“
เก็บมาฝาก..เขียนได้โดนใจดี
ขอบคุณเพจ ลิเวอร์พูลทั้งใจ ใครก็แทนไม่ได้
- ลิเวอร์พูลไม่ได้ชนะเพราะแมนฯยูพิการ แต่ระดับความสามารถของฟุตบอลมันคนละชั้นกันเห็นๆ -
.....เกมมันจบแล้วครับท่าน มันจบแล้วครับนาย ด้วยผลงานและศักยภาพของลิเวอร์พูล มันเหนือกว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอย่างชัดเจน
ขึ้นชื่อว่า " ทีม " มันย่อมสำคัญมากกว่าผู้เล่นเพียง 1-2 คน หากจะบอกว่าแมนฯยูไนเต็ดในเวลานี้ ทีมกำลังพิการ เพราะขาดมาร์คัส แรชฟอร์ด ศูนย์หน้าของทีมไป ทำให้แพ้ลิเวอร์พูล
ผมก็คงต้องถามกลับว่า...
" แล้วไอ้คนที่ลงไปเล่นแทน มันไม่สมประกอบตรงไหนมิทราบ "
มีหัว มีหู มีมือ มีแขน และมีขา มันก็มีเหมือนๆกันทุกคน ต่างกันแค่รูปทรงและใบหน้าเท่านั้นเอง
การที่จะบอกว่า แมนฯยูขาดตัวผู้เล่นกำลังหลักแบบนี้ แต่สู้กับลิเวอร์พูลได้ขนาดนี้ก็ถือว่าน่าชมเชยแล้ว
" ถ้าคุณคิดแบบนั้น แสดงว่าคุณยอมรับแล้ว "
ยอมรับว่า...ระหว่างลิเวอร์พูลกับแมนฯยูในปัจจุบัน มันอยู่กันคนล่ะรุ่น มันก็เหมือนการชกมวยนั่นแหละครับ ถ้าคุณบอกว่า ดีแล้วที่แพ้แค่นี้ เพราะเราน้ำหนักตัวแค่ 60 กก. แต่สามารถทำให้คนน้ำหนัก 90 กก.เหนื่อยได้กว่าจะเอาชนะเรา
" นี่จะบอกอีกไหมว่าลิเวอร์พูลตบเด็ก "
ต่อให้มีมาร์คัส แรชฟอร์ดเพิ่มมาอีก 1 คน มีใครกล้าพูดบ้างไหมว่าเกมเมื่อคืนนี้ แมนฯยูจะไม่แพ้ต่อลิเวอร์พูล
ถ้าแรชฟอร์ดคนเดียวทำให้แมนฯยูรอดพ้นจากความพ่ายแพ้ได้ ฤดูกาลนี้ปีศาจแดงคงไม่แพ้ไปแล้ว 6 เกมหรอก ( ไม่รวมเกมเมื่อคืน )
มันเหมือนคนบอกว่า มาทำงานสายเพราะรถติด แทนที่จะบอกว่าตัวเองตื่นช้านั่นแหละ
**ไม่โทษตัวเอง โทษนี่โทษนั่น
ทีมอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เห็นว่ามีเงินถุงเงินถัง แต่ทำไมไม่สามารถซื้อตัวผู้เล่นเข้ามาได้เหมือนลิเวอร์พูลและแมนฯซิตี้ล่ะ
ปัญหามันไม่ได้เพิ่งมีเพราะนักเตะเพียงคนเดียวบาดเจ็บ แต่มันมีมาตั้งแต่การเจรจา 48 ชม.ในตำนานแล้ว
แมนฯยูทำไม่ได้เหมือนลิเวอร์พูล !!
