ปลาย นักสืบจำเป็น - File 21 : ของหายที่คณะสัตวแพทยศาสตร์ [บทเฉลย]

ตอนที่ผ่านมา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

- 2 -
 
                เมื่อปลายสรุปคดีจบ ตำรวจจึงเข้าจับกุม รปภ.วิชิตโดยทันที ซึ่งในขณะนั้นคู่หนุ่มสาวนักศึกษาที่มามุงดูการสรุปคดีของนักสืบหนุ่ม ก็เดินไปดูตัวแม่กุญแจที่ล็อกห้องโปรเจ็คนี้

                “อืม... มันดูแปลก ๆ” นักศึกษาชายหนึ่งในนั้นพูดขึ้นมา

                ทั้งคู่ดูแม่กุญแจนั้นเสร็จ ก็ออกเดินไปขอลูกกุญแจห้องนี้มาดูบ้าง พวกเขาพยายามพูดขอร้องกับนายตำรวจที่ดูแล เพื่อขอลูกกุญแจ นั้น ซึ่งใช้เวลาไม่นานก็สามารถยืมลูกกุญแจนั้นมาดูจนได้

                ชายหนุ่มจ้องดูลูกกุญแจนั้นอย่างพินิจพิจารณาโดยละเอียดจนปลายที่ยืนอยู่ไม่ห่างมองเห็นการกระทำของพวกเขา จึงพูดขึ้นมาว่า

                “พวกนายทำอะไรเนี่ย... มายุ่งตรงนี้ทำไม?”

                นักศึกษาหนุ่มมองหน้าปลายอย่างกวน ๆ แล้วคลี่ยิ้มตอบ

                “อ้อ... ไม่มีอะไรหรอกครับคุณปลาย แต่คดีนี้จะใช่อย่างที่คุณพูดเรอะ!”

                “หือ? แกว่าไงนะ” ปลายจ้องหน้าขวับ “ฉันปลาย นักสืบนักศึกษา ไม่มีทางที่จะสรุปคดีผิดหรอก”

                “งั้นเหรอครับ...” หนุ่มนักศึกษาแย้มยิ้ม ทำสีหน้ายียวน แต่เขาก็เพียงแค่ยิ้มอย่างเดียวเท่านั้น ไม่ได้พูดอะไรตอบ แล้วเดินตรงไปหานายตำรวจผู้หมวดพร้อมกับนักศึกษาสาวที่มาด้วยกัน

                “ผู้หมวดครับ...” หนุ่มนักศึกษาคนนั้นเรียก “ผมว่าคดีนี้มันไม่ใช่อย่างนี้นะครับ”

                นายตำรวจได้ยินหันไปทางต้นเสียงทันที “ว่าไงนะ! เธอพูดอะไร! คดีนี้ได้ข้อสรุปแล้วนี่ ปลายก็สรุปคดีให้ฟังแล้ว รปภ.วิชิตต้องเป็นขโมยตามที่ปลายบอกแน่ เพราะมีแต่เขาที่มีลูกกุญแจห้อง”

                หนุ่มนักศึกษามองหน้าผู้เป็นตำรวจ “คุณตำรวจคิดว่าอย่างนั้นเหรอครับ.. ผมว่ามันไม่น่าใช่น้า...”

                “นี่เธอ!” นายตำรวจเริ่มเสียงดังขึ้น “เธอต้องการอะไรกัน คดีมันจบแล้ว ยังมายุ่งอะไรอีก”

                “ถ้ามันจบแบบถูกต้อง ผมก็ไม่อยากยุ่งหรอกครับ ..แต่ว่าที่สรุปคดีมานี้ มันไม่ถูกต้อง!”

                “หือ?” ผู้หมวดจ้องหน้านักศึกษาหนุ่มที่พูดด้วยกลับ “เธอเป็นใครถึงกล้ามาพูดอย่างนี้”

                แต่นักศึกษาหนุ่มกลับยิ้มรับ แล้วค่อย ๆ ตอบกลับไปว่า “ผมจะเป็นใครนั้น อีกไม่นานคุณผู้หมวดคงจะได้รู้แน่ครับ”

                ในขณะที่นักศึกษาหนุ่มพูดคุยกับนายตำรวจผู้ดูแลคดีนี้อยู่นั้น นายเรวัต รปภ.วิชิต และปลาย ก็จ้องมองดูการพูดคุยของทั้งสองอยู่ตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รปภ.วิชิตผู้โดนกล่าวหาว่าเป็นคนขโมย เพราะดูเหมือนเขาเชื่อว่าหนุ่มนักศึกษาที่กำลังพูดคุยกับตำรวจอยู่นี้ ไม่คิดว่าเขาเป็นคนขโมยคอมพิวเตอร์ไปอย่างที่คนอื่นคิดเลย

                เมื่อนายตำรวจพูดคุยกับนักศึกษาหนุ่มได้สักพัก เหมือนเขาเริ่มอยากจะรู้แล้วว่า สิ่งที่นักศึกษาหนุ่มคนนี้พูด มันหมายความว่าอย่างไร

                “ไหนเธอลองบอกสิ่งที่เธอคิดมาสิ?” นายตำรวจเริ่มมีท่าทีสนใจเพิ่มขึ้น

                แต่ความสนใจนั้น ก็ยังดูไม่ออกว่านายตำรวจผู้นี้จะสนใจในสิ่งที่หนุ่มนักศึกษาพูดจริงหรือไม่ หรือแค่อาจรำคาญก็เป็นได้

                หนุ่มนักศึกษาฉีกยิ้มให้ แล้วพูดขึ้นว่า “มันเป็นอย่างนี้นะครับ คดีนี้มีคนที่ขโมยคอมพ์ไปแน่ แถมลงมือในช่วงเวลากลางคืนด้วย”

                “ก็ใช่สิ มันต้องลงมือตอนกลางคืน ดังนั้นต้องเป็น รปภ.วิชิตอย่างไม่ต้องสงสัย” ปลายพูดขึ้นมาบ้าง

                “งั้นเหรอครับ” นักศึกษาหนุ่มมองหน้าปลาย “ผมว่าไม่ใช่น้า.. มันน่าจะเป็นอีกคนมากกว่า”

                “อะไร..” นายตำรวจเอ่ยต่อ “เธอพูดอย่างนี้หมายความว่า...”

