ปลาที่มีอวัยวะสืบพันธุ์อยู่ใต้หัว
ปลา Phallostethus cuulong เป็นปลาชนิดใหม่จากประเทศเวียตนามมันมีอวัยวะสืบพันธุ์อยู่ส่วนหัว นับเป็นชนิดที่ 22 ของสายพันธุ์ Phallostethidae ซึ่งทั้งหมดในสายพันธุ์นี้มีอวัยวะสำหรับการสืบพันธุ์อยู่ถัดจากปากของมัน
ปลา Phallostethus cuulong นี้ เป็นปลาน้ำจืดที่พบได้ในลุ่มแม่น้ำโขงในประเทศเวียดนาม มีขนาดประมาณ 2.5 ซม. มีลำตัวค่อนข้างใส
ทั้งนี้ สัตว์จำพวกปลาส่วนมาก จะมีการผสมพันธุ์ภายนอก นั่นคือตัวเมียจะวางไข่ที่ยังไม่ได้ผสมพันธุ์ลงในแหล่งน้ำ และตัวผู้จะฉีดน้ำเชื้อออกมาภายนอกเพื่อผสมกับไข่ที่ตัวเมียวางเอาไว้ แต่ปลา Phallostethus cuulong ได้วิวัฒนาการอวัยวะเพศพร้อมตะขอไว้เพื่อเกี่ยวยึดกับตัวเมีย (ซึ่งมีอวัยวะสืบพันธุ์อยู่ใต้คางเช่นเดียวกัน) เพื่อช่วยในการผสมพันธุ์ภายใน
อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งที่วางของอวัยวะสืบพันธุ์ในปลาชนิดนี้ สร้างความฉงนให้กับนักวิทยาศาสตร์เป็นอย่างมาก เพราะเหตุใดปลาชนิดนี้จึงวิวัฒนาการมีตำแหน่งอวัยวะสืบพันธุ์ที่ต่างจากสัตว์ชนิดอื่น?
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก koratnana
อ้างอิง/อ่านเพิ่มเติม:
[1]
http://news.nationalgeographic.com/…/120827-genitalia-head…/
[2]
http://www.livescience.com/22824-penis-head-fish-discovered…
Cr.
http://www.liekr.com/post_146186.html
Cr.
https://th-th.facebook.com/ สัตว์โลกสัปดน
ความลับพันธุกรรมของฉลามขาว
ฉลามขาวนอกจากจะเป็นหนึ่งในสัตว์นักล่าที่น่ากลัวที่สุดในมหาสมุทรโลก พวกมันยังมีวิวัฒนาการที่เจริญรุ่งเรืองมานานกว่า 400 ล้านปี ขณะที่เผ่าพันธุ์มนุษย์เราปรากฏตัวประมาณ 300,000 ปีก่อนเท่านั้น และที่น่าทึ่งอีกอย่างคือฉลามขาวยังแสดงการดัดแปลงทางพันธุกรรมในยีนต่างๆที่มีบทบาทต่อการรักษาบาดแผลในร่างกายได้อย่างน่าตื่นเต้น
ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ ในสหรัฐอเมริกาเผยว่า ฉลามขาวมียีนที่เกี่ยวข้องกับการสร้างองค์ประกอบที่สำคัญของการอุดตันในเลือด หลังจากพวกเขาได้ถอดรหัสข้อมูลทางพันธุกรรมทั้งหมดหรือจีโนม (genome) ของฉลามขาวเพื่อช่วยอธิบายความสำเร็จของวิวัฒนาการที่น่าตื่นตะลึงนี้ โดยเฉพาะการดัดแปลงและเสริมแต่งยีนที่จำเป็นสำหรับการรักษาบาดแผล อาจช่วยให้ฉลามขาวสามารถรักษาบาดแผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความรู้ใหม่ดังกล่าว นักวิจัยเชื่อว่าอาจมีประโยชน์ต่อการนำไปประยุกต์ใช้กับมนุษย์ สำหรับการต่อสู้กับโรคมะเร็ง และโรคที่เกี่ยวข้องกับวัยที่มาจากความไม่เสถียรของจีโนม.
