สงสัยว่าแฟนโดนของต่ำ

ขอเกิ่นสั้นๆก่อนนะคะ  ว่าเราเป็นลูกครึ่ง พ่อฝรั่งแม่ไทย ความเชื่อไทยๆของเราเลยน้อยกส่าครึ่ง พ่อเราค่อนข้างไม่ไว้ใจคนไทยเพราะกลัว ผช ไทยจะมาคบกับเราเพื่อหวังผลประโยชน์จากพ่อเรา(พ่อเรามีฐานะ) เราเองก้เจอกัย ผช ไทยคนนี้ทางแอบคุยแชทคุยกันได้ไม่กี่คำก้ตกลงเจอกันแบบงงๆ 

เรากับแฟนคนนี้อยู่กันมาแบบฉันสามีภรรยาตั้งแต่ปี2014 เราอยูกับเขา2ปีกว่าแล้วตัดสินใจปล่อยให้มีลูก เพราะเรามั่นใจในคำพูดที่เขาบอกตลอดว่า เขาจะรักเราและลูก ให้เหมือนที่พ่อเรารักเรา ขอบอกก่อนนะว่า กว่าจะมาถึงขั้นนี้ เราเสียสละ ทั้งการเรียน 
มหาวิทยาลัย ทั้งอนาคต และพ่อบังเกิดกล้าว เพื่อออกมาอยู่กับ ผช คนนี้ ซึ่งเรารักเขามาก 

เรายอมรับนะ ว่าตลอดเวลาที่ผ่าน ด้วยความที่เราอายุน้อยกว่าเขา3ปี เราค่อนข้างเอาแต่ใจ และขี้น้อยใจมาก นิดหน่อยก้งอล แต่ทุกครั้งแฟนเราจะง้อ เพราะแฟนเราเป็นคนที่นิสัยร่าเริงมาก เป็นที่รักของเพื่อนทุกคน ยิ้มเก่ง และทำให้เรื่องเครียดทุกเรื่องเป็นเรื่องตลกได้ เราบอกตัวเองตลอดว่าเราโชคดีมากที่เลือกคนนี้มาเป็นคู่ชีวิต ไม่เสียใจเลียที่มิ้งทุกอย่างเพื่อคนนี้  

ไม่นานพอเราคลอดลูกคนแรกของเราออกมา เราก้เคยถามแฟนเราตลอด ว่าอยากจดทะเบียนสมรสไหม ซึ่งแฟนเราตอบทุกครั้งที่ถามแบบนี้ว่า "อยากจดอยู่นะ แต่ถ้าตราบใดที่ยังรักกัน ใบกระดาษไม่สำคัญสำหรับเขา" ด้วยความที่เราเองก้ไม่รีบและไม่ค่อยเคร่ง จึงไม่ได้เซ้าซี้ 

เรา แฟน และลูก เดินทางไปด้วยกันทุกที่ กิน นอนอยู่ด้วยกัน ผ่านอะไรมากันก็เยอะ บอกได้ว่า เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์เลยก้ว่าได้ แต่พอมาถึงจุดที่ เราและแฟนเริ่มไม่มีเงินหมุน ก้ต้องตัดสินใจออกมาทำงานต่างจังหวัด แต่ให้ลูกน้อยอยู่บ้านกับคุณย่า เรามาทำงานต่างจังหวัดได้ประมาน6เดือน ก้ได้เลื่อนเงินเดือน ในขณะที่แฟนเรา เปลี่ยนงานบ่อยมาก จนสุดท้ายก้ตกงาน เราทำคนเดียว ไม่มีพอส่งค่างวดรถ จนทำให้ทะเลาะกันเรื่องเงินอยู่หลายครั้งมาก ... เอาหละ เราจะไม่เข้ารายละเอียดมากเพราะ เรื่องยาวมาก และค่อนข้างส่วนตัว เอาเป็นว่าทุกครั้งที่ทะเล่ะกัน เรามักจะเป็นฝ่ายเดินออกจากชีวิตและประชดด้วยคำว่าเลิก(?) เรารู้นะว่าสิ่งทีาเราทำมันแรงเกิน แต่ทุกครั้งที่ทำเราก้ให้โอกาสและให้เหตุผลชี้แจงเขาว่าทำเราถึงทำไปอย่างนั้น 

