เรื่องดังต่อไปนี้ได้ขออนุญาตเจ้าของเรื่องราวให้ข้าพเจ้านำมาเผยแพร่เป็นธรรมทาน
น้องสาวที่เรารู้จักเรียนศิลป์ภาษาเกาหลี เธอตั้งใจกับวิชานี้มากถึงขั้นซื้อหนังสือเรียนเสริมมาอ่านเอง ด้วยความชอบบวกกับความขยัน ไม่แปลกที่เธอจะได้คะแนนสูงสุดในสายชั้นมาตลอด คุณครูชาวเกาหลีเลยบอกว่าจะให้รางวัลที่สอบได้คะแนนดี เขาลืมเอารางวัลมาถึง 2 ครั้ง แต่ในที่สุดเขาก็เอามาให้น้องเรา มันเป็นที่คั่นหนังสือ แผ่นสีทองฉลุลายเป็นรูปชุดเกาหลีโบราณทำมาจากทองเค ซึ่งค่อนข้างเก่ามาก ครูชาวเกาหลีถามเธอว่า “ สวยไหม ? ” น้องเราก็ตอบว่าสวย
ตอนแรกที่ได้รับที่คั่นหนังสือมาน้องเราไม่ได้คิดว่ามันสวยมากมายอะไรนัก มองดูดีๆก็พบว่าที่คั่นหนังสืออันนี้มีความละเอียดและสวยงามอยู่มาก ตัวที่คั่นหนังสือฉลุลายเป็นรูปชุดผู้ชายเกาหลีโบราณ ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นชุดขุนนางหรือไม่ อาจเป็นชุดของพระราชาหรือองค์ชาย แต่ที่แน่ๆไม่ใช่ชุดของคนธรรมดาแน่นอน ลายของชุดเป็นมังกรรุ้งอยู่ในหมู่เมฆ ตรงบริเวณอกฉลุเป็นหน้ามังกร รู้สึกว่าในชุดไม่ได้มีมังกรรุ้งแค่ตัวเดียว มีอักษรเกาหลีโบราณจำนวนมากปรากฏอยู่ในชุด มองครั้งแรกดูเหมือนลายเกาหลีโบราณที่ประดับอยู่ในชุดทั้งสองข้างจะเหมือนกันหมด แต่พอมองดูดีๆแล้วกลับมีลายละเอียดแตกต่างกัน เป็นความประณีตที่ละเอียดลอออย่างมาก ด้านหลังตัวที่คั่นสามารถสะท้อนเงาได้ค่อนข้างชัดเจน น้องเอาที่คั่นหนังสือมาให้เราดู ครั้งแรกที่เห็นเราแอบคิดในใจว่าครูเอาของเก่ามาให้น้องเราได้ยังไง แต่จู่ๆภาพของคุณครูชาวเกาหลีที่กำลังตั้งใจหนังอ่านหนังสือสอบเข้ามหาลัยโดยใช้ที่คั่นอันนี้ได้ผุดขึ้นมา
ในประเทศเกาหลีนั้นจริงจังกับการเรียนและมีการแข่งขันกันสูงมาก ยิ่งในช่วงการสอบเข้ามหาวิทยาลัยถือว่าเป็นช่วงเวลาที่กำหนดอนาคตเลยก็ว่าได้ ครูชาวเกาหลีคนนั้นใช้ที่คั่นหนังสืออันนี้ในการอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้า รอบตัวเขาเต็มไปด้วยกองหนังสือมากมาย เขาอ่านหนังสือทั้งวันทั้งคืน มุ่งมันกับการสอบมาก ที่คั่นหนังสืออันนี้ก็เป็นสิ่งเดียวที่เขาใช้ในการอ่าน และความพยายามก็ไม่เคยทรยศใคร เขาสอบเข้ามหาลัยที่ต้องการได้
ครูชาวเกาหลีจึงมอบที่คั่นอันเดียวกันกับที่เขาใช้สอบเข้ามหาลัยให้กับน้องเรา เพื่อเป็นการอวยพรให้ประสบความสำเร็จในการเรียนภาษาเกาหลีเหมือนกับที่เขาสอบเข้ามหาลัยได้ตามที่ต้องการ เรื่องราวทั้งหมดเหมือนจะจบลงแค่นี้หากเราไม่มองย้อนเข้าไปในอดีตที่นานกว่านั้นมันน่าตกใจมาก เพราะภาพที่เห็นคือบัณฑิตหนุ่มชาวเกาหลีในสมัยโชซอนคนหนึ่งกำลังอ่านหนังสือที่ริมศาลา โดยใช้ที่คั่นหนังสืออันนี้อยู่ และเขาคือคนๆเดียวกันกับน้องสาวเรา !
