ขอเล่าประสบการโรคคอเอียงในกระต่ายนะคะ

วันนี้ขอเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับโรคนี้นะคะ พอดีกระต่ายที่บ้านพึ่งเป็นมาหมาดๆเลยค่ะ ขอเท้าความก่อนว่าปกติเราเลี้ยงห้องในห้องเราเลยค่ะอยู่กันปกติแต่เมื่อต้นเดือนนี้ค่ะเราไม่อยู่บ้าน3คืนและฝากให้พ่อแม่ดูแล(พอดีไปทำธุระที่ต่างจังหวัดค่ะ)พอกลับมาเราก็รู้สึกแหละค่ะว่าน้องแปลกๆไปน้องไม่กิน ไม่อึไม่ฉี่ ไม่ร่าเริง แต่ตอนนั้นก็คิดในแง่ดีไว้ก่อนว่าน้องอาจจะงอนก็ได้ที่ปล่อยทิ้งให้อยู่ตัวเดียวตั้ง3คืน เราก็พยายามเข้าไปง้อเข้าไปเล่นด้วยแล้วทีนี้มาถึงจุดที่เราสังเกตุว่าน้องผิดปกติไปจิงๆคือน้องมีอาการเดินเซค่ะ ไม่มีแรงโดดแต่เราก็ยังไม่แน่ใจอาการว่าน้องเป็นอะไรถึงเดินเซ อาหารก็ไม่กินไม่อึไม่ฉี่เอาแต่นอนกก คือตอนนั้นเริ่มเคลียดเลยค่ะเชิร์ดกูเกิ้ลหาข้อมูลต่างๆนาๆบ้างก็ว่าเป็นโรคนั้นบ้างนี้บ้างถ้าถามว่าทำไมไม่รีบพาน้องไปหาหมอตั้งแต่เห็นว่าน้องเดินเซ คือตอนนั้นเวลาประมานเที่ยงคืนแล้วค่ะคิดว่าคงไม่มีที่ไหนเปิดแล้วหลังจากนั้นเราก็หลับๆตื่นๆมาดูน้องบ้าง พอเวลาประมานซักตี3นิดๆได้ยินเสียงดังมาจากปลายเตียงเลยลุกไปดูภาพที่เห็นตอนนั้นคือน้องหมุนๆๆๆๆเหมือนไก่ย่างหมุนในตู้เลยค่ะตกใจมากตอนนั้นทำอะไรไม่ถูกเลยได้แค่อุ้มน้องไว้แล้วกอดน้องอย่างนั้นอะค่ะ ตอนนั้นเข้าใจเลยว่า คำว่าใจจะขาดมันเป็นยังไง คือทุกอย่างมันอื้อไปหมดได้แต่คิดในหัวคิดแล้วคิดอีกว่าน้องเป็นอะไรๆจนซักพักน้องนิ่งไปค่ะเราร้องไห้หนักมากอ้ะแทบจะขาดใจตายอยู่ตรงนั้นเลยเราวางน้องลงบนเตียงเราถึงรู้ค่ะว่าน้องคอเอียงเพราะเราเลี้ยงน้องเค้ามาเราพอศึกษาโรคในกระต่ายมาบ้างหลังจากนั้นเราก็เชิร์ดเลยค่ะในกูเกิ้ลหา รพ สัตว์เล็กที่เปิด24 ชม จากนั้นเราก็เจอค่ะขอไม่ระบุนะคะว่าที่ไหน เราเลยโทรไปที่ รพ ค่ะกะว่าจะถามเพื่อความแน่ใจว่าเปิดจิงๆกลัวไปแล้วจะเสียเวลาเพราะระยะทางก็ไกลพอสมควรแต่หมอก็ไม่รับค่ะตอนนั้นเวลาประมานตี3กว่าๆเกือบตี4เราไม่รอช้าเลยค่ะเอาวะเป็นไงเป็นไงดีกว่ามาเสียเวลาอยู่กับที่เลยไปบอกพ่อกับแม่ขอพ่อขับรถไปส่งหน่อยตอนนั้นก็เข้าใจค่ะว่าพ่อกับแม่แกแก่แล้วก็อยากพักผ่อนพ่อกับแม่บอกว่า รพ ที่ไหนเค้าจะเปิดเวลานี้บอกให้รอพรุ่งนี้เช้าน้ำมันรถก็ไม่ได้เติม