นานน๊านนน จะมารีวิวที่พักกันซะทีนะ เพราะว่ามันแต่เที่ยวๆและกินๆ ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่ผ่านมาได้ไปเที่ยวฟุคุชิมะมาจ้า เพราะรอที่โตเกียวไม่ไหว ช้าเหลือเกิน เลยขึ้นเหนือโตเกียวไปนิดหน่อยเท่านั้นเอง
ที่พักนี้เพิ่งเปิดใหม่ กล่าวขานเล่าสู่กันฟังในหมู่สื่อท้องถิ่นญี่ปุ่นว่า ที่นี่มีประวัติดีเหลือเกิน เนื่องจากลอดจ์หรือบ้านพักตากอากาศนี้ เดิมเคยเป็นของคุณจุงโกะ ทาเบอิ ที่เป็นนักไต่เขาระดับโลก นักไต่เข่าหญิงคนแรกที่ปีนพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ได้ นั่นไงๆ ที่นี่เลยมีของดีที่ควรไป เมื่อถึงแล้วจึงไม่แปลกใจเลยที่ด้านในลอดจ์จะตกแต่งแบบธีมตะวันตกและมีรูปเกี่ยวกับการไต่เขาอยู่ วู้ววว
Numajiri Kogen Lodge อยู่เมือง Inawashiro จ.ฟุคุชิมะ นะคะ นั่งรถไฟจากโตเกียวมาแป๊บเดียว
มาๆ ไปส่องข้างในกัน โชคดีนะคิดได้ว่าควรเก็บภาพเอาไว้บ้าง ไม่งั้นคงกระโดดเข้าที่พักเหมือนเคยแน่นอน ด้านในพอเข้ามาปุ๊บ โอก้าก็เริ่มส่องๆทันที เพราะเรื่องแบบนี้โอก้าถนัดนักแล เจอโต๊ะทานข้าว มีแก้วไวน์วางอยู่ อร๊ายยย ขอด้วยยยย
ยังจ้ายัง ไม่ใช่เวลาอาหารค่ำนะ ลืมบอกไปว่า มัวแต่ขี้โม้จนลืมถ่ายรูปอะไรมาเลย หันขวับมาอีกที กรรมของเวร เหลือแต่จานและถ้วยเปล่า ไม่มีข้าวเหลือสักเม็ด เรียกได้ว่า หมาเห็นแล้วยังร้องไห้เลย ไม่เหลือแม้แต่กระดูก เอาของมาเก็บกันในห้อง เปิดประตูมาปุ๊บ โอ้ววว โรแมนติกเหลือเกิน
วิ่งวนไปรอบๆอย่างตื่นตาตื่นใจ ห้องนี้ไม่ได้จองแพงมาก แต่เพราะเทียบกับความสะดวกสบายและความสุขสงบตามประสาน่ะนะ พร้อมอาหารออร์แกนิคและปรุงด้วยวัตถุดิบจากท้องถิ่นแถวนี้ ทำให้โอก้าว่า มันดีต่อใจมากจ๊ะ อยากสนับสนุน ... เตียงนุ่มมากแม่เอ๊ย
ดูอ่างล้างหน้าบ้าง อุปกรณ์ล้างหน้า ทำความสะอาด ทุกสิ่งทุกอย่างมาจากออร์แกนิค ใครขอบแนวนี้ต้องถูกใจล่ะ
ตะกร้าผ้าใส่ผ้าเช็ดตัวและชุดนอน คุ้นเคยเหมือนตะกร้าเชี่ยนหมากของยายเลยจ๊ะ ยายจ๋า
อย่าให้ถึงกับต้องไปง้างฝาส้วมถ่ายเลยนะ 555
มาดูมุมเมรีขี้เมากันเถอะ ที่มานี่ไม่ใช่อะไรนะ เค้าบอกว่าที่นี่เสิร์ฟเครื่องดื่มฟรีตลอดๆๆ คืนที่เค้าเปิดบริการเลยจ้า เอาสิจ๊ะ งานนี้ทุ่มสุดตัว นั่งเฝ้าเคาท์เตอร์กันเลย