Cr.
https://www.thairath.co.th/news/society/1503881
ตะพาบสามารถถ่ายปัสสาวะทางปาก
เมื่อสัตว์จำพวก ตะพาบชนิดหนึ่งในประเทศจีนจำต้องว่ายวนอยู่ในแอ่งน้ำเล็กๆ พวกมันจะถ่ายปัสสาวะทางปาก (ขับถ่ายยูเรียออกทางปาก) ในเดือนตุลาคมนักวิทยาศาสตร์ได้รายงานแสดงหลักฐานครั้งแรกที่พบว่าพวกมันทำเช่นนั้น การค้นพบยังสามารถนำมาวิจัยต่อได้เพื่อช่วยมนุษย์ที่มีปัญหาด้านโรคไตล้ม เหลว
ตะพาบไต้หวัน Pelodiscus sinensis เป็นตะพาบที่มีถิ่นกำเนิดในเอเซียตะวันออก เช่น จีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น นักวิทยาศาสตร์สังเกตเห็นมาตั้งนานเป็นร้อยกว่าปีแล้วว่าภายในปากของตะพาบชนิดนี้มีแถวของตุ่มเล็กๆ ยาวยื่นออกมาเรียงเป็นแถวไปทั่วทั้งปาก และก็มีการทดลองแสดงให้เห็นว่าตุ่มพวกนี้ช่วยเพิ่มพื้นที่ผิวการแลกเปลี่ยนก๊าซ ทำให้ตะพาบสามารถหายใจใต้น้ำได้เป็นเวลานาน ถ้ามันพอใจจะทำ ตะพาบไต้หวันก็ดำน้ำต่อเนื่องได้นานถึง 10 ชั่วโมงอย่างสบายๆ
นักวิทยาศาสตร์คาดว่าการขับถ่ายสุดพิลึกนี้น่าจะเป็นตัวช่วยที่ทำให้ตะพาบไต้หวันสามารถอาศัยอยู่ในถิ่นน้ำกร่อยและน้ำเค็มในพื้นที่ชุ่มน้ำปากแม่น้ำได้ การขับถ่ายยูเรียโดยไตจำเป็นจะต้องดื่มน้ำผ่านทางปากเข้าไปก่อน แต่ว่าน้ำเค็มก็มีปริมาณเกลือเข้มข้น ตะพาบไม่ได้มีกลไกการกำจัดเกลือส่วนเกินที่มีประสิทธิภาพขนาดนั้น วิธีอมน้ำเข้าไปบ้วนยูเรียออกจากปากจึงเป็นนวัตกรรมทางวิวัฒนาการที่ช่วยให้ตะพาบก้าวข้ามผ่านปัญหาจุดนี้ได้
ขอบคุณที่มา - New Scientist, ScienceBlog
Cr.
https://jusci.net/node/2838
ความลับของ “ผีเสื้อจักรพรรดิ”
“ผีเสื้อจักรพรรดิ” เป็นผีเสื้อชนิดที่รู้จักกันดีที่สุดในโลกชนิดหนึ่งจากสีสันเหลืองทองสดใสแล้วยังเป็นเพราะการยกขบวนกันอพยพครั้งใหญ่ในทุกๆ ปี จากทางเหนือสุดของแคนาดาไปยังพื้นที่ริมฝั่งอ่าวเม็กซิโก สร้างความสนใจให้กับนักวิทยาศาสตร์มาเนิ่นนานในหลายๆ เรื่อง ตั้งแต่เรื่องของพัฒนาการของผีเสื้อจักรพรรดิเอง เรื่อยไปจนถึงพื้นที่ที่ผีเสื้อเหล่านี้อพยพไป
งานวิจัยเกี่ยวกับผีเสื้อจักรพรรดิชิ้นใหม่ โนอาห์ ไวท์แมน นักชีววิทยาของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ที่เขียนรายงานการวิจัยเผยแพร่ในวารสารวิชาการ เจอร์นัล เนเจอร์ เมื่อเร็วๆ นี้ ช่วยไขปริศนาสำคัญอีกอย่างหนึ่งเกี่ยวกับการอพยพของผีเสื้อจักรพรรดิได้ นั่นคือความลับที่ว่า ผีเสื้อจักรพรรดิสามารถวิวัฒนาการความสามารถในการเปลี่ยนตัวเองให้เป็น “พิษ” จนทำให้ไม่ตกเป็นเหยื่อถูกสัตว์นักล่าจับกินเป็นอาหารในระหว่างเส้นทางอพยพยาวนานนั้น
อ่านเพิ่มเติม
Cr.
