รีวิว ไทบ้าน x BNK48 จากใจผู้สาวคนนี้ **Version พยายามไม่สปอยด์


รีวิวโดย สราญรมณ์ สตูดิโอ

ผมกล้าพูดได้เต็มๆปากว่า "ชอบ" หนังเรื่อง ไทบ้าน x BNK48 จากใจผู้สาวคนนี้เอามากๆ ทั้งที่แผลหนังเยอะมาก
ก่อนอื่นต้องออกปากเลยว่าผมเป็นโอตะของ BNK48 เลย แต่ไม่เคยมีโอกาสสนับสนุนเพราะเป็นโอตะบ้านๆ ทำให้ภาวะจำยอมไปดูหนังหลักๆเพราะ BNK48 ล้วนๆ แต่นั้นก็เพียงส่วนหนึ่ง หลังจากดูหนังเสร็จแล้วเราก็จะว่ากันตามเนื้อผ้าของหนัง

ผมเคยได้ดูหนังทุกเรื่องของจักรวาลไทบ้านแม้จะเป็นการดูแบบย้อนหลังก็ตาม ผมชอบในความดิบดินของหนัง หรือ ธรรมชาติของหนังที่ปรุงแต่งเฉพาะส่วนแก่นหนังแต่คนนำพาหนังหรือนักแสดงคือความ Real สุดที่เป็นเสน่ห์ของไทบ้าน ต้องบอกว่าแก่นเรื่องของไทบ้านทุกเรื่องที่ผ่านมานั้นแข็งแรงพอดี แต่หนังจะพาเรื่องอื่นๆมาปะปนในแก่นหลัก บางทีก็โดดไปโน้นที นี่ที นั้นที แต่ไม่ทำให้หนังไทบ้านน่าดูน้อยลงสักเรื่อง และการดำเนินเรื่องแบบเนิบช้า ค่อยๆไปตามบริบทของมัน ก็ดูจะเข้ากับความเป็นอีสานได้เป็นอย่างดี เสน่ห์นี้หาได้น้อยมากจากหนังยุคหาตังค์ และคงเป็นเพราะความ Real นี่แหละน่าจะเป็นชนวนสำคัญของการมาเจอกันกับ BNK48

ส่วน BNK48 นั้นแทบจะไม่ต้องเอ่ยมากสำหรับโอตะทั้งหลาย คนที่ตามก็จะเข้าใจความเป็น BNK48 แบบไม่ต้องสาธยายอะไรให้มากความ ส่วนตัวไม่รู้สึกตะงิดอะไรเลยตอนดูหนังเรื่องนี้ เพราะความเป็นโอตะในตัวสูงส่ง น้องๆ BNK48 นั้นเองก้มีบางอย่างที่ตรงสเปกไทบ้านนั้คือความ Real เช่นกัน เพราะทุกคนแทบไม่ต้องแสดงเลย แค่เอาตัวไปใส่บทก็เล่นได้เลย เพราะเล่นเป็นตัวเอง ไม่ต้องแบกบทอะไรมาก เรื่องเลยเต็มไปด้วย BNK48 คนดีคนเดิมที่เรารู้จัก แต่สำหรับคนที่ไม่ใช่โอตะล่ะ???

มาเรื่องหนังบ้าง ไล่ทีละประเด็น

เหตุที่อยากดู : ผมชอบดูหนังไทย นั้นคือสิ่งที่ผมอยากไปดู เสริมมาด้วย ผมตาม BNK48 ผมเลยต้องการไปดู อีกทั้งผมโอชิหลายๆคนใน BNK48 ที่แสดงหนังเรื่องนี้ ยิ่งเร้าให้ผมไปดู โดยเฉพาะ น้องเนย และที่สุดของที่สุดคือ ผมคามิโอชิ "น้ำหนึ่ง" มิลิน ดอกเทียน คุณหมีแง่มๆที่น่ารัก ต่อให้บทแค่ยืนเป็นฉากประกอบหนัง ผมก็ดู ออกเสี้ยวเดียวผมก็ดู และสุดท้ายคือความเป็นไทบ้าน โดยเฉพาะหมอปลาวาฬ (ติดมาตั้งแต่ภาคแรก) สรุป ผมไปดูเพราะผู้หญิงครับ 

