เห็นช่วงนี้กระทู้ตกงาน&เงินเดือนไม่พอใช้เยอะมาก เลยอยากมาแชร์ประสบการณ์ครับ

ย้อนไปเมื่อ14-15ปีก่อน ผมเกเรมาก พ่อแม่ส่งเงินให้เรียน แต่กลับแอบเอาเงินค่าเทอมที่พ่อแม่กูยืมเขามาเอาไปเล่นเกม พนันบอล เอาไปเที่ยวกับเพื่อนหมด(หลอกญาติพี่น้องว่าเรียนอยู่ แต่ไม่ได้เรียน โดนไล่ออกมานานแล้ว) ใช้เงินฟุ่มเฟือยอยู่2ปี เงินหมด+เป็นหนี้พนันบอล1.2แสนบาท สุดท้ายก็ความแตก พ่อแม่ตัดหางปล่อยวัด ไม่ส่งเงินให้อีกเลย สุดท้ายก็ไม่มีทางไปเลยต้องไปสมัครงาน7-11ด้วยวุฒิม.3 ด้วยวุฒิที่ต่ำต้อย เขาก็เลยให้เงินเดือนแค่7000และใช้งานเราเยี่ยงทาส ทำงานหนักกว่าทุกคนในร้านถึงแม้บางคนจะตำแหน่งเดียวกัน(ตำแหน่งพนักงานร้าน)ก็เอาข้ออ้างสารพัดมาใช้งานเรา พอมีใครลาหยุดเราก็ต้องควงผลัดแทน ระหว่างที่ทำงานอยู่เจ้าหนี้ก็มาทวงถึงในร้าน ผมก็ได้แต่บอกเขาไปว่า "ผมยังไม่มีครับ ฆ่าผมให้ตายตรงนี้หนี้คุณก็สูญ ให้เวลาผมหน่อย เงินเดือนออกค่อยมาเอา". ก็ถือเป็นโชคดีของผมที่เจ้าหนี้ของผมเขาก็ไม่ได้ใจร้าย ก็ยอมถอยไปโดยดี แต่พอวันเงินเดือนออกเขาก็มาเอาเงินเราไปหมด เหลือไว้ให้แค่พันเดียวเอาไว้กันตาย ชีวิตผมพอมาถึงจุดนี้เพื่อนฝูงที่เคยรู้จัก เคยกิน เคยเที่ยว เคยยืมเงินเรา เลิกคบเราทั้งหมด พอไปทวงหนี้ที่มันยืมเราไป3000 มันถามสวนกลับมาทันทีว่า"เป็นใคร?" แฟนที่เคยคบกันตอนเรามีเงิน พอเราไม่มีเงิน มันก็ทิ้งเราทันที ก็เข้าใจเขานะ ไม่ได้โกรธอะไรเลย เราทำตัวเองทั้งนั้น

ผมเจ็บใจ ผมร้องไห้ ผมรู้สึกเสียดายทั้งเงิน ทั้งเวลาที่ผมใช้มันไปอย่างไร้ค่า เสียดายโอกาสเรียนที่ผมเลือกจะทิ้งมันไปเอง ตอนนั้นผมเสียเกือบทุกอย่างที่เคยมีในชีวิตไป คิดที่จะฆ่าตัวตาย แต่ผมก็ทำไม่ลง ความกลัวตายมันห้ามผมไว้ ผมทิ้งทุกอย่างทั้งชีวิตที่เคยสบายใช้เงินฟุ่มเฟือย ทิ้งเพื่อนที่เคยมี งดดื่ม งดเที่ยว งดซื้อสิ่งที่ไม่จำเป็น ตั้งหน้าตั้งตาทำงานหาเงินใช้หนี้อย่างเดียว

