สารานุกรมปืนตอนที่ 321 ปืนไรเฟิลจู่โจมแบบ Type 56

ในปี ค.ศ. 1949 สาธารณรัฐประชาชนจีนถูกก่อตั้งขึ้นโดยพรรคคอมมิวนิสต์ที่นำโดยเหมาเจ๋อตุงหลังจากได้รับชัยชนะเหนือพรรคก๊กมินตั๋งในสงครามกลางเมืองจีน ในตอนนั้นแผ่นดินใหญ่ทั้งหมดอยู่ในมือของคอมมิวนิสต์หมดแล้วเหลือแต่เพียงเกาะไต้หวันเป็นปราการด่านสุดท้ายของสาธารณรัฐจีนมาจนถึงทุกวันนี้ หลังจากที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ปกครองประเทศจีนแล้วกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนซึ่งเป็นกองกำลังทหารของพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้รับความช่วยเหลือทางการทหารจากสหภาพโซเวียตในการมีอาวุธที่ทันสมัยในการเผชิญหน้ากับศัตรูของระบอบคอมมิวนิสต์ นั่นก็คือโลกฝั่งเสรีที่นำโดยสหรัฐอเมริกาการช่วยเหลือของโซเวียตมาในรูปแบบของผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคการให้คำปรึกษาและเทคโนโลยีต่างๆในการสร้างกองทัพให้เข้มแข็งรวมไปถึงความรู้ในการสร้างอาวุธปืนที่ทันสมัยด้วยซึ่งปืนเล็กยาวที่ทันสมัยที่สุดในโลกคอมมิวนิสต์ในเวลานั้นนั่นก็คือปืนเล็กยาวของคาลาชนิคอฟ  AK47 นั่นเองโดยปืน AK47 ที่ผลิตในจีนนั้นได้รับสิทธิบัตรจากสหภาพโซเวียตรหัสประจำการของปืน AK47 ของจีนนั้นคือปืนประเภท 56 เข้าประจำการครั้งแรกในปี 1956 ผลิตจากโรงงานของรัฐหมายเลข 626 ที่ต่อมาจะเป็นพื้นฐานที่กลายเป็นบริษัท Norinco ในเวลาต่อมา 



ปืนแบบ 56 นั้นเป็นหนึ่งในอาวุธปืนที่ถูกผลิตมากที่สุดในโลกสามารถพบมันได้ทุกสมรภูมิในแอฟริกา เอเชียตะวันออก อัฟกานิสถาน ตะวันออกกลาง อเมริกาใต้และที่อื่นๆอีกมากมายอาจจะพูดได้เลยว่าปืนแบบ 56 นั้นมีมากกว่า AK47 ตัวต้นฉบับของมันเสียอีกเพราะจีนไม่ได้ผลิตมันแค่ส่งใช้ในกองทัพหรือส่งให้มิตรประเทศเท่านั้นแต่ยังเป็นการส่งออกในตลาดอาวุธนานาชาติด้วยจึงทำให้มันเป็นหนึ่งในอาวุธที่แพร่หลายมากที่สุดในโลกโดยไม่ต้องสงสัย

ลำดับเหตุการณ์ที่คุณควรจะรู้ก่อนที่จะศึกษาเรื่องอาวุธปืน Norinco Type 56

ค.ศ. 1911 เกิดการก่อการกำเริบวูชางที่เป็นจุดเริ่มต้นการปฏิวัติซินไฮ่

ค.ศ. 1912 จีนภายใต้การปกครองของราชวงศ์ชิงล่มสลาย ก่อตั้งสาธารณรัฐจีนโดยมี ซุน ยัตเซ็น เป็นประธานาธิบดีรักษาการที่ต่อมาตำแหน่งนี้ตกเป็นของ หยวนซื่อข่าย ตามข้อตกลงทางการเมือง

