คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
มาต่อละค่ะ พึ่งจะว่าง
ช่วงเดือนกุมภาพันธ์หลังจากมิวแต่งงานได้ 1 เดือนโดยประมาณก็มีน้องคนนึงเขามาหางานทำ ด้วยความสงสารมิวเลยรับน้องมาทำงานเป็นแม่บ้านที่บ้านของเขา ต่อกับมิววางแผนเรียบร้อยแล้วค่ะว่าจะมีลูกด้วยกัน หาหมออะไรเรียบร้อยกันหมดแล้ว น่าจะประมาณวันที่ 2 เมษา มิวรู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ประมาณหนึ่งสัปดาห์แล้ว ต่อดีใจมาก ต่อเลยบอกให้น้องที่มิวรับเข้ามาทำงานดูแลมิวเป็นอย่างดีตอนที่ตัวเองไปทำงาน แล้วต่อก็โทรมาบอกเราด้วยนะคะ เราดีใจมากที่จะหลาน แต่ส่วนตัวเองไม่อยากมีลูกค่ะเพราะ ยังอยากเก็บตังค์ให้ได้เยอะๆก่อน ลูกจะได้ไม่ลำบาก ต่อชวนเราและแม่ของเราไปเที่ยวหามิวที่บ้านของต่อเอง แม่เราติดธุระจึงไม่สามารถไปได้ เราเลยชวนสามีไปแทนค่ะ เพราะขี้เกียจขับรถเอง+มันไกลด้วย สามีเลยได้โอกาสพักร้อนไปในตัว จึงพาครอบครัวเขาไปด้วยและก็พาเจ้าตัวแสบ2ตัวนั้นไปด้วยเพราะจะได้ไม่เหงา เราตัดสินใจไปกันในตอนสงกรานต์เพราะจะได้ไปเปลี่ยนบรรยากาศในการเล่นน้ำกันมั่ง พอถึงวันที่ 14 เมษาเราก็เดินทางไปกัน รถคันสามีของเราไปถึงบ้านของต่อก่อน และเราก็เลยแชร์Location ไปให้พี่สาวของสามีว่าอยู่ที่ไหน เขาจะได้ไปถูก พอถึงเราก็เห็นผู้หญิงคนนึงตัวเล็กๆ หน้าตาดูมีเสน่ห์ ผิวสีขาวออกเหลือง ผมสีออกดำน้ำตาล นั่งถูซี่บันไดอยู่ เราเลยเดินเข้าไปใกล้ๆ ผู้หญิงคนนั้นก็ตกใจมาก เขาพูดไม่ชัด เหมือนจะเป็นต่างด้าว เขาอ้ำๆอึ้งๆ บอกว่า คุณมิวไม่อยู่บ้าน อยู่แต่คุณต่อ เราเลยบอกให้ผู้หญิงคนนี้ไปเรียกต่อมา สักพักต่อก็ออกมาต้อนรับพร้อมบอกข่าวดีกับเราอีกรอบ หลังจากนั้นไม่นานมิวก็ขี่มอเตอร์ไซต์เข้ามา มิวยิ้มแย้มแจ่มใสตอนที่เจอเราแล้วเชิญเราเข้าไปคุยในบ้าน และช่วยขนของขึ้นไปเก็บให้ เราแอบถามมิวว่า ผู้หญิงคนนั้นคือใคร มิวบอก'น้องเขาน่าสงสาร เขาอาศัยคนเดียว ชื่อ หมิง เป็นชาวเขมรแต่ย้ายมาอยู่กับพ่อเขาที่ไทยเลยพูดไม่ค่อยชัดเท่าไหร่' เสียงรถแล่นเข้ามาในบ้าน สามีรีบเดินไปดูและก็มีเสียงตะโกนขึ้นมาว่า 'แหม ได้กี่รูปล่ะ มาเที่ยวครั้งนี้ สงสัยต้องซื้อเมมเพิ่มแล้วมั้ง' นั่นคือพี่สาวของสามีกับครอบครัวเอง มิวและต่อรีบเดินไปต้อนรับอย่างเป็นมิตร แม่ของสามีเราดูจะเข้ากับต่อได้มาก เพราะทั้งสองมีอะไรที่เหมือนๆกัน เช่น เรื่องที่ชอบไปออกกำลังกาย ชอบทำอาหาร เป็นต้น เราทั้งหมดก็แยกย้ายทำอะไรเรื่อยเปื่อย