
ลานเวิ้งว้างด้านหน้า คือ จุดจอดรถบัสหลายๆ สาย ข้ามถนนไปเลย สายที่เราจะขึ้น จุดจอดอยู่ตรงข้ามกับที่เราข้ามถนนเลย
หันหลังกลับมาถ่ายรูปให้ดู อยู่ตรงข้ามกับป้ายนี้เลยจ้า
รถบัสที่เราจะขึ้น คือ สาย 23 นะ เข้าไปนั่งรอได้เลย
มองดูคนอื่นขึ้นกระเช้าไป
รถมาแล้วเด้ออออ
นั่งรถประมาณ 40 นาที ข้างทางก็คือวิวป่า สลับวิวทะเล แต่ถนนนี่โค้งคดเคี้ยวเว่อร์ๆ ถ้าไม่อยากเมารถ จงหลับไปซะ
ถึงแล้วววว เดินลอดประตูไปเลยจ้า
บันได 300 ขั้นไหวไหม ถามใจดู
อากาศดีมาก ประมาณ 19 องศา เดินชิลๆ ก็ถึงแล้ว
[CR] ฮ่องกง มาเก๊า เก้าพันเอาอยู่
ท่ามกลางกระแสม๊อบฮ่องกงตลอดปลายปี 2019 แต่เราก็มิหวั่น จริงๆ เสียดายค่าตั๋ว
เราจองตั๋วเครื่องบินไปฮ่องกง ล่วงหน้ามากๆ ตั้งแต่เดือน มิ.ย. เพื่อเดินทางในเดือน พ.ย. ตอนมีข่าวม๊อบมาแรกๆ เดาว่าเดี๋ยวก็คงซา พอเข้าเดือน ส.ค. มีการชุมนุมหนักขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นกีดขวางที่สนามบิน ตอนนี้เราเริ่มใจตุ๊มๆ ต่อมๆ แล้วว่าจะเอายังไงดี
ในที่สุด เพื่อความสบายใจ เราเลยเปลี่ยนแผนไปอยู่มาเก๊าให้มากขึ้น จากแผนเดิมที่ตั้งใจไว้ คือ ไปเช้าเย็นกลับ
เรามีเวลา 4 วัน 3 คืน จัดแพลนออกมาได้ตามนี้
วันที่ 1 : สนามบินฮ่องกง --- เดินเล่นริมอ่าว Victoria Harbour (วิวกลางคืน) --- 1881 Heritage
วันที่ 2 : Hong Kong Cultural Center--- เดินเล่นริมอ่าว Victoria Harbour (วิวกลางวัน) --- Clock Tower --- พระใหญ่ เทียนถาน หมู่บ้านวัฒธรรมนองปิง --- ข้ามไปมาเก๊า
วันที่ 3 : Senado Square --- Ruins of St Paul’s --- ดูโชว์ที่ Wynn Macau --- ขึ้น Skycab ที่ Wynn Palace --- Taipa Village --- The Venetian
วันที่ 4 : Fisherman Wharf --- ข้ามไปฮ่องกง --- สนามบินฮ่องกง
วันแรก ออกเดินทางจากสนามบินดอนเมืองตอน 15.25 น. โดยสายการบินแอร์เอเชีย นั่งๆ นอนๆ ไม่เกิน 3 ชม. ก็ Landing อย่างปลอดภัย มาถึงก็ประมาณทุ่มนิดๆ พร้อมตะลุยเกาะฮ่องกง
อ้อ บนเครื่องเค้าจะมีแจกใบ Arrival Card กรอกให้เสร็จก่อน ดูตัวอย่างตามนี้ได้เลย
ช่วงที่เราไปเป็นช่วงใกล้คริสต์มาส ภายในสนามบินเลยถูกตกแต่งให้เป็นธีมคริสต์มาส น่ารักสุดๆ
พอมาถึงอยากจะบอกว่า สนามบินฮ่องกงเงียบมากจ้า คนน้อยแบบโหรงเหรง น่าจะได้รับผลกระทบจากการชุมนุม แต่ ตม. ก็ยังตรวจเข้มเหมือนเดิมอย่างที่เค้าว่ากันไว้ไม่มีผิด คนข้างหน้าเราโดนเรียกไป ส่วนเราโดนมองนานหน่อย แต่ก็ผ่านมาได้
ก่อนอื่น เพื่อความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต ณ ฮ่องกง ไม่ว่าจะซื้อของ ขึ้นรถ ลงเรือ เราต้องมีบัตร Octopus Card ก่อน
หาซื้อ และเติมเงิน ได้ที่เคาน์เตอร์ Airport Express หรือ Customer Service Centre ภายในสถานีรถไฟ MTR ทุกสถานี และร้านสะดวกซื้อ 7-11