ส่องแม้กระทั่งพื้น ขำตัวเอง สรุป สะอาดเอี่ยมกว่าพื้นบ้านตัวเอง เฮ้อ สบายใจ
ที่นั่งเก้าอี้ก็มีให้เลือกมากมายจริงๆ นั่งกระจายกันไป มีแขกมาแล้วค่อยมาสุมกันเหมือนเดิม ขอบอกๆว่าบรรยากาศแบบนี้ เหมาะแก่การนั่งเมาท์เรื่องความหลังสมัยเด็กมากที่สุด สมัยทำแสบไว้กับแม่
ยังติดใจห้องนี้ ถ่ายมาไม่ยั้งเลย ไปพักที่ไหนมาก็ไม่สบายใจแบบง่ายๆ แบบนี้ ความที่เหมือนเป็นกันเองมากๆ
แน๊ๆๆ ลายที่พรมก็มีนะจ๊ะ ไม่รอดพ้นสายตาของโอก้าได้หรอก เก็บทุกรายละเอียดจริงๆ
อิ่มหนำสำราญใจแล้ว ก็มองห้องนี้อย่างละห้อยๆ เพราะบรรยากาศดีและมีความสุขจริงๆ กลับห้องนอนก่อนละกันนะ
เช้านี้สดใส ออกมาสูดอากาศ ตักบาตร เอ๊ย เดินเล่นกันจ้า ตอนที่ไปมีแพะตัวนึงอยู่ที่ลอดจ์ด้วยนะ มันหนีไต้ฝุ่นมาหลบที่นี่ แต่ตอนนี้ทราบว่าถูกย้ายกลับบ้านที่ชิบะแล้วจ้า น่ารักเนอะ กินหญ้าน่าอร่อยเชียว ดูไปแอบกลืนน้ำลายไป
ด้านนอกสวยงาม ธรรมชาติที่สุด ได้ยินเสียงนกร้องไปมา เค้าบอกว่าบางทียังมีสัตว์ป่าเดินไปมาด้วยนะ ตะกี้เห็นลิงที่ริมถนนใหญ่ด้วย
วิวด้านนอกที่ส่วนของออนเซ็นกลางแจ้ง กลิ่นควันฉุยๆลอยมาเลยจ้า ขอบอกว่าออนเซ็นน้ำดีมาก ผิวนุ่มลื่นๆเลย
ขอเค้าไปถ่ายด้านในเนื่องจากว่า ไม่มีคนเข้าตอนที่เราอาบ ด้านในมีที่อาบน้ำและบ่อเล็กๆ บ่อใหญ่จะอยู่ด้านนอกจ้า น้ำสีฟ้าเขียว สวยเนอะ
ด้านในนี้ ต้องทำความสะอาดร่างกายก่อนเน้อ ก่อนที่จะไปแช่รวมกับคนอื่นน่ะจ้า
ด้านนอกระเบียง สำหรับนั่งชมวิว คุยเล่นกัน โอก้าสำรวจมาหมดแหล่ะ ขาดที่เดียวคือเข้าครัวไปยืนข้างเชฟ
หนาวละเข้ามาอุ่นตัวที่เตาผิงกันก่อนละกัน ด้านในนี้มีเตาผิงสองตัวนะ คือตรงห้องรับแขกและตรงห้องทานข้าว แต่เราชอบมานั่งที่ห้องทานข้าวมากกว่า เพราะเราชอบมานั่งดื่มอะไรตรงนี้
มีตุ๊กตาไม้ด้วย เดี๋ยวเอาไว้ไปคราวหน้า โอก้าจะถือตุ๊กตาไม้หญิงสาวยืนสวัสดีไปฝากดีมั้ยนะ
ออกจากที่พัก โดยให้พนักงานมาส่งที่สถานี Inawashiro ที่อยู่ห่าวแค่ราว 15-20 นาที แล้วเราไปเที่ยวบึงน้ำห้าสีกัน เรียกว่า Goshikinuma การเดินทางไปนี่คือนั่งบัสจากหน้าสถานีเลยจ้า คนจากเมืองอื่นต้องตื่นเช้ามากัน แต่เราพักแถวนี้ เราเลยเดินทางสบายออกสายได้ โฮะๆๆ เดินทางแค่แป๊บเดียวถึงละ