ค.ศ. 1915 ตอนปลาย-ต้น ค.ศ. 1916 หยวนซื่อข่าย ประกาศตัวเป็นจักรพรรดิหงเซี่ยน รื้อฟื้นระบอบกษัตริย์ขึ้นมาใหม่ในนามจักรวรรดิจีนแต่ถูกต่อต้านจากทั่วทั้งแผ่นดินจนเกิดสงครามคุ้มชาติ ในท้ายที่สุดภายใต้แรงกดดันอย่างมหาศาลจากทั่วทั้งประเทศ หยวนซื่อข่าย ต้องจำใจประกาศสละราชบัลลังก์ เขาจึงกลับไปดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีตามเดิมและเสียชีวิตไม่กี่เดือนต่อมา

ค.ศ. 1916 หลังการเสียชีวิตของ หยวนซื่อข่าย เกิดสุญญากาศทางอำนาจในหมู่อดีตขุนศึกของกองทัพเป่ยหยางและก๊กอื่น ๆ ในภูมิภาค ซึ่งได้กระจัดกระจายไปทั่วแผ่นดินใหญ่ ได้แก่ เสฉวน ชานซี ชิงไห่ หนิงเซี่ย กวางตุ้ง กวางไซ กานซู่ ยูนนาน และซินเจียง ต่างฝ่ายต่างตั้งตนเป็นใหญ่ในเขตปกครองของตนเป็นเหตุให้เรียกยุคนี้ว่า สมัยขุนศึก

ค.ศ. 1919  ซุน ยัตเซ็น เหลียวจงเจิ้น ซ่งเจียวเรน ร่วมกันก่อตั้งพรรคชาตินิยมจีน (ก๊กมินตั๋ง) ในทางใต้ของจีน

ค.ศ. 1921  เหมา เจ๋อตง โจว เอินไหล เฉินตู๋ซิ่ว หลี่ต้าจ้าว ร่วมกันก่อตั้งพรรคพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน

ค.ศ. 1925 ซุน ยัตเซ็น เสียชีวิตในวัย 59 ปี ด้วยโรคมะเร็งตับ กองทัพปฏิวัติแห่งชาติจีนได้ถูกก่อตั้งโดยพรรคก๊กมินตั๋งในปี ค.ศ. 1925 ในฐานะกำลังทางทหารเพื่อจุดมุ่งหมายในการรวมประเทศจีนให้เป็นหนึ่ง

ค.ศ. 1926 กองทัพปฏิวัติแห่งชาติภายใต้การนำของ เจียงไคเชก เริ่มการกรีฑาทัพขึ้นเหนือปฏิบัติการทางทหารเพื่อปราบขุนศึกทั่วทั้งแผ่นดินโดยมีพันธมิตรคือพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนเเละกองทัพขุนศึกบางกลุ่ม

ค.ศ. 1927 พรรคพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนยุติการเป็นพันธมิตรในการกรีฑาทัพขึ้นเหนือร่วมกับพรรคก๊กมินตั๋งกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นกองทัพของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน

ค.ศ. 1927 12 เมษายน สงครามกลางเมืองระหว่างกองทัพปฏิวัติแห่งชาติกับกองทัพปลดปล่อยประชาชนเริ่มต้นขึ้นท่ามกลางการกรีฑาทัพขึ้นเหนือ

ค.ศ. 1928 สิ้นสุดการกรีฑาทัพขึ้นเหนือ บรรดาขุนศึกตามภูมิภาคต่างๆถ้าไม่พ่ายแพ้จนราบคาบก็ต้องยอมสวามิภักดิ์ต่อเจียงไคเชกและพรรคก๊กมินตั๋ง การกรีฑาทัพขึ้นเหนือใช้เวลาทั้งสิ้น 2 ปี 173 วัน