เอาหล่ะเข้าเรื่องนะ ช่วงเดือน7 ปี62 แม่แฟน เซ้งร้านดอกไม้ให้เราและแฟน แต่ด้วยความที่เราไม่ต้องการร้าน เพราะกลัวทำไม่ไหว (เราก้บอกแฟนแล้ว) แต่แฟนก้บอกเราทุกครั้งว่า เขาจะเป็นคนดูแลเราและลูกเอง เขาพูดตลอดว่าลูกและเราคือทุกสิ่งทุกอน่างในชีวิตเขา ถ้าขาดเราไปเขาอยู่ไม่ได้ แต่วันนั้น...เพราะความโง่และเห็นแก่ตัว เราเลือกที่จะอุ้มลูกออกมาจากชีวิตเขา( อย่าว่าเรานะเรากลัวทำร้านไม่ไหวจริงๆเพราะโรคที่เป็นอยู่ และไม่อยากให้แฟนต้องทำงานหนักคนเดียว) วันนั้น แฟนเราขอร้องให้เรากลับไป แต่เราดันขับรถออกห่างมาจากแฟนเราเกือบ800กิโลแล้ว แฟนเรากินไม่ได้ นอนไม่หลับทุกวันที่เราไม่อยู่ แต่แปลกนะ เราเองก้เป็น แต่เพราะพอเรากลับมาบ้านครั้งนี้ แม่เรายื่นคำขาด ไม่ให้กลับไป สุดท้าย.. เราก้เลือกที่จะกลับไปหาครอบครัวเรา นั่นคือแฟนผู้ภรรคดีของเรา การกลับมาครั้งนี้ เราต้องเสียแม่แท้ๆของเราไปอีกคน เพราะแม่ยื่นคำขาดแล้ว แต่เราก้เลือกแฟน ไม่ได้เลือกแม่... แต่เราก้ดีใจที่ได้กลับมาอยู่กับครอบครัว คนที่จะดูแลเรา (น้ำเน่าใช่ไหม) วันนั้นแฟนเราร้องไห้เข้ามากอดเราดเวยความดีใจ เราเองก้น้ำตาไหล พร้อมสัญญาว่า จะไม่ทิ้งไปไหนอีก

