ตอนที่ 1 https://pantip.com/topic/39562443

21-24/12/19

เราข้ามมาที่ Kangaroo Island บนเรือเฟอร์รี่ ค่าใช้จ่ายเหมารวมค่าเฟอร์รี่ไป-กลับ 2 คนพร้อมรถ 1 คัน รวมที่พักเป็นสไตล์ Cottage รวม 3 คืน ในราคา 793 เหรียญออส จองได้กับบริษัทเฟอร์รี่ Sealink ได้เลยค่ะ ข้ามไปเกาะใช้เวลา 45 นาที เกาะนี้ใหญ่เป็นที่ 3 รองจากเกาะ Tasmania และเกาะ Melville มีเนื้อที่ประมาณ ‎4,405 ตารางกิโลเมตร จากฝั่งตะวันตกไปตะวันออกมีความยาวถึง 155 กม. จากเหนือไปใต้ 55 กม. มีสัตว์ป่าจำพวกจิงโจ้และหมีโคอะล่ามากมาย แต่เราไม่เจอะเลยนะคะขับเที่ยวอยู่ 3 วันเต็ม แต่พอมีเหตุการณ์ไฟไหม้ป่าที่เกาะนี้เห็นข่าวจิงโจ้และหมีโคอะล่าตายกันจนน่าใจหายแทบจะสูญพันธุ์กันเลยค่ะ เกาะนี้จะมีหาดสวยอยู่หลายจุดมาก น้ำทะเลก็สะอาดใส มีหินแกรนิตใหญ่โตมโหฬารอายุ 500ล้านปีให้ดู มีถ้ำ และที่สำคัญที่สุดคือ Seal Bay ที่เราลงไปเดินบนชายหาดได้โดยที่มีเจ้าพวกนี้นอนเต็มหาด เราอยู่ 3 วันมีอะไรให้ดูทุกวันค่ะ แนะนำให้มาเที่ยวถ้าเกาะเปิดแล้ว

หาด Penneshaw เป็นจุดที่ Ferry จะมารับ-ส่ง


ตอนเราไปแถบ North Coast & Heartland ไม่อนุญาติให้ขับเข้าไปเที่ยวเพราะเริ่มมีไฟป่าบางจุดแต่อยู่ในระดับควบคุมได้ค่ะ


เราพักอยู่ที่ Vivonne Bay ขับจากท่าเรือเฟอร์รี่ที่ Penneshaw ตามแผนที่ด้านล่าง ออกไปอีกประมาณ 100 กม. หาด Vivonne Beach สวยมากค่ะ บ้านพักก็อยู่ไม่ไกลกับตัวหาด เดินออกมา 5 นาที นอนฟังเสียงคลื่นทะเลทั้งคืนถ้าเปิดหน้าต่างทิ้งไว้


ขับกันมา 100 กม. ยังที่พัก 2 ฟากทางเต็มไปด้วยต้นไม้ แต่ถูกไฟป่าเผาตามรูปด้านล่างค่ะ


ถนนหลักขับไปยัง Vivonne Bay

ไฟป่าเผาบางแถบของเกาะนี้ค่ะ (ภาพจากเน็ต) รวมทั้งนักท่องเที่ยวที่พักแถบ Vivonne Bay แถบที่เราพักก็ถูกสั่งให้อพยพด่วนหลังจากเรากลับออกมาได้ประมาณ 5-7 วัน

ที่พัก Myrtle Cottage สะดวกสบาย ซื้ออาหารมาทำกินกันเองเพราะร้านค้าไกลมาก สัญญาณ Wifi ไม่ดีต้องขับออกมาตามจุดท่องเที่ยวทั่วไป

ภาพหาดและทะเลที่  Vivonne Bay ค่ะ

Vivonne Bay มีเพียงเราสองคนมาเดินเล่น
 

  