ค.ศ. 1928 4 มิถุนายน จางจั๋วหลิน ขุนศึกผู้ปกครองเขตเเมนจูเลียถูกลอบสังหารด้วยการวางระเบิดโดยกองทัพคันโตของจักรวรรดิญี่ปุ่นที่เคยหนุนหลังเขาในการทำสงครามเเย่งชิงอำนาจจากเหล่าขุนศึกด้วยกันจากการที่เขาพ่ายศึกเเก่กองทัพปฏิวัติแห่งชาติทำให้กองทัพคันโตวางเเผนจะเข้ายึดเขตเเมนจูเลียไว้เสียเอง ต่อมา จางเซียะเหลียง บุตรชายของจางจั๋วหลินขึ้นเป็นผู้นำกองทัพแทน หลังจากผ่านการเจรจาครึ่งปีในที่สุดแล้วกองทัพของเขาก็เข้าร่วมกับกองทัพปฏิวัติแห่งชาติ

ค.ศ. 1928 เจียงไคเชก สถาปนารัฐบาลจีนคณะชาติขึ้นที่นานกิงพื้นที่ส่วนใหญ่ของเเผ่นดินใหญ่อยู่ภายใต้การปกครองของพรรคก๊กมินตั๋งโดยมี เจียงไคเชกเป็นประธานาธิบดีในข่วงเวลานี่สงครามกลางเมืองระหว่างกองทัพปฏิวัติแห่งชาติกับกองทัพปลดปล่อยประชาชนยังมีการปะทะกันอยู่เนื่องๆ

ค.ศ. 1931 เกิดกรณีมุกเดน  ส่วนหนึ่งของรางรถไฟเเมนจูเลียสายใต้ซึ่งกองทัพญี่ปุ่นยึดครองอยู่ในขณะนั้นเกิดการระเบิดขึ้นกองทัพญี่ปุ่นใช้ข้ออ้างที่ว่าทหารจีนเป็นผู้วางระเบิดรางรถไฟเคลื่อนพลเข้ายึดแมนจูเรีย

ค.ศ. 1932 ญี่ปุ่นก่อตั้งประเทศแมนจูกัวในเขตเเมนจูเลียที่ยึดมาได้จากสาธารณรัฐจีนโดยมี จักรพรรดิผู่อี๋ ( "ปูยี" ) อดีตจักรพรรดิองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ชิงเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินและจักรพรรดิแต่เพียงในนาม (แมนจูกัวเองก็เป็นเพียงรัฐหุ่นเชิดของญี่ปุ่น)

ค.ศ. 1936 22 ตุลาคม เจียงไคเชกประกาศเริ่มแผนการปราบปรามคอมมิวนิสต์ ณ เมืองซีอาน เเม่ทัพจางเซียะเหลียงและหยางหูเฉิงต่อต้านนโยบายใหม่ดังกล่าวและพยายามเกลี้ยกล่อมเจียงไคเชกให้เปลี่ยนแปลงความคิดให้หยุดการต่อสู้ระหว่างกองกองทัพปฏิวัติแห่งชาติและกองทัพปลดปล่อยประชาชนเเล้วร่วมกันขับไล่ญี่ปุ่นเเต่ไม่เป็นผล เจียงไคเชก ประกาศชัดเจนว่าต้องปราบปรามคอมมิวนิสต์ก่อนเเล้วจึงขับไล่ญี่ปุ่น

ค.ศ. 1936 12 ธันวาคม เกิดกรณีซีอาน เเม่ทัพจางเซียะเหลียงและหยางหูเฉิง ลักพาตัวเจียงไคเชกเพื่อพยายามให้เกิดการเจรจาระหว่างกองกองทัพปฏิวัติแห่งชาติและกองทัพปลดปล่อยประชาชนเพื่อร่วมมือกันขับไล่ญี่ปุ่น

ค.ศ. 1936 17 ธันวาคม พรรคคอมมิวนิสต์จีนส่งคณะเจรจาไปยังซีอานตามคำแนะนำของ โจเซฟ สตาลิน

