คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
จากนั้น..พระองค์ทรงปรัปอาบัติทุกกฏ
แต่แปลกที่บอกว่าอนุญาตให้ให้เหยียบเพื่อความเป็นมงคล <-----????? อย่าพึงรับรอง-อย่าพึงคัดค้าน
--------------------------------------------------------------------------
[๑๒๓] หลังจากนั้น พระผู้มีพระภาคทรงทำธรรมีกถา ในเพราะเหตุ
เป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงเหยียบผืนผ้าที่ปูไว้ รูปใดเหยียบ ต้องอาบัติทุกกฏ <-----------*****
[๑๒๔] สมัยต่อมา สตรีผู้หนึ่งปราศจากครรภ์ นิมนต์ภิกษุทั้งหลายไป
ปูผ้าแล้ว ได้กล่าวว่า ท่านเจ้าข้า ขอพระคุณเจ้าจงเหยียบผ้า ภิกษุทั้งหลายรังเกียจ
ไม่เหยียบ นางได้กล่าวอีกว่า ท่านเจ้าข้า ขอพระคุณเจ้าจงเหยียบผ้าเพื่อประสงค์
ให้เป็นมงคล ภิกษุทั้งหลายรังเกียจ ไม่เหยียบ จึงสตรีผู้นั้น เพ่งโทษ ติเตียน
โพนทะนาว่า เมื่อเขาขอเพื่อประสงค์ให้เป็นมงคล ไฉนพระคุณเจ้าทั้งหลายจึงไม่
เหยียบผืนผ้าที่ปูให้ ภิกษุทั้งหลายได้ยินสตรีผู้นั้น เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนา
อยู่ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคๆ ตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย คฤหัสถ์ต้องการมงคล เราอนุญาตให้ผู้ที่ถูกคฤหัสถ์ขอร้องให้เหยียบ <---------------??????
เพื่อความเป็นมงคลเหยียบผืนผ้าได้ ฯ
http://84000.org/tipitaka/read/byitem_s.php?book=7&item=0&items=665
แต่แปลกที่บอกว่าอนุญาตให้ให้เหยียบเพื่อความเป็นมงคล <-----????? อย่าพึงรับรอง-อย่าพึงคัดค้าน
--------------------------------------------------------------------------
[๑๒๓] หลังจากนั้น พระผู้มีพระภาคทรงทำธรรมีกถา ในเพราะเหตุ
เป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงเหยียบผืนผ้าที่ปูไว้ รูปใดเหยียบ ต้องอาบัติทุกกฏ <-----------*****
[๑๒๔] สมัยต่อมา สตรีผู้หนึ่งปราศจากครรภ์ นิมนต์ภิกษุทั้งหลายไป
ปูผ้าแล้ว ได้กล่าวว่า ท่านเจ้าข้า ขอพระคุณเจ้าจงเหยียบผ้า ภิกษุทั้งหลายรังเกียจ
ไม่เหยียบ นางได้กล่าวอีกว่า ท่านเจ้าข้า ขอพระคุณเจ้าจงเหยียบผ้าเพื่อประสงค์
ให้เป็นมงคล ภิกษุทั้งหลายรังเกียจ ไม่เหยียบ จึงสตรีผู้นั้น เพ่งโทษ ติเตียน
โพนทะนาว่า เมื่อเขาขอเพื่อประสงค์ให้เป็นมงคล ไฉนพระคุณเจ้าทั้งหลายจึงไม่
เหยียบผืนผ้าที่ปูให้ ภิกษุทั้งหลายได้ยินสตรีผู้นั้น เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนา
อยู่ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคๆ ตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย คฤหัสถ์ต้องการมงคล เราอนุญาตให้ผู้ที่ถูกคฤหัสถ์ขอร้องให้เหยียบ <---------------??????
เพื่อความเป็นมงคลเหยียบผืนผ้าได้ ฯ
http://84000.org/tipitaka/read/byitem_s.php?book=7&item=0&items=665
แสดงความคิดเห็น
จากพระสูตร..นี้ ท่านว่าทำไมพระศาสดาไม่ทรงเหยียบผ้าขาว...หละครับ?? ผมว่าท่านไม่สนับสนุนเรื่องมงคล(แบบโลกๆ)....