โอก้าแปะรายละเอียดไว้ให้นะคะ เพราะว่าจองง่ายจริงๆ เนื่องจากที่นี่มีเพจภาษาไทยโดยพนักงานคนไทยด้วย
https://www.facebook.com/numajiri.thai/ เพราะโอก้าก็หาข้อมูลจากที่นี่แหล่ะ เริ่ดเนอะ
หรือใครจะแอดวานซ์ไปชมเพจภาษาญี่ปุ่น เวบไซต์ก็ที่นี่เลยนะ
www.numajiri-lodge.com
ภาพสวยจริงๆค่ะ
มาถึงบึงน้ำห้าสีแว้วววววว กระโดดลงไปได้ไหมเนี่ย ลืมบอก นี่ช่วงกลาง พฤศจิกายน จ้า
ตำนานเล่าว่า ผู้ใดเจอปลาคราฟสีขาวลายหัวใจสีแดง ผู้นั้นจะโชคดีตลอดไป โอ้ววว จะเจอไหมล่ะ มีเป็นร้อยตัว
ถ้าใจยังไหว ก็ให้มันสั่งมา ว่าควรเดินไปให้ครบ 5 บึงเลยนะ เพราะเมื่อไปจนสุดทางด้านบน จะมีรถบัสมารับกลับสถานี Inawashiro เหมือนเดิม สบายยย
หากมีแรงเที่ยวต่อ เอ๊าไปกัน นั่งรถไฟมาสถานี Aizuwakamatsu กันเลยจ้า สถานีนี้มีวัวอาคะเบโกะสีแดงด้วยนะ กดปุ่มข้างตัวไป เดี๋ยวจะร้องเพลง... แอบจะร้องตาม แต่ไม่สามารถค่ะ
นั่งรถบัสวิ่งวนเที่ยวในเมืองกันดีกว่า แนะนำว่าควรซื้อพาสนะคะ เพราะคุ้มมากจริงๆ ที่ขายพาสบัส 1 วันนั้นก็อยู่ตรงใกล้ที่รถจอดเลยจ้า มีบัสสองสายชื่อ Haikara san และ Akabeko วิ่งตามเข็มนาฬิกา กับวิ่งทวนเข็มนาฬิกา ราคาพาสใบละ 600 เยน เด็ก 300 เยนจ้า
ดูรายละเอียดบัส และบัสเส้นทางอื่นๆ
https://aizuwakamatsu.mylocal.jp/trip/access/bus/haikara-san_akabe
มาฟุคุชิมะทั้งที ก็ต้องปราสาทสึรุกะเลยจ้า สวยงามและพีคที่สุด เห็นแล้ววิ่งไปถ่ายรูปเกือบขาขวิดกัน ใบไม้แดง ใบไม้เหลือง เต็มไปหมด ยอมเลยๆ
ที่สุดแห่งความพอใจของโอก้าในทริปนี้คือ การได้มาปราสาทสึรุกะ ด้วยชอบประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นเป็นทุนเดิม รวมถึงชอบความเป็นซามูไร นินจา จึงตื่นเต้นตลอดที่ได้เห็น
เมื่อเดินทางกลับโตเกียวก็แสนจะง่ายดายจริงๆเลย นั่งรถไฟสาย Ban etsu line ไปลงที่สถานี Koriyama จากนั้นค่อยต่อชินคันเซ็นกลับโตเกียว
โอก้าคิดว่า สีสันของการเดินทางไม่ได้อยู่ที่เก็บทุกจุดเช็คอินจนแทบไม่ได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศดีๆสักที่เลยนะ คราวนี้โอก้าตั้งใจมาใช้ช่วงเวลาเงียบๆ สงบสักคืนสองคืน ก่อนที่จะออกเที่ยวตามประสาคนชอบธรรมชาติ พักใกล้ที่เที่ยว ก็ทำให้เราเที่ยวได้อย่างเต็มที่เลยค่ะ