บัณฑิตสมัยโชซอนคนนั้นคือน้องเราในอดีตชาติ เขาเป็นเจ้าของที่คั่นหนังสือรุ่นแรก โดยได้รับมาจากบิดาที่เป็นขุนนางในราชสำนักมอบให้เป็นรางวัลหลังจากที่สอบเข้าราชการได้ตั้งแต่อายุยังน้อย บัณฑิตผู้นี้เป็นคนขยันมาก เขามักพกหนังสือติดตัวไว้เสมอ เป็นภาพชินตาของผู้คนรอบข้าง เขามีที่คั่นหนังสือหลายชิ้น แต่ชิ้นโปรดของเขาคือ ที่คั่นหนังสือฉลุรูปชุดลายมังกรรุ้งที่บิดามอบให้ บัณฑิตผู้นี้มีนิสัยรักสงบ ไม่ชอบสุงสิงกับใครเท่าไหร่นัก เขาวางตัวดี บรรดาบัณฑิตรุ่นพี่รุ่นน้องต่างชื่นชมในตัวเขา วันหนึ่งเขาพบบัณฑิตรุ่นน้องผู้หนึ่งกำลังโดนบัณฑิตรุ่นเดียวกันรุมรังแก เขาเห็นดังนั้นจึงใช้ความอาวุโสกว่าเข้าไกล่เกลี่ย หลังจากนั้นไม่นาน เขาเริ่มสนิทสนมกับบัณฑิตรุ่นน้องผู้นั้น จึงได้รู้ว่ารุ่นน้องไม่ใช่คนหัวดีแต่มีความขยันเป็นอย่างมาก แม้จะโดนสารพัดคำดูถูกแต่ก็ไม่ย่อท้อในการแสวงหาความรู้ เขาจึงมอบที่คั่นหนังสือฉลุรูปชุดลายมังกรรุ้งให้แก่บัณฑิตรุ่นน้องคนนั้น เพื่อให้กำลังใจในการแสวงหาความรู้และเป็นการอวยพรให้ประสบความสำเร็จในเส้นทางบัณฑิต
เมื่อเวลาผ่านไป บัณฑิตรุ่นน้องผู้นั้นได้กลายเป็นบัณฑิตผู้มากความสามารถ เขาได้ให้คำปรึกษากับรุ่นน้องที่ประสบปัญหาเดียวกันกับเขาในอดีต และได้มอบที่คั่นหนังสือฉลุรูปชุดลายมังกรรุ้งให้แก่คนที่สมควรได้รับ และจะเป็นเช่นนี้ตลอดมา ที่คั่นหนังสือนี้ถูกส่งต่อมารุ่นต่อรุ่น เพื่อเป็นกำลังใจเพื่อเป็นการให้กำลังใจและอวยพรให้ประสบความสำเร็จในเส้นทางที่ตนปรารถนา เหมือนดังเจ้าของทุกรุ่นที่ผ่านมา และเพื่อให้เป็นไปตามความปรารถนาของเจ้าของรุ่นแรก
ในตอนนี้ของชิ้นนั้นได้กลับมาอยู่กับเจ้าของที่แท้จริงแล้ว น้องมาบอกกับเราที่หลังว่า ครั้งแรกที่ได้มา รู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด เหมือนกับว่าได้ของเก่าคืน
ดังคำที่เขากล่าวว่า อะไรที่เป็นของเรา มันจะกลับมาหาเรา
ที่คั่นหนังสือในตำนาน
น้องสาวที่เรารู้จักเรียนศิลป์ภาษาเกาหลี เธอตั้งใจกับวิชานี้มากถึงขั้นซื้อหนังสือเรียนเสริมมาอ่านเอง ด้วยความชอบบวกกับความขยัน ไม่แปลกที่เธอจะได้คะแนนสูงสุดในสายชั้นมาตลอด คุณครูชาวเกาหลีเลยบอกว่าจะให้รางวัลที่สอบได้คะแนนดี เขาลืมเอารางวัลมาถึง 2 ครั้ง แต่ในที่สุดเขาก็เอามาให้น้องเรา มันเป็นที่คั่นหนังสือ แผ่นสีทองฉลุลายเป็นรูปชุดเกาหลีโบราณทำมาจากทองเค ซึ่งค่อนข้างเก่ามาก ครูชาวเกาหลีถามเธอว่า “ สวยไหม ? ” น้องเราก็ตอบว่าสวย
