สวัสดีครับ วันนี้จะมา "แบ่งปันประสบการณ์" ครับ เพราะผมมีโอกาสได้ไปเที่ยวหลีเป๊ะกับแฟน
ซึ่งโดยปกติไม่ค่อยได้ออกต่างจังหวัดมากเท่าไหร่นัก เพราะติดเรื่องการทำงาน เรื่องเวลา และเรื่องอื่นๆอีกมากมายนั่นเอง
จนกระทั่งปีที่ผ่านมาร่างกายผมเริ่มแย่ลงครับ เพราะเดิมทีเป็นคนทำงานหน้าคอมพิวเตอร์วันละหลายชั่วโมงมากครับ ออฟฟิคซินโดรมก็เลยถามหา
ทีนี้พอเราสนิทกับโรคนี้มากเข้า มันก็เลยมีปัญหาตามมามากมาย (จริงๆ ยิ่งสนิท ยิ่งต้องน่าจะเกรงใจนะ)
ก็เลยคิดว่าเริ่มอยากจะไปไหนมาไหนกับคนที่เรารักเพิ่มมากขึ้นบ้าง เพราะถ้าอายุมากกว่านี้ร่างกายอาจจะไม่ไหวแล้วก็ได้ครับ
ทริปแรกของผมกับแฟนก็เลยเป็นที่นี่ครับ "หลีเป๊ะ"
เดิมทีตั้งใจจะเขียนกระทู้นี้นานแล้ว แต่ก็เขียนๆ ลบๆ เพราะไม่ค่อยมั่นใจภาษาของตัวเองเท่าไหร่ แต่สุดท้ายคิดว่าเขียนดีกว่า
เพราะเวลาผมอยากไปเที่ยวไหน ผมกับแฟนมักจะหารีวิวอ่าน เพื่อเรียนรู้วิธีการเดินทางแล้วเอาไปใช้ ก็เลยหวังว่ากระทู้นี้จะมีประโยชน์กับคนอื่นบ้างครับ
****ขออนุญาติเอาภาพมาจากวิดีโอที่ผมตัดต่อไว้เป็นไดอารี่ของผมกับแฟนนะครับ****
เอ้า เริ่ม!!!!
การเดินทางของผมงวดนี้ ผมเลือกวันไปวันที่ 16 - 19 ธันวาคม 2019 ครับ เพราะอยากไปก่อนช่วงหยุดปีใหม่ครับ เดี๋ยวคนจะเยอะ แก่แล้วเบียดคนเยอะไม่ค่อยไหวครับ หายใจไม่ทัน
ผมเลือกบินกับสายการบิน Thai smile ครับ ซึ่งจองตั๋วตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน 2019 ครับ ได้ในราคารวมทั้งสิ้นแล้ว ตกคนละ 2,695 บาทครับ เพื่อบินไปลงที่หาดใหญ่ เป็นการจองผ่าน Traveloka ครับ ซึ่งวิธีจองก็ไม่ยากครับ เพราะคนจองครั้งแรกแบบผมยังจองได้เลยครับ
****ขอขอบคุณแอร์ โฮสเตสบนเครื่องด้วยนะครับดูแลดีมากๆ เลยครับ****
ลืมบอกว่าเวลาไปเที่ยวแต่ละครั้งนั้น ควรซื้อประกันการเดินทางด้วยนะครับ
ซึ่งผมเลือกบินช่วงเช้าครับ บินเวลา 7.00 ไปถึงก็ 08.25 ครับ เพราะใช้เวลาบินทั้งหมด 1 ชั่วโมง 25 นาที
ที่เลือกบินช่วงเช้าเพราะผมอยากไปเกาะตะรุเตา และเกาะไข่ด้วยครับ ถ้าไปสายอาจจะไม่มีเวลาแวะ 2 จุดนี้นะครับ
พอไปถึงผมก็โทรหารถตู้ครับ โดยผมจองผ่าน Easy LIPE ซึ่งทั้งทริปผมจองกับที่นี่หมดเลยครับ เพื่อความสะดวก โดยจองกันตั้งแต่ 27 ตุลาคม 2019 ครับ ราคาทั้งหมดรวมแล้วตกคนละ 2,700 บาทครับ
โดยในราคานี้จะมีรายละเอียดดังนี้ครับ