บ้างก็จัดของของตัวเอง บ้างก็เดินดูรอบๆบ้าน ตกเย็นทั้งหมดก็กินข้าวด้วยกันโดยคนที่ทำอาหารนั้นคือ ต่อ แฟนของมิวนั่นเอง อาหารบนโต๊ะกลิ่นหอมมาก มีแต่อาหารที่แต่อาหารที่เด็ดๆทั้งนั้นและก็มีอาหารที่เด็กๆก็สามารถกินได้ มิวพูดขึ้นมาสร้างบรรยากาศว่า'เห็นว่าชอบกินลาบกัน ต่อเขาทำสุดฝีมือเลยนะคะ ลองกินกัน' เราไม่รอช้าเลยรีบตักชิมคนแรก กับข้าวของผู้ใหญ่ส่วนมากจะเป็นอาหารเผ็ด ต่อจึงทำอาหารให้หลานๆเราอีกชุด คือ ลาบที่ไม่ใส่พริก ต้มจืดเต้าหู้ และก็ไข่เจียวกุ้งสับ เด็กๆดูเอร็ดอร่อยกับอาหารมาก หลังจากกินเสร็จต่อและครอบครัวของสามีเราก็นั่งถามไถ่สารทุกข์สุขดิบและแบ่งปันเรื่องราวกัน ส่วนเราและมิวก็มาล้างจานในครัว เราถามมิวว่า 'มีแม่บ้านแล้ว ทำไมถึงมาล้างเองล่ะ' มิวหัวเราะพร้อมกับบอกเราว่า'เขาเหนื่อยมาทั้งวันเเล้ว แล้วอีกอย่างมันก็มีนิดเดียวเอง' อยู่ๆหมิงก็แทรกเข้ามาพร้อมพูดว่า 'ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวหนูล้างเอง ไหนๆวันนี้คุณมิว พี่สาวก็มาหาไปอยู่กับพวกเขาเถิดค่ะ' เราสองคนเลยไปนั่งคุยรวมๆกับพวกครอบครัว สักพักหลานเราเริ่มง่วง พี่สาวของสามีเราเลยขอตัวไปนอนพร้อมลูกของเขา พ่อแม่ของสามีเราก็ขึ้นไปอาบน้ำแล้วก็จะไปพักผ่อนกันเพราะเดินทางมาเหนื่อยมาก ส่วนข้างล่างที่เหลือก็จะเหลือ เรา สามีเรา พี่เขยของสามี มิว ต่อ และก็หมิงอยู่ข้างล่าง สักแป๊ปสามีเราก็ขอตัวขึ้นไปนอนเพราะเขาขับรถมาไกลจึงเพลีย ต่อกับมิวนั่งดูละครด้วยกันอยู่ตรงห้องรับแขกและหัวเราะกันคิกคัก ส่วนเราก็นั่งอยู่ข้างๆเขาทั้งสอง หมิงก็ทำความสะอาดโต๊ะ เก็บกวาดต่างๆที่มันเลอะ พี่เขยของสามีเราก็นั่งทำงานอยู่ตรงโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆกับทางเข้าของประตูบ้าน พอละครจบ พวกเราทั้งหมดก็แยกย้ายกันไปนอน เราขึ้นห้องเป็นคนสุดท้าย ระหว่างทางเดินเราก็แวะเข้าไปหามิวสักพักก่อนกลับเข้าห้องตัวเอง หลังจากที่เราออกมาจากห้องของมิวและต่อแล้ว เราก็เห็นหมิงเดินอยู่ตรงชั้นล่าง เราก็ไม่สงสัยอะไร เราเดินไปกลับไปที่ห้องของตัวเอง เห็นสามีเรานอนหลับปุ๋ยเลย สงสัยจะเหนื่อยเรานอนดูเฟสสักพักก่อนที่จะเผลอหลับไป สะดุ้งตื่นอีกทีตอนใกล้ๆจะตี 4 เราตื่นมาเพราะเราปวดฉี่ พอเดินไปเข้าห้องน้ำ เราได้ยินเสียงกุกกักๆ อยู่ข้างล่าง เหมือนจะมีคนทำอะไร เราคิดว่าเป็นขโมยเราเลยค่อยๆย่องไปเข้าห้องน้ำและพยายามกดชักโครกให้เบาที่สุดและรีบวิ่งกลับเข้าห้อง