สโมสรไม่สามารถหาใครมาทดแทนคนที่ขายไปได้ ในขณะเดียวกัน กุนซือของทั้งสองทีมประสบการณ์ก็ต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ที่แพ้ลิเวอร์พูล ไม่ใช่เพราะทีมเพิ่งพิการ แต่ผลงานมันตกต่ำมาก่อนแล้วต่างหาก และมันจะยิ่งห่างขึ้นเรื่อยๆ
ฤดูกาลนี้ แมนฯยูไม่ได้เพิ่งแพ้ลิเวอร์พูลเป็นเกมแรกซะเมื่อไหร่ ก่อนหน้านี้ที่แพ้ เหตุผลเพราะทีมมันพิการอีกไหม...
ผมเชื่อว่าทุกคนก็ดูออกว่า " มันไม่ใช่ "
ทั้งๆที่ บอร์ดบริหารเอย รวมทั้งตัวกุนซืออย่างโอเล่ กุนนา โซลชาเอย ต่างก็มีเวลาเตรียมทีมในช่วงปิดฤดูกาลแล้ว
แต่มันแก้ปัญหาไม่เป็นไง ทีมมันถึงตกต่ำลง !!
ในขณะที่ลิเวอร์พูล ทุกๆปัญหาที่เคยพบเจอ ได้ถูกแก้ไขมันออกไปทีละอย่าง สองอย่างแล้ว
จากที่นักเตะเคยเจ็บบ่อยและหมดแรงง่ายเพราะต้องใช้สไตล์เกเก้น เพรสซิ่งของเจอร์เก้น คล็อปป์ วิ่งไล่บีบคู่ต่อสู้ ลิเวอร์พูลก็มีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่นักกายภาพบำบัด ไปจนถึงนักโภชนาการ
รวมไปถึงอาวุธลับประจำทีมทั้งลูกเตะมุม ลูกเซ็ตพีค ไปยันลูกทุ่ม ในจุดนี้ลิเวอร์พูลมีผู้เชี่ยวชาญหมด
และอีกหนึ่งคนที่สำคัญ ที่จะไม่พูดถึงก็คงไม่ได้ นั่นก็คือ เจอร์เก้น คล็อปป์
เพราะลิเวอร์พูลมี เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือที่วางตัวอยู่ในระดับที่เรียกว่า " คนธรรมดา "
ไม่ต้องเป็นคนพิเศษ หรือมีปรัชญาการทำทีมแค่ของตัวเองไม่รับสิ่งอื่นๆ
คล็อปป์ ปรับเปลี่ยนลิเวอร์พูลไปตามสถานการณ์ตลอดทุกซีซั่นที่เขาคุม เราจึงได้เห็นพัฒนาการของผู้เล่นภายในทีม
คล็อปป์ คอยกระตุ้นลูกทีมเวลาอยู่ข้างสนามเสมอ เขาไม่เคยทิ้งให้นักเตะต้องยืนดูแผนการเล่นเพียงคนเดียว หรือจะเข้าไปนั่งดูอย่างใจเย็นในซุ้มม้านั่งสำรองเวลาที่ทีมโดนนำ
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันไม่ใช่ข้ออ้างเพียงแค่บอลนัดเดียวที่บอกว่า " เพราะแมนฯยูพิการถึงแพ้ลิเวอร์พูล "
เพราะอย่าลืมว่า 11 นักเตะที่ลิเวอร์พูลใส่ลงไปเล่นในเกมแดงเดือดเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมานั้น เอาจริงๆคือ โจ โกเมซกับแชมเบอร์สเลน ก็ไม่ใช่ตัวหลักของลิเวอร์พูลนะ เขามาแทนในช่วงที่ มาติปและฟาบินโญ่เจ็บ
แล้วทำไมบางนัดที่ลิเวอร์พูลขาดตัวผู้เล่นหลักๆหลายคน ถึงเอาชนะคู่แข่งได้ล่ะ
ปัญหามันอยู่ตรงไหน อยู่ที่ปัญญาว่าจะหาทางแก้ได้หรือเปล่า ไม่ใช่โทษว่า...
