ไม่มีประสบการณ์ ทำงานอะไรได้บ้าง?

สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมาเเชร์เกี่ยวกับการหางานที่ไม่ต้องการประสบการณ์ จากประสบการณ์ของเราเอง มาให้เพื่อนๆได้ฟังกันค่ะ

ก่อนอื่นเลย สิ่งที่เราจะนำมาเเชร์กับเพื่อนๆต่อไปนี้ เป็นเพียงประสบการณ์จากการหางานของเราเองทั้งหมดนะ ไปลองด้วยตัวเอง สมัครด้วยตัวเอง ซึ่งตอนนั้นจำได้ว่า หางานเยอะมาก จ้องมือถือ โน๊ตบุ๊คเเทบอ้วกเลยค่ะ🤯

หลายๆคนน่าจะเคยลองผ่านประสบการณ์ การสมัครงานกันมาบ้างเเล้ว จะสังเกตได้ว่า ตามเว็บไซต์สมัครงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Jobthai, Jobsdb, Jobtopgun, Jobbkk เเละอื่นๆอีกมากมายก่ายกอง 5555+

เราจะเห็นงานในเว็บไซต์ขึ้นเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็น งานที่ต้องมีประสบการณ์มาอยู่ก่อนเเล้ว อย่างน้อยกี่เดือน กี่ปี ก็ว่ากันไป เเล้วเเต่ว่าทางบริษัทจะกำหนดไว้เท่าไหร่ หรือต้องการสกิลเฉพาะทาง ในงานด้านนั้นๆ เป็นต้น

ในทางกลับกัน บางบริษัทหรืองานบางประเภทเเทบจะไม่ต้องใช้ค่าประสบการณ์อะไรเลย เเค่เอาคุณสมบัติทั่วๆไป เช่น อย่างน้อยต้องจบ ป.ตรี หรือ วุฒิปวช./ปวส. หรือมีใบขับขี่ยานยนต์ก็จะพิจารณาเป็นพิเศษ เป็นต้น

ซึ่งวันนี้เราจะมาเเนะนำเกี่ยวกับการที่เราไม่มีประสบการณ์อะไรเลยในงาน หรือจบมาไม่ตรงสาย เเต่ว่าอยากหางานทำ เเต่ก็ไม่รู้อีกอยู่ดีว่าเราจะเหมาะกับงานนั้นไหม หรือคิดไม่ออกว่าจะทำงานอะไรดี ไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหนก่อนดีเเละตอนนี้!! เราก็มีคำตอบให้เพื่อนๆไม่ต้องเครียดกันเเว้วว หู้วววว🤩

ก่อนอื่นเลย ประเภทของงานที่ไม่ต้องการประสบการณ์ทางด้านการทำงาน จะเป็นประเภทเกี่ยวกับการให้บริการทั้งหมด เช่น

- งานด้านการขาย(Sales)
- งานครัว
- งานทำความสะอาด
- งานในร้านอาหารหรือร้านเครื่องดื่ม
- งานธุรการ
- Customers Service
- งานโรงงาน

ทั้งหมดนี้คือ งานที่ไม่ต้องการประสบการณ์ทั้งหมด ขึ้นอยู่กับว่าเราสนใจทางด้านไหน เเค่นั้นเอง เพราะว่างานประเภทเกี่ยวกับการบริการทั้งหมดนี้ จะมีข้อกำหนดเรื่อง คุณสมบัติในการสมัครงานเหมือนกันหมด ได้เเก่

- อายุ 18 ปีขึ้นไป
- ไม่กำหนดระดับการศึกษาขั้นต่ำ(เเต่บางที่ก็กำหนด ปวช. ปวส.ขึ้นไป)
- ยินดีรับนักศึกษาจบใหม่
- ไม่ต้องการประสบการณ์

ซึ่งที่เราพูดมานั้น มีทั้งงาน Part time เเละ Full time อันนี้ก็เเล้วเเต่ที่ทำงานอีกว่าเปิดรับเเบบไหน ถ้าที่เราเคยดูผ่านๆมา เราจะเห็น Full time เยอะกว่า Part time มากๆเลย

เพราะว่างานประเภทนี้ทั้งหมด ต้องการคนมาประจำอยู่เเล้ว ก็คือเค้าต้องการคนที่สามารถทำได้ในระยะยาวนั่นเเหละ เพื่อที่จะได้สอนงานคนที่มาสมัครทั้งหมดในทีเดียวเเล้วก็เอาเข้าเป็นอัตราจ้างเลย

มันจะมีงานอยู่เเค่ประเภทเดียวเท่านั้นที่คนออกง่าย เเล้วก็เข้าง่ายเช่นกัน นั่นก็คือ งานเซลล์นั่นเอง งานประเภทนี้เรียกได้ว่าเป็นคนที่หากำไรเข้าบริษัท เป็นเเนวหน้าเลยก็ว่าได้