- รถตู้หาดใหญ่ - ท่าเรือปากปารา (ทั้งไปและกลับ)
- สปีดโป๊ทเกาะตะรุเตา เกาะไข่ เกาะหลีเป๊ะ (รวมสปีดโบ๊ทขากลับด้วยนะครับ)
- เรือพาไปดำน้ำแบบ private Trip ครับ (ถ้าเป็น join trip จะตกคนละ 800 บาทครับ แต่ private trip ตกลำละ 2,000 บาท ซึ่งเพิ่มส่วนต่างอีก 400 บาทแต่น่าจะสะดวกกว่าครับ)
- แล้วก็ประกันอุบัติเหตุที่ซื้อเพิ่มเข้าไปอีกครับ
หลังจากนั่งรถตู้ประมาณ 2 ชั่วโมง เราก็จะถึงท่าเรือปากปาราครับ ซึ่งที่นี่เราจะได้สติ้กเกอร์ เพื่อติดตัวไว้ เจ้าหน้าที่จะได้รู้ว่าเราเป็นนักท่องเที่ยวที่จะข้ามไปเกาะหลีเป๊ะครับ แล้วก็จะได้ตั๋วจากทาง Easy LIPE ด้วย(ทั้งขาไปและขากลับ) เพื่อนำไปแลกเป็นบัตรคิวลงเรือครับ แนะนำให้ไปเช็คอินที่ท่าเรือเร็วหน่อยนะครับ จะได้เลือกที่นั่งได้ครับ
****ขอขอบคุณพี่ๆ ทีม EASY LIPE ด้วยนะครับ****
การเดินทางไปหลีเป๊ะจะมีค่าธรรมเนียมผ่านท่าเรืออยู่ที่ 20 บาทต่อคน และค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานอีก 40 บาทต่อคน (บัตรเข้าอุทยานต้องพกไปดำน้ำด้วยนะครับ เพราะต้องยื่นให้เจ้าหน้าที่ดูครับตรงที่เราแวะไปกินข้าวกลางวัน ผมลืมเอาไปด้วยก็เลยต้องซื้อบัตรเข้าอุทยานใหม่ครับ)
****ขอขอบคุณทางเจ้าหน้าที่ด้วยนะครับ****
หลังจากจ่ายเงินเรียบร้อยก็นั่งเรือไปอีกประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าครับ
****ขอขอบคุณและขออนุญาติทุกท่านในภาพด้วยนะครับ****
แต่ระหว่างนั้นเราจะได้แวะตามจุดเหล่านี้ครับ
- เกาะตะรุเตา
อันนี้เป็นที่แรกเลยครับที่จะได้แวะ ที่นี่สวยเเหมือนกันครับ เป็นเหมือนจุดให้แวะชิมลางก่อนจะเจอสนามจริงน่ะครับ โดยจะมีเจ้าพ่อตะรุเตาให้เราได้แวะไปกราบไหว้ท่านก่อนครับ
ปล.ระวังลิงด้วยนะครับ อย่าเผลอวางกระเป๋าไว้ เดี๋ยวน้องจะหยิบไปเล่นได้
- เกาะไข่
ผมบอกเลยนะครับถ้ามาหลีเป๊ะแล้วไม่ได้แวะเกาะไข่ คือ พลาดครับ ที่นี่น้ำใส ทรายนิ่มขาว ทะเลสวย คือแบบดีมากๆ ครับ
อ่อ ที่นี่มีซุ้มประตูรักนิรันดร์ให้ถ่ายรูปด้วยนะครับ ซึ่งโชคดีมากตอนที่ผมไปคนอื่นสนใจแต่น้ำใสครับ ผมกับแฟนนี่รีบดิ่งไปที่ประตูก่อนเลยครับ
รู้สึกโชคดีที่หารีวิวมาอ่านก่อนไปเลยครับ
ถ่ายรูปออกมาเหมือนจองที่ไว้ก่อน
แต่จะบอกว่าที่เด็ดกว่า คือ เมื่อเราเดินผ่านซุ้มประตูรักนิรันดร์นี่ไปครับ พูดได้คำเดียวเลยครับ โอ้โห!!!!