" ทีมพิการอยู่ครับ "
You'll never walk alone
#EarthQuake
บทความเกมส์แดงเดือดที่หงส์ชนะ แมนยูพิการหรือบอลคนละชั้น
เก็บมาฝาก..เขียนได้โดนใจดี
ขอบคุณเพจ ลิเวอร์พูลทั้งใจ ใครก็แทนไม่ได้
- ลิเวอร์พูลไม่ได้ชนะเพราะแมนฯยูพิการ แต่ระดับความสามารถของฟุตบอลมันคนละชั้นกันเห็นๆ -
.....เกมมันจบแล้วครับท่าน มันจบแล้วครับนาย ด้วยผลงานและศักยภาพของลิเวอร์พูล มันเหนือกว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอย่างชัดเจน
ขึ้นชื่อว่า " ทีม " มันย่อมสำคัญมากกว่าผู้เล่นเพียง 1-2 คน หากจะบอกว่าแมนฯยูไนเต็ดในเวลานี้ ทีมกำลังพิการ เพราะขาดมาร์คัส แรชฟอร์ด ศูนย์หน้าของทีมไป ทำให้แพ้ลิเวอร์พูล
ผมก็คงต้องถามกลับว่า...
" แล้วไอ้คนที่ลงไปเล่นแทน มันไม่สมประกอบตรงไหนมิทราบ "
มีหัว มีหู มีมือ มีแขน และมีขา มันก็มีเหมือนๆกันทุกคน ต่างกันแค่รูปทรงและใบหน้าเท่านั้นเอง
การที่จะบอกว่า แมนฯยูขาดตัวผู้เล่นกำลังหลักแบบนี้ แต่สู้กับลิเวอร์พูลได้ขนาดนี้ก็ถือว่าน่าชมเชยแล้ว
" ถ้าคุณคิดแบบนั้น แสดงว่าคุณยอมรับแล้ว "
ยอมรับว่า...ระหว่างลิเวอร์พูลกับแมนฯยูในปัจจุบัน มันอยู่กันคนล่ะรุ่น มันก็เหมือนการชกมวยนั่นแหละครับ ถ้าคุณบอกว่า ดีแล้วที่แพ้แค่นี้ เพราะเราน้ำหนักตัวแค่ 60 กก. แต่สามารถทำให้คนน้ำหนัก 90 กก.เหนื่อยได้กว่าจะเอาชนะเรา
" นี่จะบอกอีกไหมว่าลิเวอร์พูลตบเด็ก "
ต่อให้มีมาร์คัส แรชฟอร์ดเพิ่มมาอีก 1 คน มีใครกล้าพูดบ้างไหมว่าเกมเมื่อคืนนี้ แมนฯยูจะไม่แพ้ต่อลิเวอร์พูล
ถ้าแรชฟอร์ดคนเดียวทำให้แมนฯยูรอดพ้นจากความพ่ายแพ้ได้ ฤดูกาลนี้ปีศาจแดงคงไม่แพ้ไปแล้ว 6 เกมหรอก ( ไม่รวมเกมเมื่อคืน )
มันเหมือนคนบอกว่า มาทำงานสายเพราะรถติด แทนที่จะบอกว่าตัวเองตื่นช้านั่นแหละ
**ไม่โทษตัวเอง โทษนี่โทษนั่น
ทีมอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เห็นว่ามีเงินถุงเงินถัง แต่ทำไมไม่สามารถซื้อตัวผู้เล่นเข้ามาได้เหมือนลิเวอร์พูลและแมนฯซิตี้ล่ะ
ปัญหามันไม่ได้เพิ่งมีเพราะนักเตะเพียงคนเดียวบาดเจ็บ แต่มันมีมาตั้งแต่การเจรจา 48 ชม.ในตำนานแล้ว
แมนฯยูทำไม่ได้เหมือนลิเวอร์พูล !!