เพราะถ้าขายไม่ได้ บริษัทก็ไม่มีเงิน ต้องคอยทำยอดอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นงานที่มีความกดดันสูง เเล้วก็เครียดด้วย เลยเป็นสาเหตุว่า ทำไมคนถึงเข้าง่าย  เเล้วก็เปิดรับสมัครงานค่อนข้างเยอะ


อย่างที่เราได้บอกไปในข้างต้นเเล้วว่า งานทั้งหมดที่เราพูดถึงนั้น ล้วนเเล้วเเต่ไม่ต้องการประสบการณ์ทางด้านการทำงานเลย ขอเเค่มีใจรักในงานด้านบริการ เเละคุณสมบัติตรงตามที่เค้าต้องการก็พอเเล้ว

เพราะว่าในงานประเภทบริการทั้งหมดนี้ เมื่อเข้าไปทำงานได้เเล้ว เเทบจะเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด ซึ่งก็มีคนสอนเราอยู่ดีค่ะ เพื่อนๆไม่ต้องกังวลไปว่า กลัวจะทำงานไม่ได้เพราะตัวเองไม่เป็นอะไรมาเลย

เเต่เราต้องบอกก่อนนะว่า งานประเภทนี้ เงินเดือนไม่สูงมาก เริ่มต้นการจ้างงานอยู่ประมาณที่ 9,000 บาทขึ้นไป จนถึง 14,000 เเละ 15,000 บาท เผลอๆในสภาพเศรษฐกิจตอนนี้ อยู่ประมาณที่ 13,000 ด้วยซ้ำ นั่นคือสูงสุดสำหรับการจ่ายเงินเดือนเเล้วนะคะ

ยกเว้นงานที่เป็นงานด้านการขายนะคะหรือพนักงานเซลล์ งานประเภทนี้ เป็นงานที่ต้องคอยทำยอดขายตลอดเหมือนอย่างที่เราได้เกริ่นๆไปตอนเเรก เเละถ้าเราสามารถทำยอดขายได้หรือขายสินค้าออก

เราก็จะได้เงินจากค่าคอมมิชชั่นเยอะมาก(ค่าคอมมิชชั่น=ค่านายหน้า พูดง่ายๆคือ มันเป็นเงินที่ได้จากการเเบ่งเปอร์เซนต์ของสินค้าที่เราขายได้) ยิ่งถ้าคนขายของเก่งๆ โอกาสที่จะได้เงินหลายหลักก็มี หลักล้านก็มีนะจ๊ะ

เเต่ในขณะเดียวกัน ถ้าเราทำยอดขายไม่ได้ตรงตามเป้าที่บริษัทกำหนดไว้ เงินก็จะน้อยลงเช่นกัน หรือในกรณีที่เลวร้ายกว่านั้น เราอาจจะขายของไม่ได้เลย เงินค่าคอมมิชชั่นก็จะหายวับไปกับตาเลยค่ะ

เมื่อเป็นเช่นนั้นเเล้ว เราจะมีเงินที่เป็นเงินเดือนพื้นฐานเท่านั้น ซึ่งเงินเดือนของงานประเภทนี้จากที่เราเคยลองดูผ่านๆมา เงินเดือนขั้นต่ำอยู่ที่ 10,000 บาท/เดือน เเค่นั้นยังไม่พอ เผลอๆอาจจะโดนไล่ออกจากบริษัทเลยก็เป็นได้

อย่างที่เราได้บอกไปในตอนเเรก งานตำเเหน่งนี้เป็นงานที่ค่อนข้างกดดันพอสมควร มีคนมาสมัครงานใหม่ทุกวัน เเต่ก็ออกจากงานทุกวันด้วยเช่นกัน
เมื่อเพื่อนๆเห็นเเบบบนี้เเล้ว เพื่อนๆไม่ต้องรู้สึกท้อเเท้ไปนะคะ ซึ่งเราเข้าใจเป็นอย่างดีเลย ไอ่ความรู้สึกที่มันกดดันเราจากสภาพเเวดล้อมรอบตัว ความเครียด ความกังวล ที่เกิดขึ้นภายในใจเรา เพราะเราก็รู้สึกยังงั้นมาก่อน

เเต่เราอยากให้เพื่อนลองคิดเเบบนี้ดูว่า ตอนนี้ทำเพื่อหาประสบการณ์การทำงานไปก่อน อย่างน้อย 6 เดือน สำหรับการหาประสบการณ์ที่เรายังไม่มี เเค่นั้นพอ


คำถาม : เเล้วทำไมต้องทำเเค่ 6 เดือนเองล่ะ? ทำไปเรื่อยๆไม่ได้หรอ? อุตส่าห์ได้งานเเล้วนะ !?