ส่วนพระสูตรนี้...ท่านพระอานนท์กล่าวว่า " พระตถาคตเจ้าทรงแลดูประชุมชนผู้เกิดในภายหลัง"
=================================================================================
....
.....
[๔๘๘] ครั้งนั้น เป็นเวลาเช้า พระผู้มีพระภาคทรงครองอันตรวาสกแล้วทรงถือบาตร
และจีวร เสด็จเข้าไปยังนิเวศน์ของโพธิราชกุมาร.
สมัยนั้น โพธิราชกุมารประทับยืนคอยรับเสด็จพระผู้มีพระภาคอยู่ที่ภายนอกซุ้มประตู. ได้ทรงเห็นพระผู้มีพระภาค กำลังเสด็จมาแต่ไกล
จึงเสด็จออกต้อนรับ ทรงถวายบังคมพระผู้มีพระภาค แล้วเสด็จนำหน้าเข้าไปยังโกกนุทปราสาท.
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคหยุดประทับอยู่ที่บันไดขั้นสุด. โพธิราชกุมารจึงกราบทูลว่า ขอเชิญพระผู้มีพระภาคทรงเหยียบผ้าขาวไปเถิด พระเจ้าข้า
ขอเชิญพระสุคตเจ้าทรงเหยียบผ้าขาวไปเถิดพระเจ้าข้า ข้อนี้จะพึงเป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขแก่หม่อมฉันตลอดกาลนาน.
เมื่อโพธิราชกุมารกราบทูลเช่นนี้แล้ว พระผู้มีพระภาคทรงนิ่งเสีย. แม้ครั้งที่สอง
โพธิราชกุมารก็กราบทูลว่า ขอเชิญพระผู้มีพระภาคทรงเหยียบผ้าขาวไปเถิด พระเจ้าข้า ขอเชิญสุคตเจ้าทรงเหยียบผ้าขาวไปเถิด พระเจ้าข้า
ข้อนี้จะพึงเป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขแก่หม่อมฉันตลอดกาลนาน.
เมื่อโพธิราชกุมารทูลเช่นนี้แล้ว พระผู้มีพระภาคทรงนิ่งเสีย แม้ครั้งที่สาม
โพธิราชกุมารก็กราบทูลว่า ขอเชิญพระผู้มีพระภาคทรงเหยียบผ้าขาวไปเถิด พระเจ้าข้า ขอเชิญพระสุคตเจ้าทรงเหยียบผ้าขาวไปเถิด พระเจ้าข้า
ข้อนี้จะพึงเป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขแก่หม่อมฉันตลอดกาลนาน.
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงทอดพระเนตรท่านพระอานนท์. <-------------------------------------------------------------------********
ท่านพระอานนท์ได้ถวายพระพรว่าดูกรพระราชกุมาร จงเก็บผ้าขาวเสียเถิด พระผู้มีพระภาคไม่ทรงเหยียบแผ่นผ้า <-------********
พระตถาคตเจ้าทรงแลดูประชุมชนผู้เกิดในภายหลัง. <------------------------------------------------------------------------------********
โพธิราชกุมารรับสั่งให้เก็บผ้าแล้วให้ปูลาดอาสนะที่โกกนุทปราสาทชั้นบน.
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเสด็จขึ้นโกกนุทปราสาท แล้วประทับนั่งบนอาสนะที่เขาจัดไว้ถวายพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์.
โพธิราชกุมารทรงอังคาสภิกษุสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขให้อิ่มหนำเพียงพอ ด้วยของเคี้ยวของฉันอันประณีต
ด้วยพระหัตถ์ของพระองค์.
ครั้นพระผู้มีพระภาคเสวยเสร็จวางพระหัตถ์จากบาตรแล้ว. โพธิราชกุมารถือเอาอาสนะต่ำแห่งหนึ่ง
ประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
หม่อมฉันมีความเห็นอย่างนี้ว่า ความสุขอันบุคคลจะพึงถึงได้ด้วยความสุขไม่มี ความสุขอันบุคคล
จะพึงถึงได้ด้วยความทุกข์แล.
.......
......
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=13&A=7663&Z=8236