JJNY : เสรีพิศุทธ์ลุยสอบที่ดินปารีณา/ชี้จับตาบรรทัดฐาน คดีส.ส.เสียบบัตรแทน/อุตฯ อาหารไทย ส่อแววช้ำต่อ บริโภคในปท.ไม่ฟื้น

‘เสรีพิศุทธ์’ลุยสอบที่ดิน‘ปารีณา’ยันประชุมกมธ.ไม่ทำลายภาพลักษณ์สภาฯ
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_1908973
 

 
‘เสรีพิศุทธ์’เดินหน้าตรวจสอบที่ดิน ‘เอ๋-ปารีณา’ยันการประชุมกมธ. ไม่ทำลายภาพลักษณ์สภาฯ
 
เวลา 08.25 น. วันที่ 22 มกราคม ที่รัฐสภา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานกรรมาธิการ (กมธ.) การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม กมธ. ถึงกรณีปัญหาความวุ่นวายในการประชุม กมธ. ว่า ในวันนี้จะมีการสอบว่าที่ดินของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ และกมธ. ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เพราะเกรงว่าเจ้าหน้าที่จะปฏิบัติหน้าที่มิชอบ
 
วันนี้ทางกมธ. ได้เชิญเลขาธิการ ส.ป.ก. เข้ามาชี้แจง ตนยืนยันว่า ไม่เคยทะเลาะกับใคร และไม่คิดว่าจะทำให้ภาพลักษณ์ของสภาผู้แทนราษฎรเสียหาย เพราะเป็นเรื่องของส.ส. แค่ 1-2 เท่านั้นเอง ทุกคนไม่ได้เป็นอย่างนี้” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าว
 

 
นักวิชาการ ชี้จับตา 'บรรทัดฐาน' ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยคดี ส.ส.เสียบบัตรแทน
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_1906398
 
นักวิชาการ ชี้จับตา ‘บรรทัดฐาน’ ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยคดี ส.ส.เสียบบัตรแทน
 
เมื่อวันที่ 21 มกราคม นายบรรณ แก้วฉ่ำ นักวิชาการด้านกฎหมายการกระจายอำนาจให้องค์กรปกครองท้องถิ่น โพสต์แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วน ตัวกรณีการเสียบบัตรลงมติแทนในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะอ้างเหตุผลอภินิหารทางกฎหมาย ลบล้างแนววินิจฉัยเดิมของตนอย่างไร เรื่องนี้เกี่ยวกับความเชื่อมั่นต่อประเทศ สุดท้ายก็จะต้องยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพราะเพียงแค่ตั้งสอบของประธานสภาผู้แทนราษฎรผลจะสรุปออกมาอย่างไรก็ไม่เป็นที่ยุติ เนื่องจากที่ผ่านมามีการยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยเป็นบรรทัดฐานไว้แล้ว
 
ครั้งนี้ จึงน่าติดตามว่า รัฐบาลจะสะดุดขาตนเอง หรือตายน้ำตื้นหรือไม่ ที่สำคัญคือที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย “ผูกพันตนเอง” ไว้แล้ว
 
กรณีนายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส.พัทลุง ไม่ใช่เรื่องรับสารภาพ แต่เป็นจำนนด้วยหลักฐาน ปรากฏหลักฐานชัดแจ้งว่ามีการเสียบบัตรลงมติในขณะที่นายฉลองไม่ได้อยู่ในห้องประชุม โดยพฤติกรรมซึ่งมีคนอื่นเสียบบัตรลงมติแทน แค่บัตรคาอยู่ตามข้ออ้างฟังไม่ขึ้น เพราะมีการโหวตเป็นคะแนนให้ฝ่ายรัฐบาลด้วย ทั้งผู้กระทำแทนดังกล่าว ก็ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคนอื่นนอกจาก ส.ส.ด้วยกัน และแน่นอนว่าจะต้องเป็น ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ยิ่งนายฉลองปฏิเสธว่า ไม่ใช่ผู้ใช้ให้กระทำ หรือรู้เห็นเป็นใจ กรรมก็ยิ่งตกหนักแก่ ส.ส.ผู้ที่เสียบบัตรแสดงตนแทน ที่จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
 
นอกจากนั้นอาการที่สอดบัตรแสดงตนและลงมติเป็นคะแนนโดยเท็จว่าเป็นความเห็นของนายฉลองที่ลงมติดังกล่าว ที่มีผลต่อมติรวมของสภาผู้แทนราษฎร ยังมีผลต่อการใช้จ่ายเงินงบประมาณของประเทศนี้ ผมเห็นว่า ยังมีลักษณะเป็นการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะของประเทศ ตามความในมาตรา 14 (2) ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2560
 
อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นความผิดของผู้กระทำ แต่ผลต่อร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ที่จะต้องนำไปสู่การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
 
เหตุผลสำคัญของศาลรัฐธรรมนูญที่เป็นบรรทัดฐานผูกพันศาลเอง ในกรณีนายนริศร ทองธิราช เสียบบัตรลงมติแทน ส.ส.อื่น ในการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.เกี่ยวกับการเงิน สมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ โดยศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยไว้อย่างชัดเจน
 
ศาลพิจารณาพยานหลักฐานที่ได้จากการไต่สวน ฟังข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติได้ว่า นายนริศร ทองธิราช อดีต ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย ได้ใช้บัตรแสดงตนและออกเสียงลงคะแนนแทน ส.ส.รายอื่น ในการประชุมสภา เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2556 พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. … ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 122 และ 126 ดังนั้นศาลรัฐธรรมนูญจึงมีมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 2 เห็นว่า ร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. … ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ
 
พฤติกรรมของนายนริศร ที่ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์หลายใบเสียบในช่องลงคะแนนและแสดงตน เป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการใช้สิทธิออกเสียง ที่ ส.ส. 1 คนย่อมมีสิทธิออกเสียงเพียง 1 เสียง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 126 วรรคสาม กำหนด นอกจากนั้นแล้ว พฤติกรรมนั้นยังถือเป็นการละเมิดหลักการพื้นฐานของการเป็น ส.ส. ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่โดยไม่อยู่ภายใต้อาณัติ หรือการครอบงำใด รวมถึงต้องปฏิบัติตนด้วยความชื่อสัตย์สุจริตเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของปวงชนชาวไทย
 
จึงต้องติดตามดูว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะสร้างอภินิหารทางกฎหมายที่จะช่วยรัฐบาล คสช.ไม่ให้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย 2563 ตกเป็นโมฆะ มีผลไม่ต่างจากสภาผู้แทนราษฎรมีมติไม่ผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ได้อย่างไร ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญถึงกับจะต้องกลับแนวคำวินิจฉัยของตนเองให้นักกฎหมายในประเทศนี้ตะลึงตามๆ กัน ด้วยเหตุผลเช่นไร เพราะหลังจาก คสช.เข้ามา เราได้เห็นคำวินิจฉัยทั้งขององค์กรอิสระและของศาลรัฐธรรมนูญ อันแปลกประหลาดเหลือเชื่อแล้วมากมาย ถึงขนาดที่ต้องเผาตำรากฎหมายที่มีอยู่ในสากลจักรวาลนี้ทิ้ง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่