คำตอบ : เพราะบริษัทส่วนใหญ่ที่เอาเด็กจบมาตรงสาย เค้ามีฝึกงานกันอยู่เเล้ว ซึ่งเด็กจบมาตรงสายก็จะได้ค่าประสบการณ์ไปเเล้วอย่างน้อย 1 ปี 
เเต่ในทางกลับกันสำหรับคนที่ไม่มีประสบการณ์อะไรมาเลย จะมีบางบริษัทเอาค่าประสบการณ์ อย่างน้อย 6 เดือน ขึ้นไป
(ขึ้นอยู่กับประเภทงานที่เราจะไปสมัครด้วยนะคะ)
เเล้วก็อย่าลืมนะว่าเรามาหาประสบการณ์ เพื่อเป็นการเพิ่มจุดเเข็งในตัวเรา หรือทักษะต่างๆที่เรายังไม่มี หรือทำได้ไม่ดีพอ


นอกจากนี้ ทุกช่วง 6 เดือนอมันจะเป็นช่วงที่คนออกจากงาน เเละเข้ามาสมัครงาน มันจะเป็นช่วงกลางปี เเละท้ายปี

เพราะฉะนั้นเเล้ว เพื่อไม่ให้เราต้องเสียเวลาเยอะสำหรับการหาประสบการณ์การทำงานของเรา หรือถ้าเกิดว่าเราติดใจงานที่ทำอยู่ในช่วงหาประสบการณ์ เราก็ดูว่างานที่เราทดลองทำอยู่นั้น มีความก้าวหน้าทางอาชีพการงานไหม? เงินเดือนพอไหม?กับการใช้เลี้ยงชีพตัวเอง

ซึ่งเราบอกเลยว่า งานบางงาน เงินเดือนเเทบไม่พอใช้ชีวิตในกรุงเทพเลยนะ คนมีบ้านในกรุงเทพก็ดีหน่อย เสียเเค่ค่าเดินทางเท่านั้น ส่วนคนที่ไม่ได้มีบ้านในกรุงเทพ เเต่ต้องเช่าหอ หรือคอนโดอยู่นี่ไม่ต้องพูดถึงเลยว่า จะจ่ายเยอะมากเเค่ไหนต่อเดือน

เเต่ถ้าทดลองดูงานเเล้ว เเล้วเราไม่ชอบ เราจะได้มีโอกาสในการหางานใหม่ เพิ่มมากขึ้นเพราะมันเป็นช่วงคนเข้า คนออก จากงาน

พอมาถึงจุดนี้เเล้วเพื่อนๆหลายคนอาจจะมีคำถามว่า 

“เเล้วยังงี้ ถ้าเราหาประสบการณ์ไปเรื่อยๆ เเล้วเอาไปเขียนในเรซูเม่ ทางผู้ว่าจ้างจะไม่คิดว่าเรา ไม่มีความอดทนต่องานที่ทำหรือเปล่า?”

ที่จริงผู้ว่าจ้างเค้าอาจจะคิดเเบบนั้นก็ได้ หรืออาจจะไม่คิดเลยก็ได้นะคะ เเต่สำหรับเรา เราว่าการที่เรามีประสบการณ์ในหลายๆด้าน คือสามารถทำได้ทุกอย่าง มันจะเป็นข้อได้เปรียบของเรามากๆเลยนะ

เพราะว่าอะไรล่ะ? ก็เพราะว่าในสมัยนี้ ทางบริษัทเค้าต้องการคนที่สามารถทำได้หลายๆอย่าง เพื่อที่จะได้ลดต้นทุนในการจ้างพนักงานเพิ่ม คือเค้าก็จะได้ไม่เสียเงินนั่นเเหละค่ะ 555+ (สมัยนี้ข้าวของเเพง เพราะอะไรน้าาาาา 😝)

เเละที่สำคัญ อย่าลืม!!! กำหนด “ทิศทาง” ของตัวเองดีดี ว่าจะหาประสบการณ์ไปนานขนาดไหน อยากจะมั่นคงตอนอายุเท่าไหร่ หรืออยากได้เงินเดือนมากเเค่ไหน อยากก้าวหน้าในอาชีพการงานไหม เพื่อนๆก็ต้องวางเเพลนกันดีดีนะคะ

ไม่งั้นมันจะกลายเป็นว่า เราทำไปเเบบไม่มีจุดหมายเลย ล่องลอยไปเรื่อยๆ มันก็ไม่เป็นหลักเป็นเเหล่งสักที จนที่สุด เราจะไม่รู้ตัวเลยว่า เรากำลังทำะไรอยู่ ต้องการอะไรจากการหาประสบการณ์จากสิ่งนั้นๆ

เพราะอย่าลืมนะว่าเราเเก่ขึ้นทุกๆวันนะจ๊ะ หาเงินก็ยากขึ้นทุกวันด้วย หรือถ้าใครชอบลองหาประสบการณ์ไปเรื่อยๆ เราก็ไม่ว่ากันจ้าาา 😉
 
หากใครมีไอเดียเกี่ยวกับการหางาน มาเเชร์กันให้ฟังได้เลยนะคะ หรือถ้าหากเห็นว่าข้อมูลที่เราได้มานั่นไม่ถูกต้อง เเวะมาคุยกันได้นะคะ ขอบคุณค่ะ 😊
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่