ตอนแรกที่ได้รับที่คั่นหนังสือมาน้องเราไม่ได้คิดว่ามันสวยมากมายอะไรนัก มองดูดีๆก็พบว่าที่คั่นหนังสืออันนี้มีความละเอียดและสวยงามอยู่มาก ตัวที่คั่นหนังสือฉลุลายเป็นรูปชุดผู้ชายเกาหลีโบราณ ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นชุดขุนนางหรือไม่ อาจเป็นชุดของพระราชาหรือองค์ชาย แต่ที่แน่ๆไม่ใช่ชุดของคนธรรมดาแน่นอน ลายของชุดเป็นมังกรรุ้งอยู่ในหมู่เมฆ ตรงบริเวณอกฉลุเป็นหน้ามังกร รู้สึกว่าในชุดไม่ได้มีมังกรรุ้งแค่ตัวเดียว มีอักษรเกาหลีโบราณจำนวนมากปรากฏอยู่ในชุด มองครั้งแรกดูเหมือนลายเกาหลีโบราณที่ประดับอยู่ในชุดทั้งสองข้างจะเหมือนกันหมด แต่พอมองดูดีๆแล้วกลับมีลายละเอียดแตกต่างกัน เป็นความประณีตที่ละเอียดลอออย่างมาก ด้านหลังตัวที่คั่นสามารถสะท้อนเงาได้ค่อนข้างชัดเจน น้องเอาที่คั่นหนังสือมาให้เราดู ครั้งแรกที่เห็นเราแอบคิดในใจว่าครูเอาของเก่ามาให้น้องเราได้ยังไง แต่จู่ๆภาพของคุณครูชาวเกาหลีที่กำลังตั้งใจหนังอ่านหนังสือสอบเข้ามหาลัยโดยใช้ที่คั่นอันนี้ได้ผุดขึ้นมา
ในประเทศเกาหลีนั้นจริงจังกับการเรียนและมีการแข่งขันกันสูงมาก ยิ่งในช่วงการสอบเข้ามหาวิทยาลัยถือว่าเป็นช่วงเวลาที่กำหนดอนาคตเลยก็ว่าได้ ครูชาวเกาหลีคนนั้นใช้ที่คั่นหนังสืออันนี้ในการอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้า รอบตัวเขาเต็มไปด้วยกองหนังสือมากมาย เขาอ่านหนังสือทั้งวันทั้งคืน มุ่งมันกับการสอบมาก ที่คั่นหนังสืออันนี้ก็เป็นสิ่งเดียวที่เขาใช้ในการอ่าน และความพยายามก็ไม่เคยทรยศใคร เขาสอบเข้ามหาลัยที่ต้องการได้
ครูชาวเกาหลีจึงมอบที่คั่นอันเดียวกันกับที่เขาใช้สอบเข้ามหาลัยให้กับน้องเรา เพื่อเป็นการอวยพรให้ประสบความสำเร็จในการเรียนภาษาเกาหลีเหมือนกับที่เขาสอบเข้ามหาลัยได้ตามที่ต้องการ เรื่องราวทั้งหมดเหมือนจะจบลงแค่นี้หากเราไม่มองย้อนเข้าไปในอดีตที่นานกว่านั้นมันน่าตกใจมาก เพราะภาพที่เห็นคือบัณฑิตหนุ่มชาวเกาหลีในสมัยโชซอนคนหนึ่งกำลังอ่านหนังสือที่ริมศาลา โดยใช้ที่คั่นหนังสืออันนี้อยู่ และเขาคือคนๆเดียวกันกับน้องสาวเรา !
