Hitotsubashi ICS MBA ในญี่ปุ่น 1 ปี และ 2 ปี เรียนเป็น ภาษาอังกฤษ ค่าเทอมต่อปี 165,000 บาท ราคาสบายกระเป๋า คุณภาพคับแก้ว

เมื่อปี 2017-2018 ผมได้มีโอกาสไปเรียน MBA ที่ญี่ปุ่น และคิดว่าคอร์สนี้ดีมาก เลยอยากจะแนะนำให้คนที่สนใจลองสมัครดูครับ โดนจะแบ่งเป็นหัวข้อหลัก ๆ คือ รายละเอียดของการเรียนการสอน ค่าใช้จ่าย และประสบการณ์ที่ได้รับ

ก่อนจะเข้าเนื้อหา ขอเล่าถึงชื่อเสียงของมหาลัยโดยคร่าวๆ Hitotsubashi (ฮิโตะซึบาชิ) เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงมากๆๆๆ ในญี่ปุ่น บอกชื่อนี้ไปคนญี่ปุ่นจะบอกว่า เอ๊ะ!สุดยอด!เข้าไปเรียนได้ยังไง มหาลัยนี้ปริญญาตรีดังเรื่อง รัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ ความดังของมหาลัยนี้ก็ประมาณ จุฬา ธรรมศาสตร์ ส่วนสถานที่ตั้งของแคมปัสหลักอยู่ที่ Kunitachi ไกลจากใจกลางเมืองประมาณ 1 ชั่วโมง แต่สำหรับ MBA ของที่นี่ จะมีชื่อว่า ICS อยู่ใจกลางเมือง ระหว่างสถานี Takebashi และ Jinbosho อาจารย์ที่สอนก็มีประสบการณ์เกี่ยวกับธุรกิจโดยตรง แต่ละคนประวัติจบจากอเมริกามหาลัยดังๆทุกคน สามารถเล่าประสบการณ์ที่เคยเจอได้เป็นอย่างดี

1.รายละเอียดการเรียนการสอน
ขอเปรียบเทียบระหว่าง Management กับ MBA ก่อนนะครับ คอร์ส Management ส่วนใหญ่คือ ไม่ต้องมีประสบการณ์ทำงานก็สามารถไปเรียนต่อได้ หรืออีกนัยหนึ่งคือ จบปริญญาตรีแล้วเรียนต่อได้เลยทันที ส่วนถ้าจะสมัคร MBA ต้องมีประสบการณ์ทำงานอย่างน้อย 2-3 ปี ก่อนถึงจะสมัครได้ ดังนั้นข้อแตกต่างคือ คนที่เรียน MBA โดยส่วนใหญ่จะผ่านร้อนผ่านหนาวมากกว่า มีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่า และสามารถเอาประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟังได้มากกว่า

Hitotsubashi ICS ใช้สไตล์การสอนแบบ case-based เหมือนที่ Harvard ใช้ คือ ก่อนเข้าเรียนต้องอ่านเคสหรือกรณีศึกษา โดยซื้อจาก Harvard business school แบบ online อ่านเสร็จแล้วต้องมาถกประเด็นต่างๆในห้องเรียน คะแนนที่เก็บคือเก็บจากจำนวนและคุณภาพที่เราแสดงความคิดเห็นในห้องเรียน เพราะฉะนั้นในห้องเรียนต้องแย่งกันตอบและต้องตอบให้ดีด้วย นอกจากนี้ขาดเรียนได้ไม่เกิน 2-3 ครั้ง ต่อวิชา ถ้าขาดต้องบอกอาจารย์ก่อน จริงๆแล้วโดยความเห็นส่วนตัวคิดว่า สไตล์นี้สนุกดี ยกตัวอย่างเช่น ก่อนเข้าเรียนจะมี choice ให้เลือกว่าถ้าอยู่ในสถานการณ์นั้นและเป็นคนมีอำนาจตัดสินใจจะเลือก choice ไหน A B C D, พอเข้าเรียน ก็นั่งเป็นกลุ่ม A กลุ่ม B กลุ่ม C กลุ่ม D พอเรียนเคสนั้นจบ (ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง) อาจารย์ก็จะบอกว่า จริงๆแล้วเกิดอะไรขึ้น อะไร work อะไรไม่ work เพราะอะไร แล้วถ้าจะถามอาจารย์โดยส่วนตัวตอนหลัง อาจารย์ก็ออกความเห็นของอาจารย์เองด้วย
 