สโมสรไม่สามารถหาใครมาทดแทนคนที่ขายไปได้ ในขณะเดียวกัน กุนซือของทั้งสองทีมประสบการณ์ก็ต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ที่แพ้ลิเวอร์พูล ไม่ใช่เพราะทีมเพิ่งพิการ แต่ผลงานมันตกต่ำมาก่อนแล้วต่างหาก และมันจะยิ่งห่างขึ้นเรื่อยๆ
ฤดูกาลนี้ แมนฯยูไม่ได้เพิ่งแพ้ลิเวอร์พูลเป็นเกมแรกซะเมื่อไหร่ ก่อนหน้านี้ที่แพ้ เหตุผลเพราะทีมมันพิการอีกไหม...
ผมเชื่อว่าทุกคนก็ดูออกว่า " มันไม่ใช่ "
ทั้งๆที่ บอร์ดบริหารเอย รวมทั้งตัวกุนซืออย่างโอเล่ กุนนา โซลชาเอย ต่างก็มีเวลาเตรียมทีมในช่วงปิดฤดูกาลแล้ว
แต่มันแก้ปัญหาไม่เป็นไง ทีมมันถึงตกต่ำลง !!
ในขณะที่ลิเวอร์พูล ทุกๆปัญหาที่เคยพบเจอ ได้ถูกแก้ไขมันออกไปทีละอย่าง สองอย่างแล้ว
จากที่นักเตะเคยเจ็บบ่อยและหมดแรงง่ายเพราะต้องใช้สไตล์เกเก้น เพรสซิ่งของเจอร์เก้น คล็อปป์ วิ่งไล่บีบคู่ต่อสู้ ลิเวอร์พูลก็มีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่นักกายภาพบำบัด ไปจนถึงนักโภชนาการ
รวมไปถึงอาวุธลับประจำทีมทั้งลูกเตะมุม ลูกเซ็ตพีค ไปยันลูกทุ่ม ในจุดนี้ลิเวอร์พูลมีผู้เชี่ยวชาญหมด
และอีกหนึ่งคนที่สำคัญ ที่จะไม่พูดถึงก็คงไม่ได้ นั่นก็คือ เจอร์เก้น คล็อปป์
เพราะลิเวอร์พูลมี เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือที่วางตัวอยู่ในระดับที่เรียกว่า " คนธรรมดา "
ไม่ต้องเป็นคนพิเศษ หรือมีปรัชญาการทำทีมแค่ของตัวเองไม่รับสิ่งอื่นๆ
คล็อปป์ ปรับเปลี่ยนลิเวอร์พูลไปตามสถานการณ์ตลอดทุกซีซั่นที่เขาคุม เราจึงได้เห็นพัฒนาการของผู้เล่นภายในทีม
คล็อปป์ คอยกระตุ้นลูกทีมเวลาอยู่ข้างสนามเสมอ เขาไม่เคยทิ้งให้นักเตะต้องยืนดูแผนการเล่นเพียงคนเดียว หรือจะเข้าไปนั่งดูอย่างใจเย็นในซุ้มม้านั่งสำรองเวลาที่ทีมโดนนำ
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันไม่ใช่ข้ออ้างเพียงแค่บอลนัดเดียวที่บอกว่า " เพราะแมนฯยูพิการถึงแพ้ลิเวอร์พูล "
เพราะอย่าลืมว่า 11 นักเตะที่ลิเวอร์พูลใส่ลงไปเล่นในเกมแดงเดือดเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมานั้น เอาจริงๆคือ โจ โกเมซกับแชมเบอร์สเลน ก็ไม่ใช่ตัวหลักของลิเวอร์พูลนะ เขามาแทนในช่วงที่ มาติปและฟาบินโญ่เจ็บ
แล้วทำไมบางนัดที่ลิเวอร์พูลขาดตัวผู้เล่นหลักๆหลายคน ถึงเอาชนะคู่แข่งได้ล่ะ
ปัญหามันอยู่ตรงไหน อยู่ที่ปัญญาว่าจะหาทางแก้ได้หรือเปล่า ไม่ใช่โทษว่า...
" ทีมพิการอยู่ครับ "
You'll never walk alone
#EarthQuake