ระยะที่พักเราก็ไปเที่ยวหลายจุดมากเลยค่ะ การเที่ยวที่เกาะนี้ต้องเสียค่าเข้านะคะสามารถซื้อ Pass ราคา 78 เหรียญต่อคน ใช้เข้าจุดท่องเที่ยวได้ทุกที่เป็นระยะเวลา 5 วัน
มาเริ่มกันที่ Seal Bay ค่ะ เยอะแยะมากมายนอนกันเต็มหาด เราเข้ามาดู 2 วันเลยเพราะ Seal Bay นั้นไม่ไกลจากที่เราพักและด้วยกล้องของสามีตั้งค่าผิดถ่ายรูปในวันแรกสีของรูปออกเป็นน้ำตาลหมด เลยต้องกลับไปใหม่จะเห็นได้ว่ารูปถ่ายสีต่างกัน รวมทั้งอากาศเริ่มขมุกขมัวเพราะควันจากไฟป่าลอยมาทาง Adelaide Hills ซึ่งเริ่มก่อตัวเป็นบางจุด

ทะเลของแถบ Seal Bay
    
   

ไม่ไกลจาก Seal Bay ก็จะมี Sand dunes มีคนไปเล่น Sand boarding กันบริษัทเอกชนเป็นคนทำถ้าจะไปเล่นก็ต้องเสียเงินต่างหากไม่ได้รวมในตั๋วที่ซื้อมา แต่เราไม่ได้เล่นเพียงแค่ไปดูว่าสูงแค่ไหน เพราะเราได้ไปเล่นที่ Huacachina ประเทศ Peru มาแล้ว แต่ที่นี่ Sand dunes ทรายจะสีขาวมากค่ะ
 

จากนั้นเราก็ขับไปดูหินแกรนิตรูปร่างแปลกต อลังการณ์มาก เรียกว่า Remarkable Rocks อายุ 500ล้านปีเป็นหินแกรนิตตั้งอยู่ ณ Flinders Chase National Park บนเกาะเลย หินนี้มีมาแต่สมัยเกาะยังไม่แยกตัวออกมารุ่น Godwana ค่ะ
     
กล้องสามีตั้งค่าผิด รูปเลยออกสีแปลก ๆ ค่ะ

กล้องสามีตั้งค่าผิด รูปเลยออกสีแปลก ๆ ค่ะ


กล้องสามีตั้งค่าผิด รูปเลยออกสีแปลก ๆ ค่ะ



วันต่อมาก็ไปเที่ยว Emu Bay ภาพในเน็ตหาดขาวมาก น้ำทะเลฟ้า ตอนเราไปเป็นวันที่อากาศขมุกขมัวเพราะไฟป่าเริ่มก่อตัวเลยได้ภาพแบบไม่เคลีย์ ภาพด้านล่างจากเน็ตนะคะ southaustralia.com หาดกว้างรถขับไปจอดได้ค่ะ

ส่วนด้านล่างนี้จากวันที่เราไป ภาพสวยแต่ไม่เข้มมาก
 
ถนนไป Emu bay จะมีนาเกลือขึ้นเองตามธรรมชาติมากมายหลายจุดค่ะ

รวมทั้งไปเที่ยวถ้ำ Kelly Hill Cave ไกด์อธิบายว่าหินงอกปกติจะงอกลงมา แต่ที่นี่จะมีงอกขึ้นเป็นรูปต่าง ๆ ด้วยค่ะ
 
ไฟฉายส่งให้เห็นว่าพื้นถ้ำเป็นคริสตัล



หินงอกย้อนขึ้น

หินงอกย้อนขึ้น


ต่อไปก็ขับกันไปดูแถบที่เรียกว่า American River เป็น Bay เล็กธรรมชาติสวยงามค่ะ 

ขับต่อไปที่ Cape Du Couedic ริมทะเลมีบันใดให้ลงไปถ่ายภาพ Admiral 's Arch ซึ่งลึกประมาณ 15 เมตรกันค่ะ


แล้วก็ขับรถชมอ่าวและหาดทรายหลาย ๆ จุดค่ะ

Nelson Bay
 
Boudin Bay

Boudin Bay

Hog Bay
[img]https://f.ptcdn.info/764/067/000/q4ajkwnkuTGmBggOwvd-o.jpg[/im