JJNY : 4in1 ภูมิธรรมลั่นไม่มีมวยล้ม/ชำนาญชี้ศรีนวล-ฐนภัทรพ้นส.ส.แล้ว/วีระฉะจนท.2มาตรฐาน/อ.ยิ่งศักดิ์จัดคลิปเดือดตรุษจีน

'ภูมิธรรม' ลั่น ศึกซักฟอกครั้งนี้ ไม่มีมวยล้มต้มคนดู ชี้ 20 ม.ค. หัวหน้า 7 พรรค ถกร่วมกันอีกครั้ง
 

 
‘ภูมิธรรม’ ลั่น ศึกซักฟอกครั้งนี้ ไม่มีมวยล้มต้มคนดู ชี้ 20 ม.ค. หัวหน้า 7 พรรค ถกร่วมกันอีกครั้ง
 
เมื่อวันที่ 19 มกราคม นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ฐานะรองประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรค พท. กล่าวถึงกระแสข่าวผู้ใหญ่ในพรรคพท. ซูเอี๋ยกับผู้มีอำนาจแลกกับการยกเว้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีบางคน ว่า ได้เห็นกระแสข่าวเรื่องดังกล่าวพอสมควร ถึงขั้นมีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ตัวเลขสูงถึง 900 ล้านบาท ขอยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง เป็นเรื่องไร้สาระอย่างมาก การอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านครั้งนี้ไม่มีมวยล้มต้มคนดู ไม่มีใครที่จะเอาเรื่องของการอภิปรายไม่ไว้วางใจมาใช้เพื่อหาประโยชน์เข้าตัวอย่างแน่นอน ซึ่งเราไม่มีทางยอมให้เกิดขึ้นด้วย ข่าวปล่อยที่เกิดขึ้นมีเพียงฝ่ายรัฐบาลที่ได้ประโยชน์จากเรื่องนี้
 
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในครั้งนี้ เรื่องสำคัญคือการโฟกัสว่ารัฐบาลทำเรื่องเสียหายอะไรไว้บ้าง ซึ่งมีอยู่ 2 เรื่องใหญ่ คือความล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดิน และความไม่ชอบมาพากลในการอำนวยผลประโยชน์ให้กับพวกพ้อง ซึ่งเป้าหลักของเราอยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งคุมทุกกระทรวง คุมหน่วยงานความมั่นคงทั้งทหารและตำรวจ รวมทั้งเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจด้วย ดังนั้นถ้าอภิปรายจนสามารถปรับ พล.อ.ประยุทธ์ออกได้ ครม.ก็พ้นไปทั้งหมด ทั้งนี้ เราไม่ปิดกั้นหากใครมีข้อมูลมีประเด็นที่ชัดเจนเราก็พร้อมให้อภิปรายทุกคน ไม่มีการยกเว้นแม้แต่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ซึ่งในวันที่ 20 มกราคมนี้ ทางหัวหน้าของพรรคร่วมทั้ง 7 พรรคจะได้หารือกันอีกครั้ง
 

 
"ชำนาญ" ชี้ "ศรีนวล-ฐนภัทร" พ้นสภาพส.ส.แล้ว เหตุไม่ยอมสมัครพรรคใหม่ใน 30 วัน
https://www.matichon.co.th/politics/news_1902727
 
เมื่อวันที่ 19 มกราคม นายชำนาญ จันทร์เรือง รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) กล่าวว่า หลายฝ่ายยังสงสัยว่า เมื่อพรรคอนค.มีมติขับออกจากพรรคแล้ว จะสิ้นสุดการเป็นสมาชิกพรรคลงเมื่อใด ประเด็นดังกล่าวจะต้อง พิจารณาประกอบกันทั้ง รัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (9) พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 27 และข้อบังคับพรรคอนค. ข้อ 20 และ ข้อ 21 ซึ่งตนมีข้อสังเกต ดังนี้ การสิ้นสุดการเป็นสมาชิกพรรค ของ ส.ส.นั้น ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 27 บัญญัติให้ ไปบังคับตามข้อบังคับพรรค ซึ่งกรณีพรรคอนาคตใหม่ กำหนดไว้ในข้อ 20 (4) กำหนดไว้ว่า
 