เวลาผ่านไป ร่างกายเราเริ่มแย่ แฟนเริ่มต้องทำงานคนเดียว เราจึงตัดสินใจตะเซ้งร้านแล้วบังเอิญว่า มี ผญ คนนึงอายุ30  มาเปิดร้านขนมข้างๆ เขาสนใจเพราะเห็นเราขายทุกวันและขายดีมาก ตอนแรก เรากับ ผญ คนนี้คุยกันดีมากนะ นางบอกว่าบ้านจนและมีลูกเล็กด้วยมีรถสองคันทีาต้องผ่อนและภาระอื่นๆอีกรวม6-7หมื่น/เดือน จากที่เราจะเอาเงินก้อน ด้วยความขี้สงสาร เราจึงต้อง เปลี่ยนจากเอาเงินก้อนมาเป็นเงินผ่อน เห้อ ใจดีเนาะ ไม่พอ เราเสนอให้แฟนเรามาช่วยงานที่ร้าน1-2อาทิตย์ อีกด้วย เพราะนางทำคนเดียวเราสงสารเด็กและสงสาร ผญ เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว พอถึงเวลาเซ้ง เราได้รับเงินมัดจำมา5พัน และหละงจากนั้นก้อยู่บ้านเลี้ยงลูกชาย เพราะ ทำงานไม่ไหว ให้แฟนไปช่วยที่ร้าน แค่ช่วงเวลาสั้นๆจริงๆ 3-4วัน แฟนเราเปลี่ยนไปมาก จากที่แคร์เรามาก ทั้งเรื่องกิน เรื่องลูก ก็เงียบหาย จากที่ตื่นไปทำงาน9-10โมง ก้ตื่นตั้งแต่ตี5. หรือถ้าวันไหน นางโทรมาปลุกแฟนเรา "โอ้ยปวดท้อง เวียนหัว จะอ้วก"  แฟนเราจะรีบไปทันที...  เรางงมาก แฟนเราไม่เคยขยันขนาดนี้ จนมีวันนึงทีาเราแอบไปดูที่ร้าน แล้วต้องไปเห็นภาพ ผญคนนั้น ยืนคร่อมแฟนเราบนรถ!!!!!  คนเป็นเมีย เห็นแบบนี้ ขึ้นเลยค่ะ  เรารีบจดรถหน้าร้านและโวยวายด่าทั้งแฟนและ ผญ ด่าเสียหายและแรงมาก หลังจากนั้น พอตกกลางคืน แฟนเรามานอน อยู่ๆก็มาขอแยกกับเรา สักพัก ไล่ให้เราไปอยู่ทีอื่นก่อน ได้ยินแบบนี้เราก้ยิ่งโกรธ เพราะคิดว่าสองคนนี้แอบคบหากันอยู่แน่ๆ เราก็เลยด่าแฟนเราเสียหายมาก ยอมรับนะตอนนั้นใจร้อนสุดๆเพราะเราต้องการเค้นความจริงให้ได้ ในคืนนั้นแฟนเราพูดแบบเฉยชาแต่มีน้ำตาว่าเขาต้องการแยกกับเราเพราะเขาเหนื่อยเหนื่อยที่จะต้องตามใจเหนื่อยที่จะต้องคอยเอาใจเราเขาบอกว่าเขาอยู่กับเราเขาไม่ได้รู้สึกถึงความรักที่เคยได้เราฟังแล้วเราก็ร้องไห้ตามเพราะเราคิดว่าเรากำลังทำให้เขาเสียใจเราเองก็เสียใจเวลาเห็นน้ำตาเขาในคืนนั้นเรารอจนเขาหลับแล้วเราคิดว่าเราจะให้เวลาเขาอยู่กับตัวเองสักคืน เพื่อให้เขานอนคิดว่าเขายังต้องการเราอยู่ไหม เรายอมรับว่าเราเครียดมากเครียดจนปวดหัวเราขับรถออกจากบ้านไปนอนอยู่ที่ร้านเราเผลอหลับไปจนเช้าและมาดูโทรศัพท์ว่าแฟนเราโทรมาบ้างไหม แต่ก็ไม่มีการโทรมีแต่เพียงข้อความถามเราแบบเฉยๆว่าอยู่ไหนแต่เขาก็ไม่มีการพิมพ์อะไรตอบกลับมามันยิ่งทำให้เราโกรธและปวดหัวมากเรายังคงด่าเขาไม่หยุดเพราะสิ่งที่เขาทำเราเองก็เสียใจทำไมวันนี้เรารู้สึกว่าเขาก็หมดรักเราแล้วนะตอนนั้นเรารู้สึกว่า