ด้วยความที่เราดูข่าวแล้วเรากลัว เราเลยพยายามปลุกสามีให้ลุกขึ้นมา สามีเราสะลึมสะลือ พูดไม่รู้เรื่อง อีกสักพักเขาก็นอนต่อ เราก็ด้วยความกลัวเลยใส่หูฟังฟังเพลง แล้วข่มตาหลับ และแล้วมันก็ได้ผล เราหลับยาวถึงเช้า เราสะดุ้งตื่นมาเพราะมิวมาเคาะประตู เราลุกไปอาบน้ำแต่งตัวและเตรียมตัวจะไปดูเขาก่อทรายกันที่วัด เรานึกขึ้นได้ถึงเรื่องเมื่อคืนเราเลยลองมองรอบๆว่าอะไรในบ้านผิดปกติไหม ปรากฎว่าไม่มี เราเลยแอบถามมิวว่า 'เมื่อคืนได้ยินเสียงอะไรไหม นึกว่าโจร' มิวส่ายหัว และก็บอกว่า 'อาจจะเป็นหมิงที่ทำความสะอาดห้องของตัวเองมั้ง เราเลยคิดว่าอย่างงั้นและไร้คำถาม พอถึงวัด หลานๆเราก็ไปนั่งดูเขาก่อกองทราย หลานเราก็ไปร่วมเล่นกับเขาด้วย สักพักเขาก็เล่นสาดน้ำเเบบพอเป็นประเพณีตอนเย็นๆเขาก็มีงานวัด พวกเราก็มาเที่ยวกัน แต่อยู่ๆต่อขอปฏิเสธไม่มา ขออยู่บ้าน มิวก็ไม่ว่าอะไร แต่ทำไมมิวไม่สงสัยบ้างเลยเหรอเพราะปกติต่อจะไปไหนมาไหนกับมิวตลอด แต่วันนี้เขาเลือกที่จะอยู่บ้าน เรางงมาก พอออกมาจะถึงงานวัด เราก็นึกขึ้นได้ว่าลืมโทรศัพท์เราเลยบอกให้ พี่เขยสามีเราให้ไปส่งที่บ้านมิวหน่อย พอถึงแล้วเราก็ลงไปคนเดียวพอเดินเข้าไปที่บ้าน เราก็เห็นบ้านมืดสนิทหมด เห็นแต่ไฟสว่างลอดผ่านจากประตูจากห้องห้องนึงของข้างล่าง พอเราเดินเข้าไป เราเกือบลื่นล้มเพราะน้ำอะไรไม่รู้มันลื่นมากเหมือนมีคนทำน้ำหกไว้ แล้วมันมืดเราเลยลุกขึ้นและคลำหาไฟเปิดที่ห้องรับแขกกลางบ้าน หลังจากไฟได้ถูกเปิด เราก็ได้เห็นสิ่งที่ไม่คาดคิดว่า มันจะเกิดขึ้น และเราเห็นกับตา..
ช่วงเดือนกุมภาพันธ์หลังจากมิวแต่งงานได้ 1 เดือนโดยประมาณก็มีน้องคนนึงเขามาหางานทำ ด้วยความสงสารมิวเลยรับน้องมาทำงานเป็นแม่บ้านที่บ้านของเขา ต่อกับมิววางแผนเรียบร้อยแล้วค่ะว่าจะมีลูกด้วยกัน หาหมออะไรเรียบร้อยกันหมดแล้ว น่าจะประมาณวันที่ 2 เมษา มิวรู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ประมาณหนึ่งสัปดาห์แล้ว ต่อดีใจมาก ต่อเลยบอกให้น้องที่มิวรับเข้ามาทำงานดูแลมิวเป็นอย่างดีตอนที่ตัวเองไปทำงาน แล้วต่อก็โทรมาบอกเราด้วยนะคะ เราดีใจมากที่จะหลาน แต่ส่วนตัวเองไม่อยากมีลูกค่ะเพราะ ยังอยากเก็บตังค์ให้ได้เยอะๆก่อน ลูกจะได้ไม่ลำบาก ต่อชวนเราและแม่ของเราไปเที่ยวหามิวที่บ้านของต่อเอง แม่เราติดธุระจึงไม่สามารถไปได้ เราเลยชวนสามีไปแทนค่ะ เพราะขี้เกียจขับรถเอง+มันไกลด้วย สามีเลยได้โอกาสพักร้อนไปในตัว