https://www.matichon.co.th/lifestyle/tech/news_1716197
ค้างคาวแวมไพร์ ดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยการดื่มกินเลือดเพียงอย่างเดียว
(BROCK FENTON ค้างคาวแวมไพร์ ออกหากินในเวลากลางคืน โดยจะกินเพียงเลือดของสัตว์เลือดอุ่นขนาดใหญ่กว่า ซึ่งรวมถึงเลือดมนุษย์ เป็นอาหาร )
การวิเคราะห์ดีเอ็นเอ พบหลักฐานที่บ่งชี้ว่า การปรับตัวในเชิงวิวัฒนาการของจุลินทรีย์ในลําไส้และจีโนมของค้างคาวแวมไพร์ หรือ ค้างคาวดูดเลือด (Vampire bat) ช่วยให้มันดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยการดื่มกินเลือดเพียงอย่างเดียว แม้เลือดมีโปรตีนสูง แต่ว่ามีสารอาหารอย่างอื่นต่ำ อย่างเช่น คาร์โบไฮเดรต และวิตามิน นอกจากนี้ยังมีเชื้อไวรัสที่เป็นอันตรายถึงชีวิตอยู่ด้วย
แต่ค้างคาวดูดเลือดวิวัฒนาการตัวมันให้จัดการกับปัญหาเหล่านี้ได้ ในแต่ละวันค้างคาวแวมไพร์สามารถกินเลือดได้มากถึงครึ่งหนึ่งของน้ำหนักตัวมันเอง ต่างจากค้างคาวชนิดอื่นที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยการกินผลไม้ น้ำหวานเกสรดอกไม้ และแมลงต่าง ๆ
ผลการศึกษาของทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกนในเดนมาร์ก ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Ecology and Evolution พบว่า ค้างคาวแวมไพร์ มียีนที่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันโรคและกระบวนการเมตาบอลิซึม ซึ่งเป็นกระบวนการย่อยสารอาหารเพื่อนำไปใช้เสริมสร้างซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย ที่มีความแตกต่างไปจากค้างคาวชนิดอื่นอย่างมาก
ทีมวิจัยพบว่า ค้างคาวแวมไพร์มีจีโนม หรือ ข้อมูลทางพันธุกรรม ขนาดเดียวกับค้างคาวชนิดอื่น แต่จีโนมของพวกมันมียีนกระโดด หรือยีนสัญจร (jumping genes) ซึ่งเป็นการที่ลำดับดีเอ็นเอ (DNA sequence) เปลี่ยนตำแหน่งในจีโนม มากกว่าค้างคาวประเภทอื่น
นอกจากนี้ จุลินทรีย์ในลําไส้ค้างคาวแวมไพร์ยังมีลักษณะเฉพาะด้วย โดยพบว่าวิวัฒนาการนี้เกิดขึ้นไปพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของจีโนม อีกทั้งยังพบเชื้อแบคทีเรียกว่า 280 ชนิดในมูลของพวกมัน ซึ่งเป็นเชื้อที่อาจให้สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่นล้มป่วยได้
Cr.
https://www.bbc.com/thai/features-43170345
ไดโนเสาร์ใช้ 50 ล้านปี แปลงกายเป็นนก
นักวิทยาศาสตร์พบความลับใหญ่ของไดโนเสาร์พวกหนึ่ง วิวัฒนาการตัวเองจากสัตว์ขนาดยักษ์ เดินดิน กินเนื้อสัตว์เป็นอาหาร จนค่อยๆกลายมาเป็นนก ในช่วงเวลา 50 ล้านปีที่แล้วมาได้สำเร็จ...
ไดโนเสาร์กลุ่มเทอโรพอด ได้วิวัฒนาการโดยลดขนาดตัวเอง ระหว่างช่วงระยะเวลาดังกล่าวจากสัตว์ใหญ่ หนัก 163 กก. มากลายเป็นนกที่หนักแค่ 0.8 กก. มาจนถึงปัจจุบัน โดยได้เปลี่ยนแปลงขนาดกะโหลกศีรษะไปถึง 4 ครั้ง การวิวัฒนาการมาอย่างต่อเนื่องได้ช่วยให้พวกมันสามารถรอดพ้นจากการสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์กลุ่มอื่นทั้งหมดมาได้
ดร.ไมเคิล ลี อาจารย์วิชาที่ว่าด้วยชีวิตสัตว์สมัยดึกดำบรรพ์ มหาวิทยาลัยอเดเลด ผู้เป็นหัวหน้าคณะนักวิจัย ได้ลำดับเรื่องให้ฟังว่า “ไดโนเสาร์กลุ่มซึ่งวิวัฒนาการมาอย่างรวดเร็วที่สุดนี้ ได้บังเอิญมาเป็นบรรพบุรุษของบรรดาวิหคทั้งหลาย”.