เป็นเพราะผู้หญิงคนนี้ที่เข้ามาในชีวิตทำให้สามีเราและเราต้องทะเลาะกันจนถึงขั้นเลิกรากัน พอคิดได้ เราก็ขับรถกลับบ้าน แต่ไม่ถึงครึ่งทางแล้วก็หมดสติไป เราฟื้นอีกทีอยู่ที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน เราตื่นมาพร้อมกับสายออกซิเจนที่ครอบหน้าเราอยู่ หมอวินิจฉัยว่าเราเป็นไมเกรนขั้น 2 และเป็นโรคไซนัสอักเสบครึ่งซีกทำให้ออกซิเจนในหัว น้อยมาก พอเราได้สติ เรารีบโทรหาสามีเพื่อให้เขารู้ว่าเราอยู่ที่ไหนแต่มันสายไปแล้ว เพราะตอนที่เราโทรไปสามีเราและผู้หญิงคนนั้นขับรถไปถึงต่างจังหวัดกันแล้วไปถึงบ้านของสามี เรายังคงเสียใจและยังคงด่าสามีอยู่ไม่เลิก จนวันที่เขากลับมา วันนั้นเรายังคงนอนอยู่ที่โรงพยาบาลด้วยอาการป่วยเขายังคงยืนยันคำเดิมว่าเขาต้องการแยกอยู่กับเราอยู่จริงๆ เพราะเขายังเหนื่อยและไม่มีทีท่าว่าจะสงสารหรือเป็นห่วงเป็นใยอาการของเราเลย เรายอมรับ ว่าเราหมดหนทางแล้วที่จะเอาเขากลับมาแต่เราขอเขาว่าถ้าแยกกันอยู่อย่าเพิ่งรีบมีใครได้ไหมจนกว่าจะรู้ว่าต่างคนต่างไม่ต้องการกันแล้ว คืนนั้นเราขอคุณหมอออกจากโรงพยาบาลเพื่อไปนอนกอดสามีคืนสุดท้ายก่อนที่จะกลับมาที่บ้านเราในพัทยา คืนนั้นเราขอเขาว่าเราสามารถนอนกอดเขาได้ไหมเขาไม่ตอบอะไรแค่พยักหน้าเบาๆแล้วบอกว่าแล้วแต่ เรายังคงมีหวังว่าการที่เรากอดเขาในคืนนี้อาจจะทำให้อะไรๆดีขึ้นก็ได้เรานอนกอดเขาทั้งคืนโดยที่ไม่มีการตอบกลับใดๆจากผู้เป็นสามีเลยเขาตั้งนาฬิกาปลุกเพื่อไปทำงานตอน 4:00 นเช้าอีกวัน แต่พอถึงเวลานาฬิกาปลุกเชื่อไหม ว่าสามีเรากอดเรากลับได้ตอนนั้นเราดีใจมากเพราะเราคิดว่าเราทำถูกแล้ว ไม่เพียงแต่เขากอดกลับแต่เขาเริ่มมีทีท่าว่า เขาต้องการร่วมรักกับเราด้วย สุดท้ายในคืนนั้น ก็ได้เป็นผัวเป็นเมียกัน พอเสร็จกิจ เราก็นอนกันทั้งคู่แต่แปลกสามีเราก็คงยังไม่นอนกอดเราเหมือนเดิม ทั้งๆที่เราขอให้เขานอนกอด กระทั่งดึงแขนเข้ามากอด เขาก็ยังดึงแขนออก แต่เราเพลียมาก ก็เผลอหลับไปพร้อมๆกันจนถึงประมาณ 6:00 น เขาตื่นมาพร้อมกับโวยวายว่าทำไมเราถึงต้องทำแบบนั้นทำไมเราถึงต้องมีอะไรกับเขาด้วยเราก็ยังงงอยู่เพราะการที่ มีอะไรกัน ไม่น่าจะผิดอะไรเพราะยังเป็นสามีภรรยากันอยู่ คุยกันได้สักพักก็มีสายโทรมาจากผู้หญิงคนนั้นผู้หญิงปลายๆบอกว่าเขารู้สึกไม่ค่อยสบายอยากให้แฟนของเราไปช่วยที่ร้านด่วน แฟนเราจากที่นอนอยู่ก็รีบลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวเพื่อที่จะไปร้าน  เราอาสาไปส่งเขาแล้วบอกเขาว่าเรายังอยากกลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมนะแล้วเราตั้งใจจะรอเขา