จึงพาครอบครัวเขาไปด้วยและก็พาเจ้าตัวแสบ2ตัวนั้นไปด้วยเพราะจะได้ไม่เหงา เราตัดสินใจไปกันในตอนสงกรานต์เพราะจะได้ไปเปลี่ยนบรรยากาศในการเล่นน้ำกันมั่ง พอถึงวันที่ 14 เมษาเราก็เดินทางไปกัน รถคันสามีของเราไปถึงบ้านของต่อก่อน และเราก็เลยแชร์Location ไปให้พี่สาวของสามีว่าอยู่ที่ไหน เขาจะได้ไปถูก พอถึงเราก็เห็นผู้หญิงคนนึงตัวเล็กๆ หน้าตาดูมีเสน่ห์ ผิวสีขาวออกเหลือง ผมสีออกดำน้ำตาล นั่งถูซี่บันไดอยู่ เราเลยเดินเข้าไปใกล้ๆ ผู้หญิงคนนั้นก็ตกใจมาก เขาพูดไม่ชัด เหมือนจะเป็นต่างด้าว เขาอ้ำๆอึ้งๆ บอกว่า คุณมิวไม่อยู่บ้าน อยู่แต่คุณต่อ เราเลยบอกให้ผู้หญิงคนนี้ไปเรียกต่อมา สักพักต่อก็ออกมาต้อนรับพร้อมบอกข่าวดีกับเราอีกรอบ หลังจากนั้นไม่นานมิวก็ขี่มอเตอร์ไซต์เข้ามา มิวยิ้มแย้มแจ่มใสตอนที่เจอเราแล้วเชิญเราเข้าไปคุยในบ้าน และช่วยขนของขึ้นไปเก็บให้ เราแอบถามมิวว่า ผู้หญิงคนนั้นคือใคร มิวบอก'น้องเขาน่าสงสาร เขาอาศัยคนเดียว ชื่อ หมิง เป็นชาวเขมรแต่ย้ายมาอยู่กับพ่อเขาที่ไทยเลยพูดไม่ค่อยชัดเท่าไหร่' เสียงรถแล่นเข้ามาในบ้าน สามีรีบเดินไปดูและก็มีเสียงตะโกนขึ้นมาว่า 'แหม ได้กี่รูปล่ะ มาเที่ยวครั้งนี้ สงสัยต้องซื้อเมมเพิ่มแล้วมั้ง' นั่นคือพี่สาวของสามีกับครอบครัวเอง มิวและต่อรีบเดินไปต้อนรับอย่างเป็นมิตร แม่ของสามีเราดูจะเข้ากับต่อได้มาก เพราะทั้งสองมีอะไรที่เหมือนๆกัน เช่น เรื่องที่ชอบไปออกกำลังกาย ชอบทำอาหาร เป็นต้น เราทั้งหมดก็แยกย้ายทำอะไรเรื่อยเปื่อย บ้างก็จัดของของตัวเอง บ้างก็เดินดูรอบๆบ้าน ตกเย็นทั้งหมดก็กินข้าวด้วยกันโดยคนที่ทำอาหารนั้นคือ ต่อ แฟนของมิวนั่นเอง อาหารบนโต๊ะกลิ่นหอมมาก มีแต่อาหารที่แต่อาหารที่เด็ดๆทั้งนั้นและก็มีอาหารที่เด็กๆก็สามารถกินได้ มิวพูดขึ้นมาสร้างบรรยากาศว่า'เห็นว่าชอบกินลาบกัน ต่อเขาทำสุดฝีมือเลยนะคะ ลองกินกัน' เราไม่รอช้าเลยรีบตักชิมคนแรก กับข้าวของผู้ใหญ่ส่วนมากจะเป็นอาหารเผ็ด ต่อจึงทำอาหารให้หลานๆเราอีกชุด คือ ลาบที่ไม่ใส่พริก ต้มจืดเต้าหู้ และก็ไข่เจียวกุ้งสับ เด็กๆดูเอร็ดอร่อยกับอาหารมาก หลังจากกินเสร็จต่อและครอบครัวของสามีเราก็นั่งถามไถ่สารทุกข์สุขดิบและแบ่งปันเรื่องราวกัน ส่วนเราและมิวก็มาล้างจานในครัว เราถามมิวว่า 'มีแม่บ้านแล้ว ทำไมถึงมาล้างเองล่ะ' มิวหัวเราะพร้อมกับบอกเราว่า'เขาเหนื่อยมาทั้งวันเเล้ว แล้วอีกอย่างมันก็มีนิดเดียวเอง' อยู่ๆหมิงก็แทรกเข้ามาพร้อมพูดว่า 'ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวหนูล้างเอง ไหนๆวันนี้คุณมิว พี่สาวก็มาหาไปอยู่กับพวกเขาเถิดค่ะ' เราสองคนเลยไปนั่งคุยรวมๆกับพวกครอบครัว สักพักหลานเราเริ่มง่วง พี่สาวของสามีเราเลยขอตัวไปนอนพร้อมลูกของเขา พ่อแม่ของสามีเราก็ขึ้นไปอาบน้ำแล้วก็จะไปพักผ่อนกันเพราะเดินทางมาเหนื่อยมาก ส่วนข้างล่างที่เหลือก็จะเหลือ เรา สามีเรา พี่เขยของสามี มิว ต่อ และก็หมิงอยู่ข้างล่าง สักแป๊ปสามีเราก็ขอตัวขึ้นไปนอนเพราะเขาขับรถมาไกลจึงเพลีย ต่อกับมิวนั่งดูละครด้วยกันอยู่ตรงห้องรับแขกและหัวเราะกันคิกคัก ส่วนเราก็นั่งอยู่ข้างๆเขาทั้งสอง หมิงก็ทำความสะอาดโต๊ะ เก็บกวาดต่างๆที่มันเลอะ พี่เขยของสามีเราก็นั่งทำงานอยู่ตรงโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆกับทางเข้าของประตูบ้าน พอละครจบ พวกเราทั้งหมดก็แยกย้ายกันไปนอน เราขึ้นห้องเป็นคนสุดท้าย ระหว่างทางเดินเราก็แวะเข้าไปหามิวสักพักก่อนกลับเข้าห้องตัวเอง หลังจากที่เราออกมาจากห้องของมิวและต่อแล้ว เราก็เห็นหมิงเดินอยู่ตรงชั้นล่าง เราก็ไม่สงสัยอะไร เราเดินไปกลับไปที่ห้องของตัวเอง เห็นสามีเรานอนหลับปุ๋ยเลย สงสัยจะเหนื่อยเรานอนดูเฟสสักพักก่อนที่จะเผลอหลับไป สะดุ้งตื่นอีกทีตอนใกล้ๆจะตี 4 เราตื่นมาเพราะเราปวดฉี่ พอเดินไปเข้าห้องน้ำ เราได้ยินเสียงกุกกักๆ อยู่ข้างล่าง เหมือนจะมีคนทำอะไร เราคิดว่าเป็นขโมยเราเลยค่อยๆย่องไปเข้าห้องน้ำและพยายามกดชักโครกให้เบาที่สุดและรีบวิ่งกลับเข้าห้อง ด้วยความที่เราดูข่าวแล้วเรากลัว เราเลยพยายามปลุกสามีให้ลุกขึ้นมา สามีเราสะลึมสะลือ พูดไม่รู้เรื่อง อีกสักพักเขาก็นอนต่อ เราก็ด้วยความกลัวเลยใส่หูฟังฟังเพลง แล้วข่มตาหลับ และแล้วมันก็ได้ผล เราหลับยาวถึงเช้า เราสะดุ้งตื่นมาเพราะมิวมาเคาะประตู เราลุกไปอาบน้ำแต่งตัวและเตรียมตัวจะไปดูเขาก่อทรายกันที่วัด เรานึกขึ้นได้ถึงเรื่องเมื่อคืนเราเลยลองมองรอบๆว่าอะไรในบ้านผิดปกติไหม ปรากฎว่าไม่มี เราเลยแอบถามมิวว่า 'เมื่อคืนได้ยินเสียงอะไรไหม นึกว่าโจร' มิวส่ายหัว และก็บอกว่า 'อาจจะเป็นหมิงที่ทำความสะอาดห้องของตัวเองมั้ง เราเลยคิดว่าอย่างงั้นและไร้คำถาม พอถึงวัด หลานๆเราก็ไปนั่งดูเขาก่อกองทราย หลานเราก็ไปร่วมเล่นกับเขาด้วย สักพักเขาก็เล่นสาดน้ำเเบบพอเป็นประเพณีตอนเย็นๆเขาก็มีงานวัด พวกเราก็มาเที่ยวกัน แต่อยู่ๆต่อขอปฏิเสธไม่มา ขออยู่บ้าน มิวก็ไม่ว่าอะไร แต่ทำไมมิวไม่สงสัยบ้างเลยเหรอเพราะปกติต่อจะไปไหนมาไหนกับมิวตลอด