สมาชิกภาพของสมาชิกสิ้นสุดลงเมื่อ คณะกรรมการบริหารพรรคมีมติให้สมาชิกภาพสิ้นสุดลง ทั้งนี้ ไม่รวมถึงสมาชิกพรรคซึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร”…ซึ่งโดยเงื่อนไขในข้อบังคับที่ระบุว่า ไม่รวมถึงสมาชิกพรรคที่เป็น ส.ส. เนื่องจาก มีรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (9) และ พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 27 วรรคท้าย บัญญัติเกี่ยวกับมติไว้เป็นพิเศษว่า มติของพรรคการเมืองที่จะให้สมาชิกพรรคพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคนั้น ต้องเป็น คะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของที่ประชุมร่วมของคณะกรรมการบริหารของพรรคการเมืองและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่สังกัดพรรคการเมืองนั้น ปัญหาว่า ส.ส.ที่พรรคอนค. มีมติให้ ส.ส.พ้นจากการเป็นสมาชิกพรรค 4 คน จะมีผลให้พ้นจากสมาชิกภาพเมื่อใดนั้น ทั้งรัฐธรรมนูญและ พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ก็มิได้ระบุไว้ แต่โดยความในมาตรา ๒๗ ของ พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง กำหนดให้บังคับตามข้อบังคับของพรรค กรณีพรรคอนาคตใหม่ ก็ต้องดู ข้อ ๒๑ ประกอบ ซึ่งกำหนดไว้ว่า “การสิ้นสมาชิกภาพตามข้อ 20 (1) (2) (3) (4) (6) และ (7) ให้นายทะเบียนสมาชิกพรรคจำหน่ายชื่อออกจากทะเบียนสมาชิก ให้ยกเลิกบัตรประจำตัวสมาชิก เรียกคืนเอกสาร และทรัพย์สินของพรรคซึ่งอยู่ในครอบครองของผู้นั้น
 
นายชำนาญ กล่าวอีกว่า จะเห็นได้ว่า กระบวนการจำหน่ายชื่อออกจากทะเบียนสมาชิก การยกเลิกบัตรประจำตัวสมาชิก ฯลฯ มิได้เป็นเงื่อนเวลาในการสิ้นสุดสมาชิกภาพ โดยข้อความในข้อ 21 ที่เริ่มต้นด้วยความว่า “การสิ้นสุดสมาชิกภาพตามข้อ 20 …” ซึ่งชัดเจนว่าสิ้นสุดไปก่อนแล้ว ส่วนการที่ให้นายทะเบียนจำหน่ายชื่อ ฯลฯ เป็นเพียงกำหนดหน้าที่ของนายทะเบียนที่จะต้องดำเนินการภายหลังจากที่สิ้นสุดสมาชิกภาพ ซึ่งก็ไม่ได้ระบุบังคับนายทะเบียนว่า จะต้องดำเนินการภายในกี่วัน 
 
ฉะนั้น ส.ส. 4 รายที่พรรคอนค.ขับออกจากพรรค “มีผลทันทีตั้งแต่วันที่พรรคลงมติให้พ้น” โดยไม่ต้องรอให้จำหน่ายชื่อออกจากทะเบียนสมาชิก หรือรอการแจ้งมติ และไม่มีข้อบังคับข้อใดกำหนดให้ต้องออกหนังสือรับรองการพ้นสมาชิกด้วย ทั้งโดยข้อเท็จจริง ส.ส.ทั้ง 4 ก็ทราบมติพรรคดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 62 อยู่แล้ว เมื่อนับระยะเวลาจึงพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคอนค. ครบ 30 วันในวันที่ 16 มกราคม 63 จึงเป็นอันว่า ส.ส. จำนวน 2 รายที่ไปเป็นสมาชิกพรรคพลังท้องถิ่นไท จึงไม่พ้นจากความเป็น ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (9) สำหรับ นางศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่ และพ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรี ที่มีการเปิดตัวจะเข้าพรรคภูมิใจไทย และพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แต่ยังไม่ได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกนั้น มีผลเท่ากับยังหาพรรคเข้าไปสังกัดไม่ได้ จะต้องพ้นจากความเป็น ส.ส.โดยบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (9) เว้นเสียแต่ว่าจะไปทำใบสมัครลงวันที่ย้อนหลัง แต่ถ้าถูกจับได้ก็มีความผิดทั้งส.ส.ทั้งพรรคที่รับย้อนหลังด้วย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่