                “อืม..” หนุ่มนักศึกษาพยักหน้า “ใช่แล้วครับ ผมว่าเป็นนายเรวัตมากกว่า”

                “หา! จะเป็นไปได้ไง!” ปลายเถียงทันที “ถ้าขโมยตอนกลางคืน ก็ต้องเป็นรปภ.วิชิตสิ เพราะมีเค้าคนเดียวที่มีกุญแจห้องโปรเจ็คนี้”

                “นั่นก็ใช่ แต่มันไม่ใช่แค่ รปภ.วิชิตเท่านั้นที่มีกุญแจห้องโปรเจ็ค เพราะนายเรวัตก็มีเหมือนกัน!”

                “เฮ้ย! นายพูดอะไร! ฉันจะไปมีกุญแจห้องโปรเจ็คได้ไง” นายเรวัตสวนขึ้นมาทันที

                “นั่นสิ กุญแจห้องนี้มีเพียงดอกเดียวเท่านั้น ฉันสอบถามดูแล้ว” ตำรวจผู้หมวดช่วยสนับสนุน เพราะเขาได้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้ว พบว่าลูกกุญแจห้องโปรเจ็คมีเพียงดอกเดียวเท่านั้น “ใช่มั้ยล่ะคุณวิชิต?”

                “ครับ” รปภ.วิชิตพยักหน้ารับอย่างเกรง ๆ

                “อ่า... ที่ทุกคนพูดมามันก็ใช่ครับ” หนุ่มนักศึกษาพูดขึ้นต่อคล้ายไม่ได้สนใจที่ทั้งหมดพูดมาเท่าไหร่ “แต่ถ้าเป็นลูกกุญแจดอกเก่านะ”

                “หมายความว่าไง?” นายตำรวจสงสัย

                “ก็ไม่มีอะไรครับ ก็ลูกกุญแจห้องนี้มันไม่ได้มีแค่ดอกเดียวแล้วไงครับ”

                “มีการปั้มกุญแจห้องเหรอ?”

                “ไม่ใช่ครับ...” เขาส่ายหน้า “ไม่ใช่การปั้ม เพราะคุณตำรวจก็เคยบอกแล้วว่าไม่มีทางเอาลูกกุญแจไปปั้มได้ ดังนั้นมันต้องเป็นวิธีอื่น”

                “วิธีอะไร รีบพูดมาเลย” ดูท่านายตำรวจเริ่มจะอยากรู้แล้ว แต่ก็ต้องรอ เพราะหนุ่มนักศึกษาคนนี้ลีลาเหลือเกิน

                “ได้ครับ ก็นี่ไง” หนุ่มนักศึกษาขอลูกกุญแจและแม่กุญแจจากเพื่อนนักศึกษาสาวที่มาด้วยกัน

                ซึ่งช่วงเวลาที่เขากำลังพูดคุยกับตำรวจอยู่นั้น นักศึกษาสาวผู้นี้ก็ไปเอาแม่กุญแจและลูกกุญแจของห้องโปรเจ็คมาจนได้

                เมื่อหนุ่มนักศึกษารับลูกกุญแจและแม่กุญแจมาก็โชว์มันให้ทุกคนดู

                “ลองดูลูกกุญแจกับแม่กุญแจนี้ให้ดี ๆ สิครับ”

                “อะไร...มันมีอะไร?” ปลายถาม

                “ลองดูดี ๆ สิครับคุณปลาย นักสืบนักศึกษาอย่างคุณน่าจะดูออกนะ”

                “มันดูใหม่กว่าเดิมใช่มั้ย?” มีเสียงตอบขึ้นมา แต่ไม่ใช่ปลายที่เป็นคนพูด หากเป็นรปภ.วิชิตที่พูดขึ้นมา

                “ปิ๊งป่อง ...ถูกต้องนะครับ ลูกกุญแจและแม่กุญแจดูใหม่กว่าเดิม ซึ่งมันดูผิดปกติ เพราะลูกกุญแจและแม่กุญแจห้องข้างเคียงยังดูเก่ากว่านี้เลย ลูกกุญแจกับแม่กุญแจของห้องโปรเจ็คไม่น่าใหม่กว่าเพื่อนได้” หนุ่มนักศึกษาอธิบาย เขาได้ตรวจสอบลูกกุญแจและแม่กุญแจจาก รปภ.แล้ว

                เขาเอ่ยขึ้นต่อ “งั้นก็หมายความว่า ต้องมีคนเปลี่ยนทั้งลูกกุญแจและแม่กุญแจห้องโปรเจ็คนี้เป็นชุดใหม่ และผู้มีโอกาสมากที่สุดก็คือ... นายเรวัต!”

   
             
(มีต่อครับ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่