ความชอบ : ถ้าชอบมากสุดคงเป็น "เนย" ผมว่าเนยเก่งเลยล่ะเรื่องนี้ มองกันในแง่ตัวละคร เนยจะแบกบทมากที่สุด รองลงมาคือครูแก้ว (BNKนะจ๊ะ) แม้ช่วงแรกบทจะไม่ค่อยนำพาสักเท่าไหร่ นิ่งไปเยอะ ครุแก้วจะมีบทซะมากกว่า แต่พอซีนสำคัญ แก่นเรื่อง เนยแบกอยู่ทุกบท ไม่รู้สึกด้วยซ้ำว่าไม่ใช่เนย เพราะผมก็ตามดูเนยในทุกไลฟ์เช่นกัน ต้องยกย่องเรื่องการแบ่งบทหนังด้วย จำเป็นนะผมว่าที่จะต้องมีคนเดินเรื่องหลัก รอง แตกต่างกันไป ซึ่งเป็นประเด็นที่ 2 ที่ผมชอบคือ การแบ่งบทหนัง ที่ไม่เพียงแต่หนัง แบ่งไปยันเพลง วิเคราะห์กันไปว่า เนย เป็นนางเอกหนังเรื่องนี้ ครูแก้ว เป็นนางรอง ส่วนคนอื่นๆเป็นนางรองและรองในตัวบท แต่กลับชูคมิโอชิผม "น้ำหนึ่ง" มาเป็น Center เพลง "โดดดิด่ง" เพื่อให้น้ำหนึ่งมีบทเด่นฉีกออกจากหนัง อีกทั้งมี "โมบาย" ที่มาร้องเพลงธีมหลักของหนัง เฉลี่ยกันโอเค แต่แค่โอเคนะ "ไข่มุก"กับ"โมบาย" ก็พอมีเส้นของบักมืดมาบ้าง "เป้" ก้ได้ซีนฮาหย่อมๆกับตอนขี่มอไซด์ (ไม่สปอยนะมีในตัวอย่าง) แต่ผมสงสาร "ตาหวาน" กับ "น้ำใส" หย่อมความกดอากาศเบาบางเกินไป แต่ "น้ำใส" ออร่าความสวยออกมาเยอะนะ 

ชอบอีก ชอบที่ความเป็นไทบ้าน โดยเวลาดูหนังต้องแยกความเป็นไทบ้านออกจาก BNK48 ชั่วคราว ตัวละครยังคงเล่นเป็นไทบ้าน ไม่ว่าจะยังไงก็เป็นไทบ้าน อาจจะขัดตามนิดหน่อยของจ่าลอด เพราะรู้สึกว่าเอาบทใส่ปากจ่าลอดไปจั๊กหน่อย ดูแล้วบ่แม่นจ่าลอดแบบไทบ้านแท้ๆ ถ้าเล่นดีก็น่าจะบักมืด เพราะท่าจะเขินจริงทุกฉาก แต่คนที่มาแค่เสี้ยวเดียวของหนังแต่ปังสุดๆ คือ หมอปลาวาฬ (ฟิฟิล์ม) มันทำให้หนังนี่ว้าวขึ้นมาอีกระดับ ด้วยความเชื่อส่วนตัวที่ว่า หมอปลาวาฬ เป็น Idol ในจักรวาลไทบ้านไปแล้ว ส่วนครูแก้ว (ไทบ้าน) เป็นตาฮักหลาย แต่ก็ยังเป็นครูแก้วคนเดิม เราอาจจะเห็นครูแก้วบ่อยกว่าหมอปลาวาฬเลยชินซะมากกว่า ส่วนก้อง ห้วยไร่ เอ่อ....ไปดูในคอมเม้นท์ด้านล่างจร้า

ยังชอบอยู่ ชอบเพลง และคาดหวังมากกับเพลง แม้ "โดดดิด่ง" ส่งมาแล้ว และพุ่งทะยานไปแล้ว ผมอยากฟังเพลง "จากใจผู้สาวคนนี้" โดยโมบายเอามากๆ ต้องบอกว่า "เพราะ" แต่เพราะในแบบที่เราคุ้มหูกับเพลงแนวนี้ เหมือนจะฟังมาบ่อยๆมากในแนวๆของนักร้องอีสาน โดยเฉพาะก้อง ห้วยไร่ ทำนองคุ้นเคย สำเนียงคุ้นเคย และเนื้อร้องบางท่อนก็คุ้นเคย

และที่ชอบอีก.....ข้ามไปล่ะกัน

ส่วนที่ไม่ชอบ....ไม่มี มีแต่คำว่า "น่าเสียดาย" 