ขอบคุณที่มา -
http://www.thairath.co.th/content/441583
Cr.
http://www.akcsys.org/master/index.php?topic=525.0
น้ำนมตุ่นปากเป็ด ที่สามารถฆ่าเชื้อดื้อยาโดยสิ้นเชิง
“ซูเปอร์บั๊ก” คือชื่อเรียกเชื้อโรคที่ดื้อยาปฏิชีวนะทุกชนิด ที่แม้กระทั่งยาแรงๆอย่าง “โคลิสติน” ก็ฆ่าไม่ตาย อันจะนำโลกไปสู่ยุคมืดทางการแพทย์ วันหนึ่งในอนาคตที่แพทย์ไม่อาจจะผ่าตัดใดๆหรือแม้แต่ทำฟันก็ทำไม่ได้ เพราะคนไข้อาจตายจากการติดเชื้อได้ทุกเมื่อ
ตลอดเวลา่ที่ผ่านมาก็มีการพยายามเฟ้นหายาใหม่ๆจากเคมีที่ผสมขึ้นมา หรือจากธรรมชาติเช่นเห็ดพิษ หรืแแม้แต่เลือดของมังกรโคโมโดก็มีการพยายามวิจัยมาแล้วในปี 2017 ตามนี้
ก่อนหน้านั้นในปี 2010 ก็มีการค้นพบว่าน้ำนมของตุ่นปากเป็ดสามารถฆ่า “ซูเปอร์บั๊ก” ได้เช่นกัน และตลอดช่วงที่ผ่านมาก็มีการค้นคว้าเจาะลึกหาองค์ประกอบในน้ำนมที่ว่าเพื่อทำความเข้าใจกลไกการทำงานเพื่อให้เราสามารถสร้างยาปฏิชีวนะรุ่นใหม่ที่โลกกำลังต้องการเป็นอย่างยิ่งขึ้นมาได้
ล่าสุดทีมงานขององค์การวิจัยทางวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมแห่งเครือจักรภพ (CSIRO) ที่ออสเตรเลีย ได้พบคำตอบของปริศนานี้แล้ว นั่นคือ ในน้ำนมของตุ่นปากเป็ด ที่เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเพียง 1 ใน 2 ชนิดของโลกที่ออกลูกเป็นไข่นั้น มีส่วนประกอบของโปรตีนที่มีโครงสร้างแปลกประหลาดผสมอยู่ โปรตีนที่ว่านี้มีลักษณะเป็นเกลียวยาวคล้ายผมผู้หญิงที่ม้วนเป็นหลอด และมีรูปแบบการพับตัวไม่เหมือนกับโครงสร้างโปรตีนกว่า 1 แสนชนิดที่นักวิทยาศาสตร์รู้จักกันอยู่ในปัจจุบัน
นักวิจัยตั้งชื่อเล่นให้กับโปรตีนชนิดนี้ว่า “เชอร์ลีย์ เทมเพิล” ตามชื่อของดาราเด็กชาวอเมริกันผู้โด่งดังในยุคทศวรรษที่สามสิบ ที่มีทรงผมม้วนเป็นหลอดหรือเป็นเกลียวแบบนี้ ผลการศึกษานี้ ตีพิมพ์เผยแพร่ลงในวารสาร Structural Biology Communications
สาเหตุที่น้ำนมตุ่นปากเป็ดมีโปรตีนพิเศษเช่นนี้ก็มาจากวิวัฒนาการเพื่อความอยู่รอด เนื่องจากหัวนมของสัตว์อื่นเป็นระบบปิดที่ลูกของสัตว์นั้นสามารถอมเข้าไปได้ แต่ตุ่นปากเป็ดไม่มีหัวนม มันใช้วิธีหลั่งน้ำนมท้องผ่านทางท่อเล็กๆออกมาไว้ที่หน้าท้องเพื่อให้ลูกกิน วิธีแบบนี้แทบไม่ต้องสงสัยเลยว่า ลูกตุ่นเสี่ยงต่อการติดเชื้อร้ายในสิ่งแวดล้อมแค่ไหน ธรรมชาติจึงสร้างโปรตีนทีทำหน้าที่เหมือนยาฆ่าเชื้อโรคชนิดพิเศษผสมเอาไว้ให้ในน้ำนม ทำให้มันสามารถดำรงเผ่าพันธุ์สืบต่อมา
ขอบคุณข้อมูลเรียบเรียงโดย @MrVop
เครดิตภาพประกอบจาก BBC
Cr.