แต่วันนี้เขาเลือกที่จะอยู่บ้าน เรางงมาก พอออกมาจะถึงงานวัด เราก็นึกขึ้นได้ว่าลืมโทรศัพท์เราเลยบอกให้ พี่เขยสามีเราให้ไปส่งที่บ้านมิวหน่อย พอถึงแล้วเราก็ลงไปคนเดียวพอเดินเข้าไปที่บ้าน เราก็เห็นบ้านมืดสนิทหมด เห็นแต่ไฟสว่างลอดผ่านจากประตูจากห้องห้องนึงของข้างล่าง พอเราเดินเข้าไป เราเกือบลื่นล้มเพราะน้ำอะไรไม่รู้มันลื่นมากเหมือนมีคนทำน้ำหกไว้ แล้วมันมืดเราเลยลุกขึ้นและคลำหาไฟเปิดที่ห้องรับแขกกลางบ้าน หลังจากไฟได้ถูกเปิด เราก็ได้เห็นสิ่งที่ไม่คาดคิดว่า มันจะเกิดขึ้น และเราเห็นกับตา..
แสดงความคิดเห็น
เมื่อบ้านไม่ใช่บ้าน
ช่วงสายสามีอยากไปทำบุญเลยชวนเราไปด้วย เราไม่อยากให้มิวอยู่คนเดียวเลยชวนมิวไปด้วยอีกคนแล้วก็หลานเราอีก 2 คน(หลานเป็นลูกของพี่สาวของสามี) พอถึงวัดก็ไปไหว้พระ ถ่ายรูปอะไรต่างๆ จนสักพักก็มีหลวงพี่คนนึงเขามองมิวแปลกๆ แบบไม่ใช่เหมือนพวกโรคจิตนะคะ แต่มันอธิบายไม่ถูก พอไหว้พระถ่ายรูปอะไรนู่นนี่เสร็จ เราก็ไปนั่งกินข้าวกันที่ร้านอาหารนึงที่อยู่ใกล้ๆกับวัด เพราะบรรยากาศดีมากและอีกอย่างก็อยากให้มิวผ่อนคลายจากความเครียดด้วย พอถึงหลานๆเราก็ไม่รีรออะไรแล้วจ้องแต่จะไปเล่นสระน้ำของร้านอาหารนั้นอย่างเดียว ไม่คิดที่จะสั่งอะไรกินกันเลย สามีเราเลยอาสาที่จะไปคุมเด็กๆเอง เรากับมิวเลยนั่งอยู่ที่ร้านและสั่งอาหารกินกัน สักพักมิวก็พูดขึ้นมาว่า 'พี่ มิวไม่อยากกลับไปแล้ว' เราก็แปลกใจว่าทำไมน้องเราถึงพูดแบบนั้น มิวกลั้นน้ำตาไม่อยู่ร้องไห้แบบเหมือนกลั้นมานาน คนในร้านหันมามองมิว เราเลยปลอบว่า'ใจเย็นๆ มีอะไรค่อยๆเล่า' มิวหันไปมองคนในร้านก่อนที่จะปาดน้ำตาและบอกเราว่า 'ถ้าถึงบ้านสัญญาจะเล่าให้ฟัง' พอสามีและเด็กๆมาเราก็พากันกินของอร่อยๆกันแล้วก็กลับบ้านของสามีเรา พอถึงบ้านเราก็ขึ้นไปจัดห้องให้มิวนอน มิวเข้ามากอดและร้องไห้อีกรอบ ไหล่เสื้อของเราเปียกด้วยน้ำตาของน้องเรา เรารับรู้ได้เลยว่ามันต้องหนักจริงๆกับน้องของเรา และแล้วมิวได้พูดขึ้นมาคำนึงบอกว่า 'ต่อมีเมียน้อย' เราถึงกับงงเลย เพราะว่า ต่อรักมิวมากจะเป็นไปได้ยังไง เพราะเขาทั้งสองคบกันตั้งแต่มัธยมปลาย มิวบอกว่าต่อนั้นไล่มิวออกจากบ้าน เรารีบกดโทรศัพท์โทรหาต่อ แต่เราโทรไม่ติด เราไม่สามารถทนกับสภาพมิวแบบนี้ได้จริงๆ จึงขอสามีว่า คืนนี้เราจะมานอนเป็นเพื่อนมิว พอถึงตอนกลางคืนมิวไปอาบน้ำ ส่วนเราก็นอนเล่นโทรศัพท์อยู่ในห้อง เราก็ได้ยินเสียงหลานจากห้องข้างๆเล่นกันสนุกสนานกับพ่อแม่ของเขา