เราซื้อที่เคาน์เตอร์ Airport Express อยู่ตรงหน้า Arrival Hall ราคาบัตร 150 HKD มีเงินในบัตรใช้ได้ 100 HKD ส่วนอีก 50 HKD จะเป็นค่ามัดจำบัตร ซึ่งเราสามารถคืนบัตรได้ โดยจะถูกหักค่าใช้บัตร 11 HKD
หลังจากได้บัตร Octopus Card มาแล้ว ก็พร้อมเข้าเมือง ครั้งนี้เราเลือกเดินทางด้วยรถบัส ก็เดินตามป้าย “Bus”
พอออกมาจะเห็นป้าย Bus Terminus สามารถเช็คดูได้ว่าจุดหมายปลายทางของเราต้องขึ้นรถสายไหน ส่วนเราพักแถว Tsim Sha Tsui ก็ขึ้นสาย A21 โลด เดินตรงไปตามป้าย สาย A21 เป็นบัส 2 ชั้น ขึ้นที่ประตูหน้า และแตะบัตร Octopus Card ตรงข้างๆ คนขับ
บนรถมีที่วางกระเป๋า อยู่ชั้น 1 ถ้าเรานั่งชั้นบนก็ไม่ต้องกลัวกระเป๋าหาย เพราะเค้ามีจอมอนิเตอร์ให้เราสามารถดูกระเป๋าได้ตลอด
บนรถมีจอแสดงชื่อป้ายที่รถจอด เวลาลงให้กดกริ่ง แล้วลงที่ประตูหลังได้เลย
ใครขึ้นสาย A21 เหมือนเรา เช็ค Bus Stop ก่อนนะ
เราจองที่พักชื่อ Leo Inn Hong Kong เป็น Hostel ในตึก Haiphong Mansion เดินทางสะดวกมากมาย พอลงจากรถบัส ก็ข้ามถนนมาฝั่งตรงข้าม เดินย้อนกลับมานิดเดียว ตรงหัวมุมตึก หันไปทางซ้ายก็เจอเลย
ที่พักก็เล็กตามสไตล์ฮ่องกง ถ้าไม่คิดอะไรมากก็อยู่ได้ เพราะสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วน
นั่งพักแปบนึง ประมาณสี่ทุ่ม ก็ออกมาท่องราตรีต่อ เราไปเดินเล่นแถวริมอ่าว Victoria Harbour ถ้าตั้งต้นจากจุดที่ลงรถบัส ก็คือเดินตรงไปข้างหน้าเรื่อยๆ จะเจอแยกใหญ่ เป็นแยกที่ตัดระหว่าง Nathan Road กับ Salisbury Road มองไปข้างหน้าจะเห็นโดมขนาดใหญ่ ซึ่งคือ Hong Kong Space Museum เดินไปทางนั้นเลยจ้า ไม่ได้ถ่ายรูปตอนกลางคืนมา แนบรูปตอนกลางวันให้ดูละกันนะ
ระหว่างทางที่เดินไป เราก็จะเห็นซากปรักหักพังที่เป็นผลลัพธ์จากการชุมนุม ทางเข้า MTR ถูกทำลาย / สัญญาณจราจรพัง / ถนนถูกพ่นด้วยตัวอักษร / ทางเท้าขรุขระ เพราะก่อนหน้านี้ถูกเลาะเอาไปทำสิ่งกีดขวาง
แต่บรรยากาศก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น เพราะตอนนี้หลายๆ ห้างเริ่มตกแต่งด้วยธีมคริสต์มาสกันแล้ว
ถึงแล้วววว ถ่ายเสร็จก็รีบไป เพราะบรรยากาศ คือ เงียบมากกกกกกก ไม่มีใครเลยจ้า มันก็เลยดูจะน่ากลัวหน่อยๆ หรือว่าเรามาดึกเกินไป
จากนั้นข้ามถนนไปเลย เราจะเจอห้าง 1881 Heritage เป็นอาคารสถาปัตยกรรมสไตล์อังกฤษผสมผสานระหว่างอาคารแบบวิคตอเรียและนีโอคลาสสิค ตอนที่ไปคือปิดทำการแล้ว แต่รอบนอกยังคงเปิดไฟ และตกแต่งด้วยธีมคริสต์มาส บรรยากาศน่ารัก คู่รักก็มาถ่ายรูปกันประปราย ถ่ายเสร็จก็กลับที่พักกันดีกว่า เก็บแรงเที่ยวต่อวันพรุ่งนี้
วันที่ 2 ช่วงเช้า เราจะไปซ้ำที่เดิม คือ เดินเล่นริมอ่าว Victoria Harbour ในวิวแบบสว่างแล้ว เมื่อวานเป็นวิวแสงไฟยามค่ำคืน