https://stem.in.th/พบความลับในน้ำนมตุ่นปา/
ความลึกลับของการวิวัฒนาการในสัตว์
ปลา Phallostethus cuulong เป็นปลาชนิดใหม่จากประเทศเวียตนามมันมีอวัยวะสืบพันธุ์อยู่ส่วนหัว นับเป็นชนิดที่ 22 ของสายพันธุ์ Phallostethidae ซึ่งทั้งหมดในสายพันธุ์นี้มีอวัยวะสำหรับการสืบพันธุ์อยู่ถัดจากปากของมัน
ปลา Phallostethus cuulong นี้ เป็นปลาน้ำจืดที่พบได้ในลุ่มแม่น้ำโขงในประเทศเวียดนาม มีขนาดประมาณ 2.5 ซม. มีลำตัวค่อนข้างใส
ทั้งนี้ สัตว์จำพวกปลาส่วนมาก จะมีการผสมพันธุ์ภายนอก นั่นคือตัวเมียจะวางไข่ที่ยังไม่ได้ผสมพันธุ์ลงในแหล่งน้ำ และตัวผู้จะฉีดน้ำเชื้อออกมาภายนอกเพื่อผสมกับไข่ที่ตัวเมียวางเอาไว้ แต่ปลา Phallostethus cuulong ได้วิวัฒนาการอวัยวะเพศพร้อมตะขอไว้เพื่อเกี่ยวยึดกับตัวเมีย (ซึ่งมีอวัยวะสืบพันธุ์อยู่ใต้คางเช่นเดียวกัน) เพื่อช่วยในการผสมพันธุ์ภายใน
อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งที่วางของอวัยวะสืบพันธุ์ในปลาชนิดนี้ สร้างความฉงนให้กับนักวิทยาศาสตร์เป็นอย่างมาก เพราะเหตุใดปลาชนิดนี้จึงวิวัฒนาการมีตำแหน่งอวัยวะสืบพันธุ์ที่ต่างจากสัตว์ชนิดอื่น?
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก koratnana
อ้างอิง/อ่านเพิ่มเติม:
[1] http://news.nationalgeographic.com/…/120827-genitalia-head…/
[2] http://www.livescience.com/22824-penis-head-fish-discovered…
Cr.http://www.liekr.com/post_146186.html
Cr.https://th-th.facebook.com/ สัตว์โลกสัปดน
ความลับพันธุกรรมของฉลามขาว
ฉลามขาวนอกจากจะเป็นหนึ่งในสัตว์นักล่าที่น่ากลัวที่สุดในมหาสมุทรโลก พวกมันยังมีวิวัฒนาการที่เจริญรุ่งเรืองมานานกว่า 400 ล้านปี ขณะที่เผ่าพันธุ์มนุษย์เราปรากฏตัวประมาณ 300,000 ปีก่อนเท่านั้น และที่น่าทึ่งอีกอย่างคือฉลามขาวยังแสดงการดัดแปลงทางพันธุกรรมในยีนต่างๆที่มีบทบาทต่อการรักษาบาดแผลในร่างกายได้อย่างน่าตื่นเต้น
ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ ในสหรัฐอเมริกาเผยว่า ฉลามขาวมียีนที่เกี่ยวข้องกับการสร้างองค์ประกอบที่สำคัญของการอุดตันในเลือด หลังจากพวกเขาได้ถอดรหัสข้อมูลทางพันธุกรรมทั้งหมดหรือจีโนม (genome) ของฉลามขาวเพื่อช่วยอธิบายความสำเร็จของวิวัฒนาการที่น่าตื่นตะลึงนี้ โดยเฉพาะการดัดแปลงและเสริมแต่งยีนที่จำเป็นสำหรับการรักษาบาดแผล อาจช่วยให้ฉลามขาวสามารถรักษาบาดแผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความรู้ใหม่ดังกล่าว นักวิจัยเชื่อว่าอาจมีประโยชน์ต่อการนำไปประยุกต์ใช้กับมนุษย์ สำหรับการต่อสู้กับโรคมะเร็ง และโรคที่เกี่ยวข้องกับวัยที่มาจากความไม่เสถียรของจีโนม.