สำหรับ class profile ในห้องเรียนมีประมาณ 50 คน ทุกคนค่อนข้างสนิทกัน และรู้จักกันหมด เพราะอยู่ด้วยกันตลอด เข้าเรียนด้วยกันตลอด class ผมมี คนญี่ปุ่น (บริษัทส่งมา) จีน อินเดีย เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ อังกฤษ ฮ่องกง พม่า โดยทุกคนใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร เพราะตั้งแต่วันแรกตอนอบรมก่อนเข้าเรียน อาจารย์ขอให้ทุกคนใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร คนส่วนน้อยจะได้ไม่รู้สึกแปลกแยก

เนื้อหาที่เรียน จะเรียนตั้งแต่พื้นฐานของทุกๆวิชา ไม่ว่าจะเป็น Finance, Marketing, Accounting, Operation Management, Japanese Business and Economy, Stat โดยทุกวิชาเป็นเคสทั้งหมด อย่างบัญชีก็เรียนเป็นเคส เช่น นาย David จะทำฟาร์มไก่ ลงทุนไปเท่านี้ กู้เงินมาเท่านี้ ขายได้เท่านี้ Balance sheet (งบดุล) หน้าตาเป็นอย่างไร เทอมแรกๆทุกคนจะเรียนวิชาบังคับเหมือนกันหมด ส่วนเทอมหลังๆ จะเป็นวิชาเลือกซะเป็นส่วนใหญ่

ขอโฆษณาวิชาเลือกอันนึงชื่อ Japanese Culture Class รับได้ 20 คนเท่านั้น คัดเลือกโดยการสุ่ม วิชานี้ทุกคนแย่งกันลง เพราะทุกๆอาทิตย์ จะมีกิจกรรมแนวญี่ปุ่นๆให้เข้าร่วมฟรี เช่น ชงชาแบบญี่ปุ่น, ไป café ที่ Akihabara, นั่งสมาธิและคุยกับพระที่ Kamakura, ยิงธนู, ดู Kabuki

นอกจากเรียนในญี่ปุ่นแล้ว ทาง ICS ยังไปจับมือร่วมกับมหาลัยต่างๆทั่วโลก ให้แลกเปลี่ยนเป็นเวลา 1 อาทิตย์เรียกว่า Global Network week โดยที่ทุกคนต้องเลือกที่ใดที่นึง (หรือจะเลือกญี่ปุ่นก็ได้ คอยต้อนรับเพื่อนมหาลัยอื่น) ที่คนเลือกส่วนมากคือ Yale ที่อเมริกา ที่อื่นก็มี ตุรกี(ผมไปอันนี้) อิสราเอล(เป็นประเทศที่สนับสนุนเรื่อง start up มากๆ) จีน เกาหลี ฮ่องกง อินเดีย เป็นต้น

สำหรับคนที่อ่านมาถึงตรงนี้คงกำลังสงสัยว่า 1 ปี และ 2 ปี แตกต่างกันอย่างไร
คือตั้งแต่แรกที่ยื่นใบสมัคร โรงเรียนจะให้เราเลือกว่าจะเรียน ICS MBA เป็นระยะเวลากี่ปี
ทั้ง 2 แบบ ในปีแรกจะเรียนเหมือนกันหมด 
พอขึ้นปีที่สอง นักเรียนที่เรียน 1 ปีจบการศึกษา หางานทำ 
นักเรียนที่เรียน 2 ปี สามารถเลือกได้ว่าจะ ฝึกงานที่บริษัทญี่ปุ่นที่สมัครไว้ หรือไปแลกเปลี่ยนที่มหาลัยอื่น 
1 ปี และ 2 ปี แตกต่างกันแค่นี้
สำหรับการหางานในญี่ปุ่น ต้องบอกเลยว่าควรมีพื้นฐานภาษาญี่ปุ่นที่ดีก่อนเรียน เพราะใน ICS MBA มีสอนภาษาญี่ปุ่นก็จริง แต่เป็นแบบง่ายๆ เอาไปใช้สัมภาษณ์งานไม่ได้ ยกเว้นว่าจะเจอบริษัทที่เปิดกว้างรับคนต่างชาติ ให้ใช้ภาษาอังกฤษได้ ซึ่งมีน้อยมากๆ

2.ค่าใช้จ่าย
ค่าเทอมสำหรับ Full time MBA (self-funded จ่ายเอง) เรต 30 บาท ต่อ 100 เยน
http://www.ics.hub.hit-u.ac.jp/programs/mba/academics/tuition.html

ค่าแรกเข้า 282,000 yen ต้องจ่ายเพื่อยื่นยันว่าจะไปเรียน
ค่าเทอมต่อปี 535,800 yen
282,000+535,800 yen = ประมาณ 250,000 บาท

