บันทึกการท่องเที่ยวในอเมริกา Los Angeles - Las Vegas - Utah

                                           1) ทางซ้ายบนคือ Walk of Fame
                                           2) มุมซ้ายล่างคือ The Grove ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากพิพิธภัณฑ์ศิลปะ
                                           3) ขวาบนคือรถพาคนเที่ยวชมรอบๆ บริเวณจุดถ่ายรูปต่างๆ ค่ะ ถ้าใครสนใจขึ้นจะมีคนเดินขายตั๋วอยู่ตามข้างทาง ไม่ต้องเดินหาให้เมื่อย
                                           4) ขวาล่างคือ Hollywood Boulevard ค่ะ จากจุดนี้จะสามารถมองเห็นป้าย Hollywood

บันทึกการท่องเที่ยวในอเมริกา ตอนที่ 1

      ก่อนอื่นเลยต้องขอขอบคุณสายการบิน Low Cost ที่ทำให้ทุกคนสามารถเดินทางโดยเครื่องบินได้ในราคาประหยัด ทริปนี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าหาก เราไม่ไปเจอตั๋วถูกแสนถูกโดยบังเอิญ ทำให้เราสามารถบินไปอเมริกาได้ในราคาเฉลี่ยต่อคนประมาณ 13,XXX บาท (XXX แปลว่าจำไม่ได้) บินจากกรุงเทพไปลอสแองเจลิส โดยสายการบินสัญชาติจีน โดยเครื่องไปพักที่ฮ่องกง (ไม่ต้องทำวีซ่า ถ้าใครไปพักที่อื่นในจีนซึ่งไม่ใช่เมืองที่ละเว้นวีซ่าในการผ่านเมือง ห้ามลืมไปทำวีซ่า ใช่ค่ะ ใช้คำว่า ห้ามลืม ไม่ใช่อย่าลืม เพราะถ้าลืมเท่ากับเสียตั๋วเปล่าๆ ไปเลย)

       พวกเรามีเวลาในการเตรียมตัวก่อนเดินทางประมาณ 7 วัน เนื่องจากตั๋วเป็นตั๋วราคาถูก ทั้งนี้ต้องขอบคุณน้องสาวซึ่งมีงานอดิเรกคือหาตั๋วราคาถูก ที่เป็นคนจัดเตรียมเรื่องต่างๆ ให้ และเนื่องจากว่า เรามีวีซ่าอเมริกาอยู่แล้ว เลยตัดเรื่องการเตรียมเอกสาร - ขอวีซ่าไป หลักๆ คือแค่ อาหารสำเร็จรูปบางอย่าง จองที่พักบางส่วน และศึกษาข้อมูลท่องเที่ยว โดยทริปนี้เราตั้งใจจะไปเที่ยวเมืองอื่นด้วย

แผนโดยคร่าวๆ ดังนี้

[Los Angeles - Las Vegas - Utah]

Zion - Bryce Canyon - Red Canyon - Grand Canyon - Antelope Canyon - Grand Canyon

      วันแรกเราบินจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไปสนามบินนานาชาติที่ลอสแอนเจลิส แล้วมาถึงก็โป๊ะจ้า คือ กระเป๋าแตก พอติดต่อสายการบิน จนท ของสายการบินแจ้งว่า สายการบินไปจ้างบริษัทข้างนอกเป็นผู้จัดการในการโหลดสัมภาระผู้โดยสาร ให้ไปที่เคาทเตอร์ ณ จุดที่เจ้าหน้าที่บอก แล้วไปทำเรื่องเคลมกระเป๋า ซึ่งเราต้องผ่าน ตรวจกระเป๋าต่างๆ นาๆ ก่อน เพราะเคามเตอร์อยู่ส่วนนอก และ ณ จุดนี้อยากบอกทุกคนว่า ถ้าใครเจอประสบการณ์แบบเดียวกัน สิ่งที่ทำได้คือ ต่อรองให้ถึงที่สุดกับ บ.ที่ดูแลเรื่องกระเป๋าจ้า ต่อรองได้พอสมควร
โดยหลังจากที่ทำทุกอย่างจบสิ้นแล้วก็เตรียมเรียกรถ เข้าโรงแรมก่อน ซึ่งโรงแรมที่นี่โดยส่วนมากเวลาเช็คอินคือ บ่าย 4
เราอยากจะแนะนำใครที่อยากไปอเมริกาแล้วไม่อยากเช่ารถ หรือ ใช้แต่รถโดยสารสาธารณะให้โหลดแอพ Uber กับ Lyft เอาไว้เพื่อความสะดวกในการเดินทางและเอาไว้เปรียบเทียบราคา ซึ่งอาจจะต่างกัน 1 - 3 USD (เอาไว้ซื้อขนมได้) แต่ถ้าใครไม่ซีเรียสเรื่องประหยัดเงินเล็กๆ น้อยๆ ก็เลือกโหลดแอพใดแอพหนึ่งค่ะ

      เราจองที่พักแถวโคเรียนทาวน์ ราคาไม่สูงมาก ไม่ไกลจากป้ายรถบัส สะดวกต่อการเดินทาง ไปไหนมาไหนโดยรถสาธารณะ เนื่องจากพวกเรายังเหนื่อยกับการเดินทาง เราจึงไม่ได้ไปไหนในวันแรก นอกจากเดินสำรวจรอบๆ เที่ยวซุปเปอร์มาร์เก็ตในละแวกใกล้เคียง และพักผ่อน