แต่กองทัพต้องเดินด้วยท้อง จัดข้าวหน้าเนื้อ Yoshinoya กันไปคนละถ้วย ร้านหาไม่ยาก อยู่ถนน Cameron Road (ถ้ามาจาก MTR ก็อยู่สถานี Tsim Sha Tsui ออก Exit B2) เดินตรงไปนิดเดียวจะเห็นป้ายด้านซ้ายมือ มีบันไดลงไปชั้นใต้ดิน ***จุดสังเกต อยู่ตรงข้าม KFC
Taxi ที่นี่เค้ามีเอกลักษณ์ดีนะคะ
ถึงแลนด์มาร์คอีกแห่งหนึ่งที่ฮิตมาก ใครๆ ก็ต้องถ่ายรูปอัพลงไอจี นั่นก็คือ Hong Kong Cultural Center ที่มีเสาเรียงกัน
เดินทะลุออกมาก็เจอริมน้ำแล้ว เห็นบันไดด้านขวามือไหม ขึ้นไปเลยจ้า วิวสวยเว่อร์
เห็น Clock Tower ด้วยนะ โดดเด่นเป็นสง่ามาก
หลังจากนั้น เราก็ไปเช็คเอาท์ ลากกระเป๋าเดินทางขึ้น MTR โลด จุดหมายต่อไป คือ ไหว้พระใหญ่เทียนถาน (Tian Tan Buddha) และหมู่บ้านวัฒธรรมนองปิง เริ่มต้นเดินทางจาก MTR Tsim Sha Tsui ไปลงที่ MTR Tung Chung
พอออกมาแล้ว จะเป็นทางเชื่อมเข้าห้าง Citygate Outlet เราจะมาฝากกระเป๋ากันที่นี่ค่ะ ให้ลงบันไดเลื่อนหน้า TASTE SUPERMARKET ก็จะเจอ Lockers Service (มี 2 ชั้น คือ ชั้น B2 และชั้น B3)
วิธีการใช้งาน :
1. กดที่จอ เลือกขนาดตู้ ถ้าสัมภาระไม่เยอะมาก เลือกตู้ขนาดเล็กได้นะคะ เพราะความกว้างสามารถใส่กระเป๋าขนาด 24 นิ้วได้สบายเลย ประหยัดตังค์ด้วย ตู้เล็ก ค่าบริการจะอยู่ที่ 2 ชม. 10 HKD
2. กดจ่ายเงิน สามารถใช้เงินสดหรือบัตร Octopus Card จ่ายก็ได้ ถ้าตอนมารับกระเป๋าเวลาเกิน ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวระบบจะเรียกเก็บเงินเพิ่มเองจ้า
3. ได้รับสลิปออกมาพร้อมแจ้งเลขที่ตู้ ห้ามทำสลิปหายเด็ดขาด เพราะจะต้องเอามา Scan Barcode ตอนกลับมารับกระเป๋า
ฝากเสร็จ ไปเดินเล่นหาอะไรกินใน Supermarket ดีกว่า
การเดินทางไปหมู่บ้านวัฒธรรมนองปิง หลายๆ คนเลือกนั่งกระเช้าขึ้นไป แต่เราเน้นสมบุกสมบันจ้า บัสโลดดด
ก่อนอื่นเดินออกด้านหน้า Citygate Outlet กันก่อน
รูปนี้เราหันหลังกลับไปถ่ายนะคะ
เดินตรงมานิดเดียว ด้านขวามือจะเป็นจุดจอดรถบัสเยอะมาก เดินเข้าไปเลยจ้า แล้วเดินเลียบไปทางด้านขวามือ
ลานเวิ้งว้างด้านหน้า คือ จุดจอดรถบัสหลายๆ สาย ข้ามถนนไปเลย สายที่เราจะขึ้น จุดจอดอยู่ตรงข้ามกับที่เราข้ามถนนเลย
หันหลังกลับมาถ่ายรูปให้ดู อยู่ตรงข้ามกับป้ายนี้เลยจ้า
รถบัสที่เราจะขึ้น คือ สาย 23 นะ เข้าไปนั่งรอได้เลย
มองดูคนอื่นขึ้นกระเช้าไป
รถมาแล้วเด้ออออ
นั่งรถประมาณ 40 นาที ข้างทางก็คือวิวป่า สลับวิวทะเล แต่ถนนนี่โค้งคดเคี้ยวเว่อร์ๆ ถ้าไม่อยากเมารถ จงหลับไปซะ
ถึงแล้วววว เดินลอดประตูไปเลยจ้า
บันได 300 ขั้นไหวไหม ถามใจดู
อากาศดีมาก ประมาณ 19 องศา เดินชิลๆ ก็ถึงแล้ว
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น