แต่เดี๋ยวก่อน ค่าเทอมต่อปีสามารถลดได้ เพราะผมเห็นเพื่อนคนจีนทำเลยทำตาม เป็นการเขียนจดหมายขอให้มหาลัย hitotsubashi แคมปัสหลัก ช่วยเรื่องค่าใช้จ่าย ถ้าขอสำเร็จ มหาลัยจ่ายค่าเทอมให้ 100% เขียนไม่สำเร็จ จ่ายค่าเทอม 50%
หมายความว่า ถ้าขอไม่สำเร็จ 1 ปี จ่ายแค่ 282,000+(535,800/2) yen = ประมาณ 165,000 บาท 

ในกรณีที่อยากจะขอทุน
มีทุน 3 ทุน แต่รายละเอียดลึกๆขอให้ศึกษาเองนะครับ ลอง search ชื่อทุน ตามด้วย Hitotsubashi หรือติดต่อโรงเรียนโดยตรงผ่าน email

YLP Young Leadership Program ทุนนี้บังคับให้เรียน MBA แบบ 1 ปีเท่านั้น เลือก 2 ปี ไม่ได้ คนไทยไม่ค่อยมีใครสมัคร อันนี้โคตรดี ค่าเทอมไม่ต้องจ่าย มีตั๋วเครื่องบินให้ ได้เดือนละ 242,000 yen = 72,600 บาทไทย
MEXT scholarship (ทุนมง MONBUKAGAKUSHO) อันนี้ได้น้อยลงมาหน่อย เลือกได้จะเรียน 1 ปี หรือ 2 ปี ได้เดือนละ 155,000 yen = 46,500 ไม่แน่ใจว่าต้องจ่ายค่าเทอมรึเปล่า
BXAI (Bai Xian Asia Institute) ทุนของจีน มี summer course ที่จีน ตอนใกล้จะเรียนจบ และมีบังคับทำ thesis
 
ค่าใช้จ่ายหอ
หอพักมีอยู่ 2-3 ที่ สามารถส่งเอกสารสมัครได้ผ่าน admin ของ ICS
ค่าใช้จ่ายหอในเดือนแรกจะมีการเก็บค่าทำความสะอาดต่างๆ เลยจะมากกว่าค่าหอที่จะเขียนให้นะครับ

1.TIEC (Tokyo International Exchange Center) อยู่ในเขต Odaiba
เป็นหอสำหรับนักเรียนและนักวิจัยต่างชาติ มีห้อง A B C D ให้เลือก
ห้องแบบ A ไม่มีเครื่องซักผ้าและครัวในห้อง ต้องใช้กับเพื่อนร่วม floor 35,000 yen ต่อเดือน
ห้องแบบ B มีเครื่องซักผ้าและครัวในห้องเป็นของตนเอง 52,000 yen ต่อเดือน
ห้องแบบ C อยู่เป็นคู่ 74,500 yen ต่อเดือน
ห้องแบบ D อยู่แบบครอบครัว 86,500 yen ต่อเดือน
ที่ TIEC มี fitness มีโรงยิมที่สามารถจองได้เพื่อ ตีแบต เล่นบาส หรือ เตะบอล
ประมาณครึ่งหนึ่งของคนที่เรียน ICS จะอยู่ที่นี่ เพราะเด็กทุนจะได้โอกาสในการสมัครหอที่นี่ก่อน
การสมัครเข้าหอจะเป็นรอบๆ ถ้าไม่ได้ก็ต้องรอรอบถัดไป
https://www.jasso.go.jp/en/kyoten/tiec/residence/guide.html
 
2.Ikkyo-Ryo ที่เขต Kodaira
http://international.hit-u.ac.jp/en/curr/accom/kodaira/index.html
หอนี้เป็นของ Hitotsubashi University โดยตรง อยู่ไกลจากตัวเมืองหน่อย ที่นี่จะได้ใช้ชีวิตร่วมกับเด็กที่กำลังเรียนปริญญาตรีของ Hitotsubashi แต่ละ floor มีเด็กนักศึกษาคอยดูแลความเรียบร้อย ชาย 1 คน หญิง 1 คน พูดภาษาอังกฤษคล่อง ค่าหอ 24,000 yen ต่อเดือน ต้องแชร์ห้องน้ำ ห้องครัว เครื่องซักผ้า มีปาร์ตี้บ้างแล้วแต่จะจัดกัน
 
3.Residence Hall ที่ Kunitachi
http://international.hit-u.ac.jp/en/curr/accom/kunitachi/index.html
หอนี้อยู่ไกลจาก ICS มากที่สุด อยู่ที่ Hitotsubachi University ราคาเริ่มต้นที่ 28,000 yen
 