ค.ศ. 1936 22 ธันวาคม ซ่งเหม่ยหลินภรรยาของเจียงไคเชกและซ่งซีเหวินมาถึงซีอานเพื่อเจรจาปล่อยตัวเจียงไคเช็ค

ค.ศ. 1936 24 ธันวาคม การเจรจาประสบความสำเร็จกองกำลังพันธมิตรก๊กมินตั๋งและคอมมิวนิสต์ถูกก่อตั้งขึ้น 

ค.ศ. 1937 7 กรกฎาคม เกิดเหตุการณ์สะพานมาร์โค โปโล อันเป็นจุดเเตกหักที่นำไปสู่สงครามจีน–ญี่ปุ่นครั้งที่สอง

ค.ศ. 1941 เพื่อกดดันให้กองทัพญี่ปุ่นยุติการรุกรานเเละถอนกำลังออกจากจีน อเมริกาตัดการส่งออกเหล็กและน้ำมันเข้าสู่ญี่ปุ่น เป็นเหตุให้เกิดสภาวะขาดแคลนวัตถุดิบเชื้อเพลิงในการทำสงครามและหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจญี่ปุ่นอย่างหนัก เพื่อเป็นการตอบโต้และบีบให้เกิดการเจรจาระหว่างจักรวรรดิญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา แผนปฏิบัติการโจมตีฐานทัพเรือในเพิร์ลฮาเบอร์ได้เริ่มต้นขึ้นดึงอเมริกาเข้าสู่สงคราม ด้วยเหตุนี้ทำให้กองทัพจีนไม่ว่าจะอยู่ในฝ่ายก๊กมินตั๋งหรือฝ่ายคอมมิวนิสต์ก็ล้วนแต่ได้รับการสนับสนุนด้านอาวุธยุทโธปกรณ์จากสหรัฐอเมริกาทั้งสิ้นอาวุธทันสมัยหลายชนิดที่ไม่เคยตกถึงมือของกองทัพจีนเลยได้หลั่งไหลมาตลอดช่วงสงครามต่อต้านญี่ปุ่นพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ใช้กลยุทธ์แบบกองโจรรวมถึงการโฆษณาชวนเชื่อเกณฑ์ชาวนาอาสาสมัครได้เป็นจำนวนมากมาเข้าร่วมกองทัพทำให้เป็นกองกำลังที่เข้มแข็งและมีจำนวนทหารสูสีกับพรรคก๊กมินตั๋งในที่สุด
ค.ศ. 1945 สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงญี่ปุ่นยอมแพ้ กองทัพของสหภาพโซเวียตบุกเข้ายึดแมนจูเรีย ซึ่งอยู่ในการครอบครองของกองทัพคันโตซึ่งนำไปสู่ การสิ้นสุดของรัฐหุ่นเชิดแมนจูกัวด้วย อาวุธของกองทัพคันโตที่ถูกโซเวียตยึดมาได้ถูกส่งมอบให้กับกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน มีตั้งแต่อาวุธขนาดเล็กอาทิเช่นปืนเล็กยาวไล่ไปจนไปถึงอาวุธขนาดใหญ่คือรถถังและปืนใหญ่เป็นต้นล้วนแต่ถูกส่งมอบให้กับกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนในขณะเดียวกันกองทัพปฏิวัติแห่งชาติของก๊กมินตั๋งก็ได้รับการสนับสนุนด้วยเงินทุนและอาวุธจำนวนมากจากสหรัฐอเมริกาเช่นกัน
ค.ศ.1946 หลังจากที่สงครามกลางเมืองจีนกลับมาดำเนินต่ออีกครั้งแต่คราวนี้กระแสแห่งชัยชนะไม่ได้เข้าข้างพรรคก๊กมินตั๋งเสียแล้วการพ่ายแพ้ในการรบครั้งสำคัญติดต่อกันหลายครั้งและรวมถึงหายนะทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากการกักตุนสินค้าของบรรดาพ่อค้านายทุนทำให้นำไปสู่วิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ประชาชนส่วนใหญ่เอาใจออกห่างพรรคก๊กมินตั๋งและหันไปเข้ากับพรรคคอมมิวนิสต์จีน ทำให้ในที่สุดแล้วในปี ค.ศ. 1949 เจียงไคเชกก็ต้องตัดสินใจย้ายรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐจีนไปยังเกาะไต้หวันและกลายเป็นประเทศสาธารณรัฐจีนบนเกาะไต้หวันมาจนถึงทุกวันนี้  