น่าเสียดาย 1 ความคิดเห็นส่วนตัวมากๆ ผมว่า ทีมไทบ้านไม่เหมาะกับการกำกับแนวนี้ ผมชอบที่มีพัฒนาการเรื่องการถ่ายทำ มุมดี อุปกรณ์ดี การสื่อสารดี แต่ดูยังไงๆก้ไม่ใช่ เพราะเส้นเรื่องไปเน้น BNK48 ในเสี้ยวความคิด ผมไม่มองว่าเป็นหนัง BNK48 ด้วยซ้ำ เป็นหนังของ "จ๊อบซัง" พระเอกที่แท้ทรูคือ ท่านจ๊อบ น้องๆBNK48 แค่หมากของท่านเท่านั้น หนังไม่เน้นตัวละครเป็นพิเศษ ถ้าใครไม่รู้จัก BNK48 รับรองปลิว งง หนังจะขายได้ก็เพราะมีแฟนคลับที่ตามไทบ้านส่วนหนึ่ง และตาม BNK48 ส่วนหนึ่ง ใครไม่ตามทั้งสอง รับรอง "งง" ฉิบ แต่ถ้าคิดว่ารายได้พอแล้ว ก็คงพอจริงๆ เพราะแค่สองกลุ่มนี้แห่ไปดูก็น่าจะฟันไปพอควร แต่คิดว่า รอบเดียวพอ รอบสองไม่ต้องคิด หนังไทบ้านมันมีเสน่ห์ของมันอยู่แล้ว การเติมแต่งอะไรลงไปนั้นไม่ใช่เรื่องที่ผิดหรอก แต่พอวางผิดที่ก้ไม่สวย ผมมองว่า ความ Real ของสองจักรวาลนี้ แม้มันจะ Real แต่มันคนละ Real ความ Real ของไทบ้าน คือ ความ Real ในการแสดงของนักแสดง และวิธีการนำเสนอของหนัง หนังไม่ต้องมีอะไรซับซ้อน ไม่ต้องมีมุมกล้องระดับรางวัล ไม่ต้องหาโลเคชั่นเอาใจคนดู กล้องที่สั่นได้ วิ่งได้ ล้มไปกับตัวละครได้ มันเลยทำให้ไทบ้านเป็นไทบ้าน ส่วน Real ของ BNK48 คือ Reality ชีวิตจริง มันยัดลงไปในเรื่องเดียวกันแล้วผมเกิดความเสียดาย เพราะมันยังออกมาขัด แต่เข้าใจว่ามันคือโจทย์หนัง มันคือโอกาสของคนทำหนัง ความกล้า คือ ความเสี่ยง ผมชอบคนที่กล้า ผมเลยบอกว่าผมชอบหนังเรื่องนี้ แต่เราก็ว่ากันตามจริงว่ามันยังไม่ลงตัวของบทหนังซะทีเดียว ไม่ได้แย่นะ เป็นบทที่เข้าใจได้ ไม่ต้องคิดมากตามสไตล์ไทบ้าน แต่พอหนังไทบ้านมีบทหนังแบบที่ต้องยึดไปทางนี้แนวนี้ คนทำหนังก็เหนื่อยนะ มันฉีกแข้งฉีกขา
น่าเสียดาย 2 ขอเจาะจงไปที่เจ๊ก้อง ผมน่าจะเข้าใจได้ว่าทำไมบทบาทนี้ต้องเป็นเพศที่ 3 แต่มาดูดีๆนะ ทั้งสองจักรวาลมีความ Real แบบของเค้าอยู่ แต่เจ๊ก้อง ห้วยไร่ คือ ตัวละครที่เป็นบทหนังแท้ ไม่มีความ Real เลย ถ้าพูดง่ายๆ คือ เจ๊ก้อง คือคนที่ไม่เข้าพวก ผมไม่อินกับบทเจ๊ก้อง ไม่อินเอาซะเลย หากถ้าจะเอาบทเพศที่ 3 ทำไมไม่หาเพศที่ 3 ที่เค้าเผยตัวตนจริง ผมว่ามีนักแสดงมากมายที่เป็นคนอีสานและเป็นคนทำเพลงที่เป็นเพศที่ 3 ถึงแม้ใส่บทหนังลงไป ก็จะไม่เกิดความขัดตาในบทเลย ก้อง ห้วยไร่ แสดงไม่ใช่ไม่ดีนะ จะว่าไปก็นิดนึง การพูดการจาแบบเพศที่ 3 แบบแจ๋นๆหน่อย มันไม่เข้าปากของคุณก้องเลย