ที่ผมใช้ชีวิตรอดมาได้ ส่วนหนึ่งก็ต้องขอขอบพระคุณผู้จัดการร้านสาขาที่ผมทำงานอยู่ด้วย เขาเห็นผมตั้งใจทำงาน เวลามีใครขาดงานผมก็อาสามาควงผลัดให้ตลอด ผู้จัดการเลยเมตตาผม เวลาเขาจะกินข้าวในเวลางาน เขาจะสั่งเป็นกับข้าวมา หุงข้าวในร้าน แล้วเรียกให้ผมไปกินด้วยตลอด(คือผมไม่ต้องออกเงินช่วย เพราะพี่เขารู้ว่าผมไม่มีตัง). เงิน1พันที่เจ้าหนี้เหลือไว้ให้ก็เอาไปจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ กินมาม่า(อยู่บ้านที่แม่ทิ้งไว้ให้ ไม่เสียค่าเช่า) ผมใช้ชีวิตแบบนี้อยู่2ปีเต็ม สุดท้ายหนี้ก็หมดลง ต้องขอบคุณเจ้าหนี้ด้วยที่ก็ใจดีเหลือเกิน ไม่คิดดอกผมสักบาท เอาแต่เงินต้นคือ1.2แสน 

ช่วงที่หมดหนี้ ผมก็ได้เจอกับแฟนคนปัจจุบันของผม เขาทำงานอยู่7-11สาขาใกล้ๆกันกับที่ผมทำ ก็ไม่รู้เขาชอบอะไรในตัวผมเหมือนกัน พอเขารู้ว่าผมก็แอบชอบเขาอยู่ก็ตกลงคบกัน แฟนผมเขาได้เงินเดือนเยอะกว่าผมเพราะเขาจบป.ตรี ตอนนั้นถ้าจำไม่ผิด ผมเงินเดือนอยู่ที่7400-7600. แฟนผมประมาณ12000
ทั้งผมและเขาต่างก็รู้สึกเหนื่อยกับการทำงานที่7-11นี่เหลือเกิน เงินเดือนก็น้อย ทำงานเยี่ยงทาส ทั้งใช้แรงงาน ทั้งกดดันเรื่องคุณภาพร้านและยอดขาย ทำไม่ดีก็โดนย้ายร้านย้ายไปสาขาไกลๆเหมือนจะกดดันให้เราลาออก แต่ผมกับแฟนออกไม่ได้ ถ้าออกก็=อดตาย เลยตัดสินใจกันว่า เราจะเก็บเงินกันเดือนละ15000บาท เหลือใช้แค่เดือนละ5-6000บาทพอ แบ่งเงินกันไปทำงานคนละ100บาท แต่ผมกับแฟนก็ไม่เคยใช้เงินนั้นหมด เหลือกลับบ้านคนบะ4-50บาทตลอด ก็เอามารวมกันซื้อกับข้าวกินกันตอนเย็น

แต่แล้วอะไรๆมันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด พอคิดจะเก็บเงิน มันก็ดันมีเรื่องให้ต้องเสียเงินเข้ามาตลอด ทีวีเสีย หลังคาบ้านรั่ว ประตูรั้วพัง ที่หนักที่สุดคือ รถมอเตอร์ไซค์ผมหาย หายแมร่งหน้าร้าน7-11นั่นแหละ และถ้าไม่มีรถ ผมก็ไม่สามารถไปทำงานได้เลย เพราะสาขาที่ผมทำอยู่ตอนนั้นอยู่ในคลองรังสิต ไม่มีรถเมล์ผ่านตอนกลางคืน ถ้าเข้ากะกลางคืนต้องมีรถส่วนตัวเท่านั้น ก็เลยจำใจต้องออกมอเตอร์ไซค์คันใหม่ ผ่อนไปอีก2ปี ระหว่างนี้ก็คืองดเที่ยว งดกินของแพง(ตอนนั้นกินมาม่าเกือบทุกวัน)