เรานอนยิ้มไปเล่นโทรศัพท์ไป ด้วยความขี้เกียจเลยแชทไปหาพี่สาวของสามีว่าเล่นอะไรกันอยู่ดูสนุกเชียว สักพักเขาก็ตอบกลับมาว่า ห้ะ เล่นอะไร พี่กับสามีพาลูกๆมาดูนิทรรศการข้างนอก เรางงมากเลยคิดว่าพี่สาวของสามีอำเล่น เลยลุกขึ้นแล้วเดินไปดูที่ห้องพี่ของสามี ปรากฏว่าเปิดประตูเข้าไป ไม่เจออะไร ห้องมืดสนิท มีแค่แอร์ที่เปิดทิ้งไว้ในห้อง ขนเราลุกขึ้นมาทันที รีบวิ่งไปหาสามีในห้อง สามีบอกน่าจะหูฟาดหรือว่าเสียงก็อาจจะมาจากทีวีห้องแม่ก็ได้ แต่เราคิดว่าหูเราไม่ฝาดนะคะ เราได้ยินจริงๆมันเป็นเสียงเด็กเล่นกัน เราพยายามตั้งสติและคิดบวกเข้าไว้ว่า คงจะหูฝาดจริงๆ เราก็นั่งคุยกับสามีให้ใจเราสงบสักพัก แล้วค่อยกลับไปหามิวที่ห้อง พอเดินกลับห้องตัวเองก็รู้สึกเหมือนมีใครหัวเราะ เรารีบเดินเร็วขึ้น ตรงดิ่งไปที่ห้องของเรากับมิวแบบไม่หันหลังมอง พอถึงห้องก็เห็นมิวกำลังนอนดูละครอยู่บนเตียง เราเลยกระโดดขึ้นเตียงไปหามิวและพยายามตั้งใจจดจ่อกับละครเรื่องนั้น ดูไปซักพักมิวก็ขอหลับก่อนเพราะง่วงมาก เราก็เลย เออ น้องคงไม่ได้หลับเต็มอิ่มหลายวัน ให้พักผ่อนเราเลยปิดทีวีปิดไฟ เปิดแต่ไฟตรงข้างเตียงให้พอมีแสงแค่นั้น เราหยิบโทรศัพท์เพื่อมาเช็คSocial ต่างๆและก็มานั่งเล่นเกมในโทรศัพท์ เวลาผ่านไปเร็วมากสักพักก็ตี 1 กว่าเราก็เริ่มรู้สึกง่วงเลยหลับไป หลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ก็สะดุ้งตื่นขึ้นเพราะได้ยินเสียงคนเมาโวกแวกโวยวายตรงข้ามบ้าน เราลุกขึ้นไปเปิดดูผ้าม่านแล้วก็ดูไปที่ลุงคนนึงซึ่งกำลังเมาและถือขวดเหล้าเต้นไปเต้นมาพร้อมตะโกนอะไรก็ไม่รู้ อยู่ๆน้องเราก็สะอื้นเราเลยปิดม่านและไปนั่งตรงเตียงพยายามที่จะปลุกมิว เขย่าๆยังไงก็ไม่ตื่น เราเลยปล่อยไว้อย่างงั้นสักพักก็หยุดสะอื้นไป พอตื่นมาอีกทีก็ไม่รู้ว่ากี่โมงแล้ว แต่แสงมันแยงตามากจนทำให้เราตื่น หันไปมองข้างๆ ก็ไม่เห็นมิวแล้วสงสัยคงอาบน้ำแต่งตัวลงไปกินข้าวแล้ว เรานอนอืดอยู่บนเตียงสักพักหลานของเราก็วิ่งเข้ามาหาเราในห้องโดยที่สามีเราเป็นคนพามา หลานชวนเราไปกินข้าวข้างนอกเพราะไหนๆก็เป็นวันเกิดของหลาน เราลุกไปอาบน้ำแต่งตัวและลงไปข้างล่าง เห็นมิวนั่งดูทีวีอยู่ตรงห้องโถงใหญ่ เราก็เลยเข้าไปชวนมิวไปกินด้วยกัน แต่ตอนแรกมิวปฏิเสธ หลานๆจึงไปอ้อนมิวให้ไปด้วยกันจนมิวนั้นใจอ่อนและยอมไปด้วย เราแบ่งรถไปกัน 2 คัน คันแรกเป็นเรา สามี แม่สามี(ย่าของหลานๆ) และก็มิว