ที่สุดแห่งที่พักในฝัน เจอแล้วว Numajiri Kogen Lodge ฟุคุชิมะ
ที่พักนี้เพิ่งเปิดใหม่ กล่าวขานเล่าสู่กันฟังในหมู่สื่อท้องถิ่นญี่ปุ่นว่า ที่นี่มีประวัติดีเหลือเกิน เนื่องจากลอดจ์หรือบ้านพักตากอากาศนี้ เดิมเคยเป็นของคุณจุงโกะ ทาเบอิ ที่เป็นนักไต่เขาระดับโลก นักไต่เข่าหญิงคนแรกที่ปีนพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ได้ นั่นไงๆ ที่นี่เลยมีของดีที่ควรไป เมื่อถึงแล้วจึงไม่แปลกใจเลยที่ด้านในลอดจ์จะตกแต่งแบบธีมตะวันตกและมีรูปเกี่ยวกับการไต่เขาอยู่ วู้ววว
Numajiri Kogen Lodge อยู่เมือง Inawashiro จ.ฟุคุชิมะ นะคะ นั่งรถไฟจากโตเกียวมาแป๊บเดียว
มาๆ ไปส่องข้างในกัน โชคดีนะคิดได้ว่าควรเก็บภาพเอาไว้บ้าง ไม่งั้นคงกระโดดเข้าที่พักเหมือนเคยแน่นอน ด้านในพอเข้ามาปุ๊บ โอก้าก็เริ่มส่องๆทันที เพราะเรื่องแบบนี้โอก้าถนัดนักแล เจอโต๊ะทานข้าว มีแก้วไวน์วางอยู่ อร๊ายยย ขอด้วยยยย
ยังจ้ายัง ไม่ใช่เวลาอาหารค่ำนะ ลืมบอกไปว่า มัวแต่ขี้โม้จนลืมถ่ายรูปอะไรมาเลย หันขวับมาอีกที กรรมของเวร เหลือแต่จานและถ้วยเปล่า ไม่มีข้าวเหลือสักเม็ด เรียกได้ว่า หมาเห็นแล้วยังร้องไห้เลย ไม่เหลือแม้แต่กระดูก เอาของมาเก็บกันในห้อง เปิดประตูมาปุ๊บ โอ้ววว โรแมนติกเหลือเกิน
วิ่งวนไปรอบๆอย่างตื่นตาตื่นใจ ห้องนี้ไม่ได้จองแพงมาก แต่เพราะเทียบกับความสะดวกสบายและความสุขสงบตามประสาน่ะนะ พร้อมอาหารออร์แกนิคและปรุงด้วยวัตถุดิบจากท้องถิ่นแถวนี้ ทำให้โอก้าว่า มันดีต่อใจมากจ๊ะ อยากสนับสนุน ... เตียงนุ่มมากแม่เอ๊ย
ดูอ่างล้างหน้าบ้าง อุปกรณ์ล้างหน้า ทำความสะอาด ทุกสิ่งทุกอย่างมาจากออร์แกนิค ใครขอบแนวนี้ต้องถูกใจล่ะ
ตะกร้าผ้าใส่ผ้าเช็ดตัวและชุดนอน คุ้นเคยเหมือนตะกร้าเชี่ยนหมากของยายเลยจ๊ะ ยายจ๋า
อย่าให้ถึงกับต้องไปง้างฝาส้วมถ่ายเลยนะ 555
มาดูมุมเมรีขี้เมากันเถอะ ที่มานี่ไม่ใช่อะไรนะ เค้าบอกว่าที่นี่เสิร์ฟเครื่องดื่มฟรีตลอดๆๆ คืนที่เค้าเปิดบริการเลยจ้า เอาสิจ๊ะ งานนี้ทุ่มสุดตัว นั่งเฝ้าเคาท์เตอร์กันเลย
ส่องแม้กระทั่งพื้น ขำตัวเอง สรุป สะอาดเอี่ยมกว่าพื้นบ้านตัวเอง เฮ้อ สบายใจ