หลังจากฟินกับเกาะไข่แล้ว ก็ขึ้นเรือไปต่อที่เกาะหลีเป๊ะครับ ซึ่งพอไปถึงจะมีเจ้าหน้าที่ของทางรีสอร์ทที่เราจองไว้มาคอยรอรับครับ
ที่พักที่ผมจองไว้ คือ Serendipity Beach Resort ครับ โดยจะต้องนั่งเรือเล็กต่อไปอีกประมาณ 10 กว่านาทีครับ แต่วิวข้างทางนี่ทำให้เวลาไม่มีผลเลยครับ น้ำใสมาก อากาศดีมากเช่นกันครับ
พอมาถึงที่พักเราจะเจอพนักงานที่บันไดครับ รอต้อนรับเราอย่างน่ารักเลยล่ะ
Serendipity Beach Resort เป็นที่พักตรงหาดซันไรซ์ครับ จะมีพระอาทิตย์ขึ้นที่นี่ ถ้าตื่นไหว อยากให้มาดูนะครับ เพราะสวยมาก
ผมจองที่นี่ไว้ตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน 2019 ครับ ห้องที่จองเป็น Pool Villa ราคารวมตกแล้วคืนละ 9,483 บาทครับ
อ่อ ร้านอาหารของที่นี่ก็อร่อยนะครับ เห็นเขาบอกกันว่าเป็นจุดที่ห้ามพลาดในการมากินเหมือนกันครับ
ปล.แนะนำนิดหนึ่งนะครับ ห้องพักที่นี่ค่อนข้างต้องขึ้นบันไดเยอะและทางค่อนข้างชันครับ ส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะเหมาะเท่าไหร่กับคนสูงอายุที่ไม่ค่อยแข็งแรงนะครับ
อันนี้เป็นบรรยากาศพระอาทิตย์ขึ้นที่หน้าหาดซันไรซ์นะครับ เวลาที่มาถ่าย คือ ตื่นตี 5 แต่พระอาทิตย์ขึ้นประมาณ 6.15 ครับ
ผมแลกวิดีโอ Timelapse พระอาทิตย์ขึ้นคลิปนี้ ด้วยเลือดครับ
ตอนตั้งถ่ายอยู่ดันลื่นล้ม โชคดีนะครับที่เป็นแผลไม่เยอะเท่าไหร่
โดนแฟนบ่นเลยครับ แหะๆ
ที่ Serendipity Beach Resort จะมีบริการเรือคายัคให้พายเล่น มีสน็อกเกิ้ลให้ไว้ไปดำดูปลาที่หน้าหาด ทั้งหมดฟรีครับ
ซึ่งหาดของที่นี่ ทรายจะนิ่มกว่าหาดอื่น และเงียบสงบ โดยรวมค่อนข้างส่วนตัวครับ
ต่อมาที่วันไปดำน้ำครับ ผมกับแฟนโชคไม่ค่อยดีเท่าไหร่นักเพราะวันนั้นฝนตกครับ คลื่นแรงด้วยเลยทำให้อดดูปะการังเจ็ดสีเลยครับ พอดีคลื่นมันแรงมากจนคนเรือขอไม่ให้ลงครับ เสียดายมาก
และนี่ก็เป็นการดำน้ำครั้งแรกของผมด้วยครับ
นอกจากดำน้ำแล้วยังได้แวะไปที่เกาะรอกลอย และเกาะหินงามด้วย
ปิดท้ายกันที่ถนนคนเดินครับ ช่วงที่ผมมาคนไม่ค่อยเยอะครับ อาหารอร่อยครับ แวะมากินที่นี่ทุกวันเลยครับ
คิดว่าน่าจะจบกระทู้แบ่งปันประสบการณ์แต่เพียงเท่านี้ครับ เพราะเนื้อที่เขียนไม่พอแล้ว ใครมีโอกาสอยากให้ลองไปที่หลีเป๊ะนะครับ รีบไปก่อนที่ธรรมชาติจะลดน้อยลงกว่านี้ และที่สำคัญคือรีบไปก่อนที่ร่างกายของเราจะไม่ไหวครับ
ใครอยากชมแบบวิดีโอก็ดูได้ที่ลิงค์นี้นะครับ มี 2 ตอนครับ
สุดท้ายนี้ขอฝากเพจของผมที่ชื่อ เปิดสมอง