ส่วนอีกคันก็เป็นรถของครอบครัวพี่สาวของสามีเราในรถนั้นก็จะมี พี่ของสามี แฟนของพี่ของสามี หลานเราและก็พ่อของสามี(ปู่ของหลานๆ) เราขับไปที่ห้างและไปนั่งกินบุฟเฟ่ต์กัน อยู่ๆพ่อของสามีเราก็พามิวไปคุยกันข้างนอกกันสองคนอย่างลับๆเหมือนมีความลับอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่มีใครสนใจและสังเกต พอพวกเขาทั้งสองกลับมา มิวก็ดูสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เราก็อยากจะถามแต่ก็กลัว เราเลยพูดอ้อมๆแซวๆไปว่า 'เอ๋ สองคนนี้ไปทำอะไรกันมา มีความลับอะไรแน่ๆ' แต่ดูสีหน้าจากทั้งสองที่กลบเกลื่อนได้แนบเนียนก็ปฏิเสธลูกเดียวเลย และก็อธิบายว่า 'ไม่มีอะไรหรอก แค่จะถามเรื่องอะไรนิดหน่อย' หลังจากเรากินเสร็จแม่และพ่อของหลานๆเราก็ขอตัวไปเดินShopping และฝากให้เราดูแลหลานแทนหน่อย เรากับสามีก็รับปาก จู่ๆพ่อและแม่ของสามีเราก็ขอให้สามีเรากลับไปส่งที่บ้านก่อนเพราะเขาต้องรีบไปเปิดร้านขายของ เรากับมิวเลยต้องช่วยกันดูแลเด็กๆ หลานที่เป็นพี่ก็ชวนเราสองคนไปนู้นไปนี่ แล้วเราก็บังเอิญเจอแฟนเก่าของมิวพอดี แฟนเก่าของมิวคนนี้เขาไม่ได้ติดต่อกันมาหลายปีแล้ว พอเขาทั้งสองเจอหน้ากันก็ทักทายกันปกติ มิวพาผู้ชายคนนั้นไปที่ร้านกาแฟนึงในห้างและนั่งคุยอะไรกันไม่รู้ แต่มันน่าจะดูซีเรียส เรายืนอยู่พักหนึ่งหลานๆก็วิ่งไปไหนก็ไม่รู้ เราเลยต้องตามไป สักพักก็มิวก็โทรเข้ามาบอกว่า 'พี่กลับไปก่อนเลยนะ มิวขอออกไปทำธุระกับธีก่อนเดี๋ยวเขาจะไปส่งมิวที่บ้าน' เรายังไม่ได้พูดอะไร มิวก็วางสายไป มันคงดูรีบร้อนมาก เราก็เลยเดินห้างกับหลานไปก่อน พอพ่อแม่ของหลานShopping อะไรของเขาเสร็จเราก็ขอกลับกับพี่สาวของสามีเราและโทรบอกสามีเราว่าไม่ต้องมารับแล้ว กลับกับพี่สาวของเขากับหลานๆแล้ว สักพักต่อก็โทรมาแล้วหายใจเหมือนคนกำลังจะตาย เราตกใจมาก พยายามโทรหามิว แต่มิวปิดเครื่อง เราเลยส่งไลน์ไปหามิว ผ่านไปประมาณ 2 ชั่วโมงมิวกลับมาบ้าน เรารีบบอกเรื่องที่ต่อโทรมาและเล่าเรื่องให้ทุกอย่างให้มิวฟัง ทุกคนในบ้านต่างก็สงสัยในเรื่องนี้แต่มีแต่พ่อของสามีเราเท่านั้นที่ดูเหมือนไม่มีท่าทีจะตื่นเต้นเลย ทุกคนมานั่งลงบริเวณห้องโถงยกเว้นหลานๆและถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับมิว สีหน้าของมิวเริ่มเปลี่ยนไปทำให้ดูเศร้าและเครียด ก่อนที่จะเริ่มเล่าเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นและทำให้จุดเปลี่ยนของเธอและต่อต้องเปลี่ยนไป