ที่นั่งเก้าอี้ก็มีให้เลือกมากมายจริงๆ นั่งกระจายกันไป มีแขกมาแล้วค่อยมาสุมกันเหมือนเดิม ขอบอกๆว่าบรรยากาศแบบนี้ เหมาะแก่การนั่งเมาท์เรื่องความหลังสมัยเด็กมากที่สุด สมัยทำแสบไว้กับแม่
ยังติดใจห้องนี้ ถ่ายมาไม่ยั้งเลย ไปพักที่ไหนมาก็ไม่สบายใจแบบง่ายๆ แบบนี้ ความที่เหมือนเป็นกันเองมากๆ
แน๊ๆๆ ลายที่พรมก็มีนะจ๊ะ ไม่รอดพ้นสายตาของโอก้าได้หรอก เก็บทุกรายละเอียดจริงๆ
อิ่มหนำสำราญใจแล้ว ก็มองห้องนี้อย่างละห้อยๆ เพราะบรรยากาศดีและมีความสุขจริงๆ กลับห้องนอนก่อนละกันนะ
เช้านี้สดใส ออกมาสูดอากาศ ตักบาตร เอ๊ย เดินเล่นกันจ้า ตอนที่ไปมีแพะตัวนึงอยู่ที่ลอดจ์ด้วยนะ มันหนีไต้ฝุ่นมาหลบที่นี่ แต่ตอนนี้ทราบว่าถูกย้ายกลับบ้านที่ชิบะแล้วจ้า น่ารักเนอะ กินหญ้าน่าอร่อยเชียว ดูไปแอบกลืนน้ำลายไป
ด้านนอกสวยงาม ธรรมชาติที่สุด ได้ยินเสียงนกร้องไปมา เค้าบอกว่าบางทียังมีสัตว์ป่าเดินไปมาด้วยนะ ตะกี้เห็นลิงที่ริมถนนใหญ่ด้วย
วิวด้านนอกที่ส่วนของออนเซ็นกลางแจ้ง กลิ่นควันฉุยๆลอยมาเลยจ้า ขอบอกว่าออนเซ็นน้ำดีมาก ผิวนุ่มลื่นๆเลย
ขอเค้าไปถ่ายด้านในเนื่องจากว่า ไม่มีคนเข้าตอนที่เราอาบ ด้านในมีที่อาบน้ำและบ่อเล็กๆ บ่อใหญ่จะอยู่ด้านนอกจ้า น้ำสีฟ้าเขียว สวยเนอะ
ด้านในนี้ ต้องทำความสะอาดร่างกายก่อนเน้อ ก่อนที่จะไปแช่รวมกับคนอื่นน่ะจ้า
ด้านนอกระเบียง สำหรับนั่งชมวิว คุยเล่นกัน โอก้าสำรวจมาหมดแหล่ะ ขาดที่เดียวคือเข้าครัวไปยืนข้างเชฟ
หนาวละเข้ามาอุ่นตัวที่เตาผิงกันก่อนละกัน ด้านในนี้มีเตาผิงสองตัวนะ คือตรงห้องรับแขกและตรงห้องทานข้าว แต่เราชอบมานั่งที่ห้องทานข้าวมากกว่า เพราะเราชอบมานั่งดื่มอะไรตรงนี้
มีตุ๊กตาไม้ด้วย เดี๋ยวเอาไว้ไปคราวหน้า โอก้าจะถือตุ๊กตาไม้หญิงสาวยืนสวัสดีไปฝากดีมั้ยนะ
ออกจากที่พัก โดยให้พนักงานมาส่งที่สถานี Inawashiro ที่อยู่ห่าวแค่ราว 15-20 นาที แล้วเราไปเที่ยวบึงน้ำห้าสีกัน เรียกว่า Goshikinuma การเดินทางไปนี่คือนั่งบัสจากหน้าสถานีเลยจ้า คนจากเมืองอื่นต้องตื่นเช้ามากัน แต่เราพักแถวนี้ เราเลยเดินทางสบายออกสายได้ โฮะๆๆ เดินทางแค่แป๊บเดียวถึงละ