ก่อนเปิดเรียนผมสมัครทั้ง 3 ที่ ปรากฏว่าได้ที่ Ikkyo-Ryo (Kodaira) จากนั้นก็ สมัคร TIEC ไประหว่างเรียน พอได้ก็ค่อยย้าย สรุปอยู่ Kodaira ประมาณ 6 เดือน Odaiba 6 เดือน
 
3.ประสบการณ์ที่ได้รับ
คิดว่าคุ้มค่ามาก เพราะนอกเหนือจากความรู้ MBA แล้ว ยังได้เปิดโลกมากขึ้นทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียนจาก อาจารย์, วิทยากรรับเชิญ (guest speaker) และเพื่อนๆ ยกตัวอย่างเช่น ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจญี่ปุ่นกำเนิดมาจากตอนไหน และตอนนี้กำลังมุ่งหน้าไปทางไหน ทำอย่างไรถึงจะผลักดันให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นเดินหน้าได้มากกว่านี้ หรือตอนไปแลกเปลี่ยนที่ตุรกี ก็พบว่าที่ตุรกีมีปัญหาเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนสุดๆ ทุกอย่างที่เซ็นสัญญากันใช้เป็น USD ค่าเช่าร้านหรือค่าเช่าห้องพักยังคิดเป็น USD เลย เป็นต้น
 
เกร็ดความรู้

1.วิธีเปิดบัญชีธนาคารญี่ปุ่น ให้เพื่อนคนญี่ปุ่นช่วย สิ่งที่ต้องมีคือ 
-เอกสารรับรองจากโรงเรียนว่าเป็นนักเรียนจริงๆ เช่น บัตรนักเรียน หรือ จดหมายตอบรับเป็นภาษาญี่ปุ่น
-ตราประทับชื่อตนเอง inkan อินคัง / hanko ฮันโกะ ต้องสั่งทำแบบง่ายๆ 1000-2000 yen

2.ตั๋วรถไฟรายเดือน Teikiken เทคิเคน
เมื่อได้บัตรนักเรียนแล้วให้ไปที่สถานีแล้วทำตั๋วรายเดือน (Commuter Pass) เป็นการซื้อบัตรและกำหนดว่าจะเดินทางแบบไหนสายไหน แล้วจ่ายเป็นรายเดือน นอกจากจะช่วยในการลดค่าใช้จ่ายเวลาเดินทางไปเรียนและกลับหอแล้ว เวลาไปเที่ยวที่ต่างๆ ถ้าเราใช้เส้นทางเดิมที่กำหนดไว้ เราจะจ่ายแค่ส่วนต่างเท่านั้น เช่น 
ตั๋วกำหนดไว้ว่า หอ -> สถานี A,B,C,D -> โรงเรียน 
สมมุติไป Shibuya โดยวิธี หอ -> สถานี A,B,C,D,E,F ->Shibuya
เราจะจ่ายเพิ่มแค่ช่วง E->F->Shibuya เท่านั้น

3.MBA นี้ ไม่จำเป็นต้องทำ thesis

4.ICS มีระบบอาจารย์ที่ปรึกษาเรียกว่า Seminar หรือ semi หรือ zemi อาจารย์ 1 ท่าน ต่อ นักเรียนประมาณ 3 คน และมีระบบในการคัดเลือกด้วย

5.ห้ามลอกเพื่อน ห้ามลอกจาก internet อาจารย์จับได้อยู่แล้ว เพราะมีโปรแกรมตรวจว่า copy กันรึเปล่า หรือ copy จาก internet รึเปล่า นอกจากนี้ถ้าโดนจับได้ต้องเรียนคอร์สนั้นซ้ำใหม่อีกรอบ

6.Be active อย่า miss deadline คอยตามงานเรื่อยๆ ถามเพื่อนเรื่อยๆ ไม่เข้าใจอะไรถามเพื่อน ถามอาจารย์ ถาม admin

7.แบ่งเวลาไปเที่ยวให้เยอะๆ ใช้เวลาให้คุ้มค่า ใช้สิทธินักเรียนขอส่วนลดค่ารถไฟ shinkansen ได้ที่ admin office, tax free ได้ถึง 6 เดือนหลังจากที่เข้าประเทศญี่ปุ่น
 
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้นะครับ ถ้าผิดพลาดตรงไหนขออภัยด้วยนะครับ
หวังว่ารีวิวครั้งนี้จะทำให้หลายๆคนได้ประสบความสำเร็จในการเรียน MBA นะครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่