บัณฑิตสมัยโชซอนคนนั้นคือน้องเราในอดีตชาติ เขาเป็นเจ้าของที่คั่นหนังสือรุ่นแรก โดยได้รับมาจากบิดาที่เป็นขุนนางในราชสำนักมอบให้เป็นรางวัลหลังจากที่สอบเข้าราชการได้ตั้งแต่อายุยังน้อย บัณฑิตผู้นี้เป็นคนขยันมาก เขามักพกหนังสือติดตัวไว้เสมอ เป็นภาพชินตาของผู้คนรอบข้าง เขามีที่คั่นหนังสือหลายชิ้น แต่ชิ้นโปรดของเขาคือ ที่คั่นหนังสือฉลุรูปชุดลายมังกรรุ้งที่บิดามอบให้ บัณฑิตผู้นี้มีนิสัยรักสงบ ไม่ชอบสุงสิงกับใครเท่าไหร่นัก เขาวางตัวดี บรรดาบัณฑิตรุ่นพี่รุ่นน้องต่างชื่นชมในตัวเขา วันหนึ่งเขาพบบัณฑิตรุ่นน้องผู้หนึ่งกำลังโดนบัณฑิตรุ่นเดียวกันรุมรังแก เขาเห็นดังนั้นจึงใช้ความอาวุโสกว่าเข้าไกล่เกลี่ย หลังจากนั้นไม่นาน เขาเริ่มสนิทสนมกับบัณฑิตรุ่นน้องผู้นั้น จึงได้รู้ว่ารุ่นน้องไม่ใช่คนหัวดีแต่มีความขยันเป็นอย่างมาก แม้จะโดนสารพัดคำดูถูกแต่ก็ไม่ย่อท้อในการแสวงหาความรู้ เขาจึงมอบที่คั่นหนังสือฉลุรูปชุดลายมังกรรุ้งให้แก่บัณฑิตรุ่นน้องคนนั้น เพื่อให้กำลังใจในการแสวงหาความรู้และเป็นการอวยพรให้ประสบความสำเร็จในเส้นทางบัณฑิต
เมื่อเวลาผ่านไป บัณฑิตรุ่นน้องผู้นั้นได้กลายเป็นบัณฑิตผู้มากความสามารถ เขาได้ให้คำปรึกษากับรุ่นน้องที่ประสบปัญหาเดียวกันกับเขาในอดีต และได้มอบที่คั่นหนังสือฉลุรูปชุดลายมังกรรุ้งให้แก่คนที่สมควรได้รับ และจะเป็นเช่นนี้ตลอดมา ที่คั่นหนังสือนี้ถูกส่งต่อมารุ่นต่อรุ่น เพื่อเป็นกำลังใจเพื่อเป็นการให้กำลังใจและอวยพรให้ประสบความสำเร็จในเส้นทางที่ตนปรารถนา เหมือนดังเจ้าของทุกรุ่นที่ผ่านมา และเพื่อให้เป็นไปตามความปรารถนาของเจ้าของรุ่นแรก
ในตอนนี้ของชิ้นนั้นได้กลับมาอยู่กับเจ้าของที่แท้จริงแล้ว น้องมาบอกกับเราที่หลังว่า ครั้งแรกที่ได้มา รู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด เหมือนกับว่าได้ของเก่าคืน
ดังคำที่เขากล่าวว่า อะไรที่เป็นของเรา มันจะกลับมาหาเรา