https://www.facebook.com/perdsamong/
กับชาแนลยูทูปที่ชื่อ V LIKE เอาไว้ด้วยนะครับ
https://www.youtube.com/channel/UC1HCHJ9g3VG15q_l07LfHzg
กล้องที่ใช้ถ่ายภาพนิ่ง Note 8 / Note 9
กล้องที่ใช้ถ่ายวิดีโอ GoPro 8 / Gopro MAX
แล้วไว้งวดหน้าจะมาแบ่งปันประสบการณ์เพิ่มอีกนะครับ ขอบคุณครับ
[CR] ไปเที่ยว Lipe ช่วงธันวาคม 2019 มาครับ เลยอยากเอาบรรยากาศดีดีมาฝากครับ
ซึ่งโดยปกติไม่ค่อยได้ออกต่างจังหวัดมากเท่าไหร่นัก เพราะติดเรื่องการทำงาน เรื่องเวลา และเรื่องอื่นๆอีกมากมายนั่นเอง
จนกระทั่งปีที่ผ่านมาร่างกายผมเริ่มแย่ลงครับ เพราะเดิมทีเป็นคนทำงานหน้าคอมพิวเตอร์วันละหลายชั่วโมงมากครับ ออฟฟิคซินโดรมก็เลยถามหา
ทีนี้พอเราสนิทกับโรคนี้มากเข้า มันก็เลยมีปัญหาตามมามากมาย (จริงๆ ยิ่งสนิท ยิ่งต้องน่าจะเกรงใจนะ)
ก็เลยคิดว่าเริ่มอยากจะไปไหนมาไหนกับคนที่เรารักเพิ่มมากขึ้นบ้าง เพราะถ้าอายุมากกว่านี้ร่างกายอาจจะไม่ไหวแล้วก็ได้ครับ
ทริปแรกของผมกับแฟนก็เลยเป็นที่นี่ครับ "หลีเป๊ะ"
เดิมทีตั้งใจจะเขียนกระทู้นี้นานแล้ว แต่ก็เขียนๆ ลบๆ เพราะไม่ค่อยมั่นใจภาษาของตัวเองเท่าไหร่ แต่สุดท้ายคิดว่าเขียนดีกว่า
เพราะเวลาผมอยากไปเที่ยวไหน ผมกับแฟนมักจะหารีวิวอ่าน เพื่อเรียนรู้วิธีการเดินทางแล้วเอาไปใช้ ก็เลยหวังว่ากระทู้นี้จะมีประโยชน์กับคนอื่นบ้างครับ
****ขออนุญาติเอาภาพมาจากวิดีโอที่ผมตัดต่อไว้เป็นไดอารี่ของผมกับแฟนนะครับ****
เอ้า เริ่ม!!!!
การเดินทางของผมงวดนี้ ผมเลือกวันไปวันที่ 16 - 19 ธันวาคม 2019 ครับ เพราะอยากไปก่อนช่วงหยุดปีใหม่ครับ เดี๋ยวคนจะเยอะ แก่แล้วเบียดคนเยอะไม่ค่อยไหวครับ หายใจไม่ทัน
ผมเลือกบินกับสายการบิน Thai smile ครับ ซึ่งจองตั๋วตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน 2019 ครับ ได้ในราคารวมทั้งสิ้นแล้ว ตกคนละ 2,695 บาทครับ เพื่อบินไปลงที่หาดใหญ่ เป็นการจองผ่าน Traveloka ครับ ซึ่งวิธีจองก็ไม่ยากครับ เพราะคนจองครั้งแรกแบบผมยังจองได้เลยครับ
****ขอขอบคุณแอร์ โฮสเตสบนเครื่องด้วยนะครับดูแลดีมากๆ เลยครับ****
ลืมบอกว่าเวลาไปเที่ยวแต่ละครั้งนั้น ควรซื้อประกันการเดินทางด้วยนะครับ
ซึ่งผมเลือกบินช่วงเช้าครับ บินเวลา 7.00 ไปถึงก็ 08.25 ครับ เพราะใช้เวลาบินทั้งหมด 1 ชั่วโมง 25 นาที
ที่เลือกบินช่วงเช้าเพราะผมอยากไปเกาะตะรุเตา และเกาะไข่ด้วยครับ ถ้าไปสายอาจจะไม่มีเวลาแวะ 2 จุดนี้นะครับ