น่าเสียดาย 3 เสียดายสุดท้ายล่ะ (เมื่อยมือ) ผมว่าหลายๆคนคงเหมือนกันกับผม ผมฟังเพลง "โดดดิด่ง" มาแล้ว แล้วฟังวันละร้อยรอบ ผมอยากได้ยินเพลงนี้ในหนัง แต่หนังพอเอาเพลงมาแตะๆ แล้วแตะจริงๆ สุดท้ายปล่อยเพลงนี้ผ่าน ผ่านไปเลย ไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ยังซ้อมกันไม่ได้เท่าไหร่ จู่ๆจบห้วนๆ แล้วเพลงที่อุตส่าห์ปล่อยมาจะ 10 ล้านวิวล่ะ ไหนจะ MV ที่มีความคาดหวังในนั้น มันออกมาสักหน่อยก็ยังดี อย่างน้อยให้ "น้ำหนึ่ง" มีบทบาทมั้ง แล้วมันก็หายเข้ากลับเมฆไปซะงั้น แล้วจู่ๆก็มาอัดเพลง "จากใจผู้สาวคนนี้" คือ เพลงนี้เพราะ แต่มันลอยไป เส้นเรื่อง เพลง ไม่ไปด้วยกัน หรือ มันนัยยะแหละ ไม่มากก็น้อย แต่ผมว่ามันน้อย หนังแค่จะสื่อว่า เพลงนี้เจ๊ก้องตั้งใจแต่งเพื่อเป็นโปรเจคพิเศษ มันควรจะได้ออกมาสู่คนฟัง เพราะสนับสนุนประโยคที่ว่า "อย่าให้เสียงของคนอื่นมากลบเสียงในใจของเรา" แต่เนื้อเพลง คือ เพลงขอบคุณ มันคือเพลงที่มีเนื้อร้องของ BNK48 แต่ใส่ทำนองและภาษาอีสานแค่นั้นเอง และสุดท้ายแล้ว หนังไม่ได้ให้ฟังเพลงเต็มนะ อย่าไปคาดหวังในหนัง รอดู MV เอาเหอะทุกท่าน ท่าจะปล่อยเร็วๆนี้แหละ เดี๋ยวกระแสตกก่อน ผมชอบเพลงทั้งสองเพลงนะ แต่ทำไมไม่มีในหนัง หนังเพลงเค้าทำดีออกจะเยอะไป จะพูดทำไมว่า "หนังส่งเสริมเพลง เพลงส่งเสริมหนัง" เพลงดังหนังจะพุ่ง ตอนนี้เพลงนำหน้าไปไกลโขแล้ว ส่วนนิดนึง เพลงจากใจผู้สาวคนนี้ เพลงนี้เพราะ เพราะในแบบก้อง ห้วยไร่ เคยๆร้องมา และมันเพราะ เพราะมีน้องโมบายร้องนี่แหละ
แถมๆความเสียดาย ถ้าจะใส่ลงมาในหนัง ก็ควรจะมีความแข็งแรง หรือ เหตุผลดีๆที่ใส่มา ผมงงกับจู่ๆมีเหตุการณ์มาขั้นระหว่างโปรเจค ทั้งๆไม่ใช่เหตุการณ์สืบเนื่อง ลอยมาจากไหน (ไม่สปอย ไปดูจะรู้เอง) แล้วย้อนแย้งใน Timeline ด้วย คนตาม BNK48 ดูตู้ปลาจะรู้ดี 

แถมๆอีก ไม่ใช่น่าเสียดายนะ แค่ งง งง 2 เรื่อง ถ้าจะขึ้นนำหนังต้นเรื่องแบบนี้ เดาตอนจบออกแล้วจร้า แล้วจะพาเครียดไปทั้งเรื่องนะ อีกเรื่อง จักรวาลไทบ้านนี่ก็จริงๆเลย "สัปเหร่อ" รอจ่อคิวเข้า นี่ยังจะ "หมอ...." อุ๊ป ไม่สปอยล่ะ แต่ต้องตามดูอีก เห้ออออออ

สรุป ผมชอบ แบบไม่มีคะแนน คนที่ตั้งใจไปดู ควรไปดู อย่าเอาความคิดไปดู ถ้าชอบ BNK48 ไปดูน้องๆที่เราชอบ คุณจะตกบ่อโคลนจมโคลนตาย ถ้าชอบไทบ้าน ดูแค่จ่าลอด บักมืด ครูแก้ว และหมอปลาวาฬ ก็ฟินแล้ว....ว่าแต่ว่า บังเซียงไปอยู่ไซนหน้อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่