      วันที่สองเราออกเดินทางกันในช่วงสายหน่อยประมาณ 9 โมง ไปฮอลลีวูดวอล์กออฟเฟม (walk of fame) ซึ่งใกล้ๆ จะเดินเที่ยวได้ เนื่องจากมีที่เที่ยวที่อื่นให้เดินไปดูอีกเช่น ไชนีสเทียเตอร์ (Chinese Theatre) หรือ พิพิธภัณฑ์ที่มีอยู่หลากหลายให้เลือกเข้าชม แนะนำว่า ใครที่อยากคำนวนงบหรือไม่แน่ใจว่า ตัวเองจะเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์ไหนดี ให้ลองหาข้อมูลคร่าวๆ ก่อน
      ที่เปิดประสบการณ์กว่าเที่ยวฮอลลีวูดก็ผู้คนที่นี่แหละคะ ขึ้นรถบัสตอนขาไปก็มีคนทะเลาะกันเสียงดังแบบจะเดินไปต่อยกันบนรถ หรือเดินๆ อยู่แล้วมีป้าที่เป็นคนเร่ร่อน (homeless) หันมาด่า ตอนขากลับคิดว่าจะรอดแล้วเรา ก็มีคนจะมีเรื่องกันบนรถอีกเป็นสีสันอีกแบบที่ไม่ค่อยได้เจอ ฮ่าฮ่าฮ่า นั่งไปก็คิดไปว่า จะโดนลูกหลงมั้ยวะตู

      วันที่สามเราก็ไปเที่ยว Los Angeles County Museum of Art วันนี้เดินทางโดยเรียกรถจาก Lyft ซึ่งค่าโดยสารไม่สูงมากนักเนื่องจากไม่ไกลมาก (แต่ก็ไม่ใกล้พอที่จะเดิน)
เป็นอีกจุดที่ใครๆ มา มักจะไม่พลาดที่จะต้องแว๊บไปถ่ายภาพ
พวกเราใช้เวลากันไม่มากนักในการเดินชมรอบๆ ก่อนนั่งรถไปเดินเล่นต่อแถวห้าง Ross ที่เป็นที่เลื่องลือกันเรื่องสินค้าราคาถูก ฮ่าฮ่าฮ่า แต่เนื่องจากเรายังต้องเดินทางอีกหลายเมืองจึงแค่ไปเน้นเดินดมให้ชื่นใจกันเฉยๆ ไม่ได้ของติดมือมามากมาย
เพิ่มเติมสักนิด ในละแวกนั้นมีฟาร์มเมอร์ มาร์เก็ต (Farmer Market) ให้เราได้ซื้อเช่น สินค้าแฮนด์เมด พวกผักผลไม้ อาหารปรุงสุก ขนมหวานต่างๆ อย่าง Candy Apple ขนม homemade หลายสิบชนิด และอื่นๆ ซึ่งราคาไม่สูงมาก แถมยังมีมุมน่ารักๆ ที่ประดับด้วยหุ่นไล่กาให้ถ่ายรูป

      หลังจากเที่ยวกันไปจนเกือบหมดวัน เราก็กลับที่พักมาอาบน้ำและเตรียมตัวเดินทางต่อไปยังลาสเวกัสในช่วงกลางคืน โดยเราโดยสารรถบัส บ. Windstar ในความรู้สึกเรา เราค่อนข้างชอบรถบริษัทนี้ เพราะรู้วึกว่า สภาพรถโอเค ที่นั่งกว้าง

[ข้อแนะนำในการขึ้นรถบัส: ให้ไปก่อนเวลา และพยายามขึ้นรถคิวแรกๆ เพราะบัสที่นี่ไม่มีหมายเลขที่นั่ง และคนที่นี่ชอบขึ้นไปก่อนและเอากระเป๋าตั้งกันที่ข้างๆ ไว้ เพื่อจะได้นั่งคนเดียวสบายๆ และอาจเป็นเหตุให้เราไปนั่งดมส้วมอยู่ข้างห้องน้ำท้ายรถ]
เสริมอีกนิดเผื่อใครจะจอง แนะนำก่อนจองลองเช็คราคาจาก megabus.com นะคะ ราคาค่อนไปทางถูก เช็คจากเว็บนี้แล้วค่อยลองไปดูเว็บอื่นต่อค่ะ
เมื่อเรามาถึงลาสเวกัสในช่วงเช้ามืดของอีกวัน เราก็เรียกรถอูเบอร์ไป รร. ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถบัสนัก เราจอง รร. ไว้โดยหมายเหตุว่า เข้าเช็คอินสายให้เก็บห้องให้ด้วย แต่พอมาถึงห้องที่เราจองดันเต็มพอดี ทางโรงแรมจึงอัพเกรดห้องให้ ซึ่งเราว่าเป็นการรับผิดชอบที่ดีทีเดียว
หลังจากนอนพักกันจนฟ้าสว่าง เราก็เช็คเอาท์ออกตอนช่วง 9 โมง และเรียก Uber ไปสนามบินเพื่อต่อรถชัทเทินบัสฟรีไปยังส่วนที่เป็น บริษัทเช่ารถ เนื่องจากเราตัดสินใจว่า เราจะเดินทางไปยูทาห์โดยเช่ารถขับไปกันเอง เดี๋ยวจะมาเล่าต่อในตอนหน้านะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่