พอไปถึงผมก็โทรหารถตู้ครับ โดยผมจองผ่าน Easy LIPE ซึ่งทั้งทริปผมจองกับที่นี่หมดเลยครับ เพื่อความสะดวก โดยจองกันตั้งแต่ 27 ตุลาคม 2019 ครับ ราคาทั้งหมดรวมแล้วตกคนละ 2,700 บาทครับ
โดยในราคานี้จะมีรายละเอียดดังนี้ครับ
- รถตู้หาดใหญ่ - ท่าเรือปากปารา (ทั้งไปและกลับ)
- สปีดโป๊ทเกาะตะรุเตา เกาะไข่ เกาะหลีเป๊ะ (รวมสปีดโบ๊ทขากลับด้วยนะครับ)
- เรือพาไปดำน้ำแบบ private Trip ครับ (ถ้าเป็น join trip จะตกคนละ 800 บาทครับ แต่ private trip ตกลำละ 2,000 บาท ซึ่งเพิ่มส่วนต่างอีก 400 บาทแต่น่าจะสะดวกกว่าครับ)
- แล้วก็ประกันอุบัติเหตุที่ซื้อเพิ่มเข้าไปอีกครับ
หลังจากนั่งรถตู้ประมาณ 2 ชั่วโมง เราก็จะถึงท่าเรือปากปาราครับ ซึ่งที่นี่เราจะได้สติ้กเกอร์ เพื่อติดตัวไว้ เจ้าหน้าที่จะได้รู้ว่าเราเป็นนักท่องเที่ยวที่จะข้ามไปเกาะหลีเป๊ะครับ แล้วก็จะได้ตั๋วจากทาง Easy LIPE ด้วย(ทั้งขาไปและขากลับ) เพื่อนำไปแลกเป็นบัตรคิวลงเรือครับ แนะนำให้ไปเช็คอินที่ท่าเรือเร็วหน่อยนะครับ จะได้เลือกที่นั่งได้ครับ
****ขอขอบคุณพี่ๆ ทีม EASY LIPE ด้วยนะครับ****
การเดินทางไปหลีเป๊ะจะมีค่าธรรมเนียมผ่านท่าเรืออยู่ที่ 20 บาทต่อคน และค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานอีก 40 บาทต่อคน (บัตรเข้าอุทยานต้องพกไปดำน้ำด้วยนะครับ เพราะต้องยื่นให้เจ้าหน้าที่ดูครับตรงที่เราแวะไปกินข้าวกลางวัน ผมลืมเอาไปด้วยก็เลยต้องซื้อบัตรเข้าอุทยานใหม่ครับ)
****ขอขอบคุณทางเจ้าหน้าที่ด้วยนะครับ****
หลังจากจ่ายเงินเรียบร้อยก็นั่งเรือไปอีกประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าครับ
****ขอขอบคุณและขออนุญาติทุกท่านในภาพด้วยนะครับ****
แต่ระหว่างนั้นเราจะได้แวะตามจุดเหล่านี้ครับ
- เกาะตะรุเตา
อันนี้เป็นที่แรกเลยครับที่จะได้แวะ ที่นี่สวยเเหมือนกันครับ เป็นเหมือนจุดให้แวะชิมลางก่อนจะเจอสนามจริงน่ะครับ โดยจะมีเจ้าพ่อตะรุเตาให้เราได้แวะไปกราบไหว้ท่านก่อนครับ
ปล.ระวังลิงด้วยนะครับ อย่าเผลอวางกระเป๋าไว้ เดี๋ยวน้องจะหยิบไปเล่นได้
- เกาะไข่
ผมบอกเลยนะครับถ้ามาหลีเป๊ะแล้วไม่ได้แวะเกาะไข่ คือ พลาดครับ ที่นี่น้ำใส ทรายนิ่มขาว ทะเลสวย คือแบบดีมากๆ ครับ
อ่อ ที่นี่มีซุ้มประตูรักนิรันดร์ให้ถ่ายรูปด้วยนะครับ ซึ่งโชคดีมากตอนที่ผมไปคนอื่นสนใจแต่น้ำใสครับ ผมกับแฟนนี่รีบดิ่งไปที่ประตูก่อนเลยครับ
รู้สึกโชคดีที่หารีวิวมาอ่านก่อนไปเลยครับ
แต่จะบอกว่าที่เด็ดกว่า คือ เมื่อเราเดินผ่านซุ้มประตูรักนิรันดร์นี่ไปครับ พูดได้คำเดียวเลยครับ โอ้โห!!!!