แฟนเรายังคงชาใส่เราอยู่ไม่มีการตอบกลับว่ารักเหมือนกันสุดท้ายแล้วก็เป็นฝ่ายที่จะต้องเดินออกมาในคืนนั้น เขาไม่กลับบ้าน เราพยายามถามว่าทำไมถึงไม่กลับจนมารู้อีกที และผู้หญิงคนนั้นก็มาถึงพัทยากันก่อนเราแล้ว ในตอนนั้นเราคิดว่าอาจจะแค่ไปหาแม่ ของแฟนซึ่งแม่ของแฟนมาเที่ยวพัทยาชั่วคราว ซึ่งเราก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากเพราะเราคิดว่ามันน่าจะจบลงแล้วระหว่างเรากับเขา แต่เราก็ยังมีหวังว่าเขาอาจจะกลับมาสักวันนึงเขาอาจจะยังแค่กำลังหลงผู้หญิงคนนี้มีหลายคนให้กำลังใจเราและบอกว่าสองคนนี้อยู่กันไม่นานหรอกแฟนของเราและผู้หญิงคนนั้น  เพื่อที่จะมาจดทะเบียนสมรสกันเพราะเรารู้เรื่องนี้เราน้ำตาไหลไม่รู้เรื่องทุกวันที่ไม่มีเขาเราก็แย่อยู่แล้ว ซึ่งถ้าให้พูดตรงๆก็คงเป็นมือที่สาม เหมือนกำลังโดนขโมยของรัฐมันเจ็บใจมาก ไม่มีใครเชื่อเราว่าแฟนเราโดนของจนกระทั่งเห็นใบทะเบียนสมรสกัน  เราไปจดทะเบียนสมรสกับผู้หญิงคนนี้ตั้งแต่วันที่มาพัทยาแล้ว ทั้งๆที่เราและแฟนมีลูกด้วยกันเราเสียสละให้เขาทุกอย่าง แฟนเราก็รักเราหมดหัวใจอยู่กันมาตั้ง 6 เกือบ 7 ปี เราไม่เคยบังคับแฟนให้จดทะเบียนเลย  แต่ทำไมกับผู้หญิงคนนี้ถึงยอมจด ทะเบียนสมรสด้วย  ใครไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้วเพราะตอนนี้ขนาดเราเองไม่ได้นับถือพุทธ 100% เรายังคิดเลยว่าแฟนเราต้องโดนของต่ำแน่ๆ แต่แปลกเขายังคงคุยกับเพื่อนเขาบางคนปกติ แต่กับพ่อหรือแม่ ก็คุยน้อยลงแต่ก็ไม่ถึงกับตัดขาด พ่อกับแม่ของแฟน บอกเราว่าทุกครั้งที่พยายามติดต่อกับแฟนแฟนมักจะอ้างว่าง่วงนอนหรือกำลังยุ่งอยู่ แต่แฟนเรายังคงถามถึงลูกเป็นบางครั้งบางคราว และยังคงคุยกับเพื่อนเขา อยู่แต่ก็ไม่สนิทสนมเท่าเมื่อก่อนจากที่เป็นคนร่าเริงก็เป็นคนเงียบขรึมหน้าตาหมองคล้ำ และทำงานไม่หยุดไม่หย่อนเลย เพราะเขาไม่มีเวลาพักเลย

เรื่องราวมีอยู่ประมาณนี้มันยังมีบางส่วนที่เราไม่สามารถเล่าได้เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวในครอบครัว แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเรามั่นใจว่าแฟนเราโดนของต่ำ 100% เราพยายามหาวิธีแก้แต่เราสงสัยว่า ทำไมจูเขาถึงเหมือนตัดขาดกับเราง่ายแบบนี้แต่ยังคงคุยกับเพื่อนเขาบางคนปกติบางคนก็ไม่คุยพ่อกับแม่จากที่คุยด้วยประจำก็กลายเป็นเบี่ยงเบน คนโดนของปกติอาการแบบนี้หรือเปล่าคะ 

เรื่องยาวหน่อยใครอ่านจบลอง comment ดู และแชร์ประสบการณ์หน่อยนะคะใครมีวิธีแก้แบบไวๆ ก็ลองเสนอดูค่ะพร้อมทำทุกวิธี
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่