โอก้าแปะรายละเอียดไว้ให้นะคะ เพราะว่าจองง่ายจริงๆ เนื่องจากที่นี่มีเพจภาษาไทยโดยพนักงานคนไทยด้วย
https://www.facebook.com/numajiri.thai/ เพราะโอก้าก็หาข้อมูลจากที่นี่แหล่ะ เริ่ดเนอะ
หรือใครจะแอดวานซ์ไปชมเพจภาษาญี่ปุ่น เวบไซต์ก็ที่นี่เลยนะ
www.numajiri-lodge.com
ภาพสวยจริงๆค่ะ
มาถึงบึงน้ำห้าสีแว้วววววว กระโดดลงไปได้ไหมเนี่ย ลืมบอก นี่ช่วงกลาง พฤศจิกายน จ้า
ตำนานเล่าว่า ผู้ใดเจอปลาคราฟสีขาวลายหัวใจสีแดง ผู้นั้นจะโชคดีตลอดไป โอ้ววว จะเจอไหมล่ะ มีเป็นร้อยตัว
ถ้าใจยังไหว ก็ให้มันสั่งมา ว่าควรเดินไปให้ครบ 5 บึงเลยนะ เพราะเมื่อไปจนสุดทางด้านบน จะมีรถบัสมารับกลับสถานี Inawashiro เหมือนเดิม สบายยย
หากมีแรงเที่ยวต่อ เอ๊าไปกัน นั่งรถไฟมาสถานี Aizuwakamatsu กันเลยจ้า สถานีนี้มีวัวอาคะเบโกะสีแดงด้วยนะ กดปุ่มข้างตัวไป เดี๋ยวจะร้องเพลง... แอบจะร้องตาม แต่ไม่สามารถค่ะ
นั่งรถบัสวิ่งวนเที่ยวในเมืองกันดีกว่า แนะนำว่าควรซื้อพาสนะคะ เพราะคุ้มมากจริงๆ ที่ขายพาสบัส 1 วันนั้นก็อยู่ตรงใกล้ที่รถจอดเลยจ้า มีบัสสองสายชื่อ Haikara san และ Akabeko วิ่งตามเข็มนาฬิกา กับวิ่งทวนเข็มนาฬิกา ราคาพาสใบละ 600 เยน เด็ก 300 เยนจ้า
ดูรายละเอียดบัส และบัสเส้นทางอื่นๆ
https://aizuwakamatsu.mylocal.jp/trip/access/bus/haikara-san_akabe
มาฟุคุชิมะทั้งที ก็ต้องปราสาทสึรุกะเลยจ้า สวยงามและพีคที่สุด เห็นแล้ววิ่งไปถ่ายรูปเกือบขาขวิดกัน ใบไม้แดง ใบไม้เหลือง เต็มไปหมด ยอมเลยๆ
ที่สุดแห่งความพอใจของโอก้าในทริปนี้คือ การได้มาปราสาทสึรุกะ ด้วยชอบประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นเป็นทุนเดิม รวมถึงชอบความเป็นซามูไร นินจา จึงตื่นเต้นตลอดที่ได้เห็น
เมื่อเดินทางกลับโตเกียวก็แสนจะง่ายดายจริงๆเลย นั่งรถไฟสาย Ban etsu line ไปลงที่สถานี Koriyama จากนั้นค่อยต่อชินคันเซ็นกลับโตเกียว
โอก้าคิดว่า สีสันของการเดินทางไม่ได้อยู่ที่เก็บทุกจุดเช็คอินจนแทบไม่ได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศดีๆสักที่เลยนะ คราวนี้โอก้าตั้งใจมาใช้ช่วงเวลาเงียบๆ สงบสักคืนสองคืน ก่อนที่จะออกเที่ยวตามประสาคนชอบธรรมชาติ พักใกล้ที่เที่ยว ก็ทำให้เราเที่ยวได้อย่างเต็มที่เลยค่ะ