หลังจากฟินกับเกาะไข่แล้ว ก็ขึ้นเรือไปต่อที่เกาะหลีเป๊ะครับ ซึ่งพอไปถึงจะมีเจ้าหน้าที่ของทางรีสอร์ทที่เราจองไว้มาคอยรอรับครับ
ที่พักที่ผมจองไว้ คือ Serendipity Beach Resort ครับ โดยจะต้องนั่งเรือเล็กต่อไปอีกประมาณ 10 กว่านาทีครับ แต่วิวข้างทางนี่ทำให้เวลาไม่มีผลเลยครับ น้ำใสมาก อากาศดีมากเช่นกันครับ
พอมาถึงที่พักเราจะเจอพนักงานที่บันไดครับ รอต้อนรับเราอย่างน่ารักเลยล่ะ
Serendipity Beach Resort เป็นที่พักตรงหาดซันไรซ์ครับ จะมีพระอาทิตย์ขึ้นที่นี่ ถ้าตื่นไหว อยากให้มาดูนะครับ เพราะสวยมาก
ผมจองที่นี่ไว้ตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน 2019 ครับ ห้องที่จองเป็น Pool Villa ราคารวมตกแล้วคืนละ 9,483 บาทครับ
อ่อ ร้านอาหารของที่นี่ก็อร่อยนะครับ เห็นเขาบอกกันว่าเป็นจุดที่ห้ามพลาดในการมากินเหมือนกันครับ
ปล.แนะนำนิดหนึ่งนะครับ ห้องพักที่นี่ค่อนข้างต้องขึ้นบันไดเยอะและทางค่อนข้างชันครับ ส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะเหมาะเท่าไหร่กับคนสูงอายุที่ไม่ค่อยแข็งแรงนะครับ
อันนี้เป็นบรรยากาศพระอาทิตย์ขึ้นที่หน้าหาดซันไรซ์นะครับ เวลาที่มาถ่าย คือ ตื่นตี 5 แต่พระอาทิตย์ขึ้นประมาณ 6.15 ครับ
ผมแลกวิดีโอ Timelapse พระอาทิตย์ขึ้นคลิปนี้ ด้วยเลือดครับ
ที่ Serendipity Beach Resort จะมีบริการเรือคายัคให้พายเล่น มีสน็อกเกิ้ลให้ไว้ไปดำดูปลาที่หน้าหาด ทั้งหมดฟรีครับ
ซึ่งหาดของที่นี่ ทรายจะนิ่มกว่าหาดอื่น และเงียบสงบ โดยรวมค่อนข้างส่วนตัวครับ
ต่อมาที่วันไปดำน้ำครับ ผมกับแฟนโชคไม่ค่อยดีเท่าไหร่นักเพราะวันนั้นฝนตกครับ คลื่นแรงด้วยเลยทำให้อดดูปะการังเจ็ดสีเลยครับ พอดีคลื่นมันแรงมากจนคนเรือขอไม่ให้ลงครับ เสียดายมาก
นอกจากดำน้ำแล้วยังได้แวะไปที่เกาะรอกลอย และเกาะหินงามด้วย
ปิดท้ายกันที่ถนนคนเดินครับ ช่วงที่ผมมาคนไม่ค่อยเยอะครับ อาหารอร่อยครับ แวะมากินที่นี่ทุกวันเลยครับ
คิดว่าน่าจะจบกระทู้แบ่งปันประสบการณ์แต่เพียงเท่านี้ครับ เพราะเนื้อที่เขียนไม่พอแล้ว ใครมีโอกาสอยากให้ลองไปที่หลีเป๊ะนะครับ รีบไปก่อนที่ธรรมชาติจะลดน้อยลงกว่านี้ และที่สำคัญคือรีบไปก่อนที่ร่างกายของเราจะไม่ไหวครับ
ใครอยากชมแบบวิดีโอก็ดูได้ที่ลิงค์นี้นะครับ มี 2 ตอนครับ
สุดท้ายนี้ขอฝากเพจของผมที่ชื่อ เปิดสมอง
https://www.facebook.com/perdsamong/
กับชาแนลยูทูปที่ชื่อ V LIKE เอาไว้ด้วยนะครับ
https://www.youtube.com/channel/UC1HCHJ9g3VG15q_l07LfHzg
กล้องที่ใช้ถ่ายภาพนิ่ง Note 8 / Note 9
กล้องที่ใช้ถ่ายวิดีโอ GoPro 8 / Gopro MAX
แล้วไว้งวดหน้าจะมาแบ่งปันประสบการณ์เพิ่มอีกนะครับ ขอบคุณครับ