แต่ว่าเราไม่ฟังค่ะตอนนั้นเราอุ้มน้องไว้ตลอดไม่ให้ห่างดูจากสภาพแล้วน้องไม่น่าจะไหวถึงพรุ่งนี้เช้าเราเลยตัดสินใจขับรถออกไปเอาเลยค่ะมือนึงขับมือนึงก็อุ้มน้องไว้ปล่อยน้องไว้เบาะข้างๆบ้างบางครั้ง ไปถึง รพ เรานี่ใจชื้นมากๆเลยค่ะอย่างน้อยๆก็ถึงมือหมอแล้วแต่พอหมอตรวจหมอกับบอกว่าน้องมีโอกาศที่จะไม่รอดสูงตอนนั้นคือเข่าอ่อนอะค่ะ ไม่โทดอะไรเลยได้แต่โทดตัวเองซ้ำๆว่าทำไมถึงปล่อยน้องทำไมไม่อยู่กับน้องร้องไห้เหมือนคนบ้าอะค่ะ ซักพักมีเคสฉุกเฉินเข้ามาคือน้องปอมๆโดนหมาใหญ่ลุมกัดมา หมอทุกคนรีบไปช่วยน้องปอมๆปั้มหัวใจน้องฉีดยากระตุ้นหัวใจแล้วก็พยายามปั้มหัวใจน้องหมาระหว่างนั้นเราเดินไปหาน้องกระต่ายเราไปยืนมองหน้าเค้าสายตาเค้าเหมือนจะบอกกับเราว่าหนูเจ็บมากๆเลย หนูกลัว หนูทรมาน เราเดินไปลูบหัวน้องแล้วบอกกับน้องเบาๆว่าหนูต้องหายนะเราจะกลับบ้านไปด้วยกันนะพอเราพูดเสร็จเสียงที่เราได้ยินต่อจากนั้นคือน้องปอมๆไม่รอดตอนนั้นทุกอย่างในห้องเงียบสนิทเรามองหน้าเจ้าของน้องปอมๆแล้วคิดว่าเราไม่อยากเจอความรู้สึกแบบเดียวกับเค้าอ้ะไม่อยาก ไม่อยากเลย และหลังจากนั้นหมอก็กลับมารักษากระต่ายเราต่อตอนนั้นน้องมีไข้หมอเลยให้นอนตากแอร์ซักพักให้ไข้ลดพร้อมกับให้ยาน้องไปด้วย ประมาน7โมงกว่าๆหมอก็ให้กลับบ้านได้แต่บ่ายโมงให้มาฟังผลเลือด บ่ายโมงฟังผลเสือดค่าเลือดน้องปกติดีทุกอย่างหมอเลยสรุปไม่ได้ว่าสาเหตุของโรคมันเกิดมาจากอะไรเพราะที่บ้านเลี้ยงน้องแค่1ตัว จากนั้นเราก็มาตามหมอนัดทุกครั้งให้ยาตามหมอสั่งทุกอย่างและน้องก็เริ่มดีขึ้น จนทุกวันนี้ภาพในวันนั้นมันยังติดอยู่ในใจเราตลอดเลยได้แต่โทดตัวเองทุกครั้งเราคิดว่าตลอดว่าถ้าสมมุติว่าวันนั้นเราไม่ได้อยู่บ้านหล่ะแล้วพ่อกับแม่ก็หลับแล้ว แล้วไม่มีใครเห็นน้องจะเป็นยังไง ถ้าวันนึงน้องจากไปจิงๆเราจะอยู่ยังไงเราอยู่ไม่ได้จิงๆตั้งแต่วันนั้นมาแล้วแทบจะไม่อยากออกจากบ้าน ถึงวันนี้น้องจะอาการดีขึ้นมากๆแล้วแต่ก็ยังห่วงน้องอยู่ดี เราเลยอยากจะมาเตือนเพื่อนพี่ๆทุกคนในนี้ก่อนที่มันจะสายเกินไปเก็บความทรงจำกับร้องให้ได้มากที่สุด อยู่กับน้องให้มากที่สุด คุณอาจจะไม่ได้โชคดีอย่างเราก็ได้นะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่