การสร้างและผลิต Type 56 ในยุคเริ่มแรก

ในช่วงยุค 1950 สหภาพโซเวียตได้ถ่ายทอดองค์ความรู้ที่จำเป็นเเละส่งเครื่องจักรที่ต้องใช้งานในการผลิตปืนแบบ AK47  ให้แก่จีน โดยในระยะแรกนั้นการตั้งพื้นฐานให้กับอุตสาหกรรมในการผลิตปืน Type 56 นั้นยังไม่สมบูรณ์ที่จะผลิตปืนทั้งกระบอกได้ในจีนจึงได้มีการผลิตชิ้นส่วนบางชิ้นที่ถูกผลิตขึ้นจากโรงงานในโซเวียตแล้วจึงนำมาประกอบในจีนต่อมาไม่นานก็มีเครื่องจักรและความรู้ที่พร้อมที่จะพึ่งพาตนเองได้ไม่จำเป็นต้องรับความช่วยเหลือจากโซเวียตอีกต่อไป โดยโรงงานของรัฐบาลจีนมีอยู่หลายโรงงานที่ทำหน้าที่ใช้ในการผลิตปืนแบบ Type 56 โดยโรงงานที่ไปที่รู้จักกันดีก็คือโรงงานของรัฐหมายเลข 626 อันเป็นที่ที่ปืนแบบ Type 56 รุ่นแรกๆได้ออกจากสายการผลิตมาป้อนเข้าสู่กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน

ปืนชนิดอื่นๆในกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนที่มีรหัสประจำการว่า 56

ในตอนต้นของทศวรรษที่ 1950 อุตสาหกรรมการผลิตอาวุธของจีนได้รับความช่วยเหลือจากสหภาพโซเวียตด้านเครื่องจักรและความรู้ที่ต้องใช้ในการผลิตอาวุธปืนตามแบบของสหภาพโซเวียตซึ่งกลายเป็นที่มาของปืนอีก 2 ชนิดที่ถูกนำเข้าประจำการในปี 1956 เหมือนกับปืน Type 56  ที่เป็นสำเนาจาก AK47 นั้นก็คือ



ปืนเล็กสั้นแบบ  Type 56 สร้างตามแบบของปืน SKS



ปืนกลเบาแบบ Type 56 ที่เหมือนกับปืนกลเบา RPD

ปืนทั้งสองชนิดนี้มีการผลิตออกมาเป็นจำนวนมากทำให้มันแพร่หลายไปทั่วโลกไม่แพ้กับ  Type 56 AK เลย สามารถพบได้ในหลายพื้นที่ทั่วโลกเช่น แอฟริกา ตะวันออกกลาง และ อัฟกานิสถาน เป็นต้น.

ความแตกต่างของปืน Type 56 กับ AK47

ข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดของปืนแบบ  Type 56 กับ AK47 นั่นก็คือศูนย์หน้าของปืนแบบ Type 56 เป็นแบบวงกลมเต็มวง (fully enclosed) ศูนย์หน้าของ AK47 จะเปิดด้านบน (partially opened)





ศูนย์หน้าของปืนแบบ Type 56





ศูนย์หน้าของปืน AK47

Type 56 จะติดตั้งมีดปลายปืนสามแฉกแบบ folding spike bayonet (ชื่อเล่นคือ "pig sticker") จะไม่เหมือนมีดปลายปืนแบบถอดได้ของ AK47

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่