สุดท้าย เวลาผ่านไป4ปีครึ่งตั้งแต่เริ่มทำงานก็ยังไม่มีเงินเก็บสักบาท แต่หลังจากวันนั้น ก็ได้ฤกษ์เก็บเงินสักที บางเดือนก็ได้10000 บาทเดือนก็ได้15000 ตอนแรกตั้งเป้าไว้ว่า ไม่ว่าจะใช้เวลากี่ปี เงินเก็บครบ4แสนเมื่อไหร่ จะลาออกจากงาน7-11ทันที เพราะเหนื่อยเหลือเกิน เงินที่ได้ก็ไม่คุ้มกับแรงงานและเวลาที่เสียไป เวลาผ่านไปอีก3ปีอะไรๆก็ไม่เป็นอย่างที่ตั้งเป้าไว้อีก เก็บเงินได้แค่3แสนบาทผมก็มีเรื่องขัดใจกับหัวหน้างาน จนต้องลาออกมาก่อนกำหนด วางซองขาวไว้แล้วออกมาเลย ไม่ได้เงินชดเชยอะไรเลย เพราะเราออกกระทันหัน ไม่ได้แจ้งล่วงหน้า แต่แฟนผมยังต้องทำต่อไป

ผมออกมาก็ไปทำงานที่ไหนไม่ได้ เพราะมีวุฒิแค่ม.3 แต่โชคชะตาก็ไม่ได้ทอดทิ้งผมซะทีเดียว พ่อแม่ ญาติพี่น้องผมเห็นผมกลับตัวกลับใจแล้ว ก็เลยมอบโอกาสให้ผม หาที่ให้ผมทำการค้าในตลาดแห่งหนึ่ง แรกๆก็พอขายได้พออยู่ไปวันๆ แต่ผ่านไป1ปีก็เริ่มขายดีขึ้นเรื่อยๆ(ขายส่งของเล่น) ช่วงนั้นบ้านที่รังสิตโดนน้ำท่วมปี54 น้ำท่วมมิดหลังคา บ้านเสียหายทั้งหลัง ของขายทีสต๊อกไว้ในบ้านราคาหลายแสนเสียหายทั้งหมด แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ถึงกับล้ม เพราะหลังน้ำลด ขายดีมากๆ ตลาดพีคที่สุดตั้งแต่ขายมา(ช่วงปี55-58) ทำให้ผมผ่อนรถ ผ่อนบ้านหลังใหม่หมดทันทีในปี60 จนถึงตอนนี้ปี63 2-3ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจย่ำแย่มาก ค้าขายได้กำไรหดหายไปเกือบ10เท่า แต่ก็โชคดีที่หมดหนี้หมดสินไปแล้ว ทรัพย์สินที่เคยผ่อนตอนนี้เป็นชื่อตัวเองแล้ว ช่วงนี้ค้าขายไม่ดีแต่ก็พออยู่ได้เพราะไม่มีหนี้สินอะไรอีก อยากกินอะไรก็ได้กิน อยากเที่ยวที่ไหนเมื่อไหร่ ก็สามารถปิดร้านตัวเองไปเที่ยวได้ทันที

สุดท้ายนี้ อยากบอกว่า ที่เล่ามาทั้งหมด ไม่ได้สนับสนุนให้กินมาม่าทุกมื้อเพื่อเก็บเงิน เพราะมันไม่ดีต่อสุขภาพ แต่สำหรับใครที่ไม่ไหวจริงๆ ก็คงต้องทำ เพราะถ้าไม่ทำก็"ตายวันนี้". ยอมกินมาม่าวันนี้ เพื่อรอดวันนี้แล้วค่อยไปตายในวันหน้าน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า ตั้งเป้าหมายให้ตัวเอง แล้วไปให้ถึง อย่าให้คำว่า"ทำไม่ได้"มันมาหยุดความตั้งใจของคุณ เป็นกำลังใจให้คนที่ตกงาน และคนที่กำลังคิดว่าตัวเองเงินเดือนกำลังจะไม่พอใช้ทุกคนครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่