Cr.https://www.thairath.co.th/news/society/1503881
ตะพาบสามารถถ่ายปัสสาวะทางปาก
เมื่อสัตว์จำพวก ตะพาบชนิดหนึ่งในประเทศจีนจำต้องว่ายวนอยู่ในแอ่งน้ำเล็กๆ พวกมันจะถ่ายปัสสาวะทางปาก (ขับถ่ายยูเรียออกทางปาก) ในเดือนตุลาคมนักวิทยาศาสตร์ได้รายงานแสดงหลักฐานครั้งแรกที่พบว่าพวกมันทำเช่นนั้น การค้นพบยังสามารถนำมาวิจัยต่อได้เพื่อช่วยมนุษย์ที่มีปัญหาด้านโรคไตล้ม เหลว
ตะพาบไต้หวัน Pelodiscus sinensis เป็นตะพาบที่มีถิ่นกำเนิดในเอเซียตะวันออก เช่น จีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น นักวิทยาศาสตร์สังเกตเห็นมาตั้งนานเป็นร้อยกว่าปีแล้วว่าภายในปากของตะพาบชนิดนี้มีแถวของตุ่มเล็กๆ ยาวยื่นออกมาเรียงเป็นแถวไปทั่วทั้งปาก และก็มีการทดลองแสดงให้เห็นว่าตุ่มพวกนี้ช่วยเพิ่มพื้นที่ผิวการแลกเปลี่ยนก๊าซ ทำให้ตะพาบสามารถหายใจใต้น้ำได้เป็นเวลานาน ถ้ามันพอใจจะทำ ตะพาบไต้หวันก็ดำน้ำต่อเนื่องได้นานถึง 10 ชั่วโมงอย่างสบายๆ
นักวิทยาศาสตร์คาดว่าการขับถ่ายสุดพิลึกนี้น่าจะเป็นตัวช่วยที่ทำให้ตะพาบไต้หวันสามารถอาศัยอยู่ในถิ่นน้ำกร่อยและน้ำเค็มในพื้นที่ชุ่มน้ำปากแม่น้ำได้ การขับถ่ายยูเรียโดยไตจำเป็นจะต้องดื่มน้ำผ่านทางปากเข้าไปก่อน แต่ว่าน้ำเค็มก็มีปริมาณเกลือเข้มข้น ตะพาบไม่ได้มีกลไกการกำจัดเกลือส่วนเกินที่มีประสิทธิภาพขนาดนั้น วิธีอมน้ำเข้าไปบ้วนยูเรียออกจากปากจึงเป็นนวัตกรรมทางวิวัฒนาการที่ช่วยให้ตะพาบก้าวข้ามผ่านปัญหาจุดนี้ได้
ขอบคุณที่มา - New Scientist, ScienceBlog
Cr.https://jusci.net/node/2838
ความลับของ “ผีเสื้อจักรพรรดิ”
“ผีเสื้อจักรพรรดิ” เป็นผีเสื้อชนิดที่รู้จักกันดีที่สุดในโลกชนิดหนึ่งจากสีสันเหลืองทองสดใสแล้วยังเป็นเพราะการยกขบวนกันอพยพครั้งใหญ่ในทุกๆ ปี จากทางเหนือสุดของแคนาดาไปยังพื้นที่ริมฝั่งอ่าวเม็กซิโก สร้างความสนใจให้กับนักวิทยาศาสตร์มาเนิ่นนานในหลายๆ เรื่อง ตั้งแต่เรื่องของพัฒนาการของผีเสื้อจักรพรรดิเอง เรื่อยไปจนถึงพื้นที่ที่ผีเสื้อเหล่านี้อพยพไป
งานวิจัยเกี่ยวกับผีเสื้อจักรพรรดิชิ้นใหม่ โนอาห์ ไวท์แมน นักชีววิทยาของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ที่เขียนรายงานการวิจัยเผยแพร่ในวารสารวิชาการ เจอร์นัล เนเจอร์ เมื่อเร็วๆ นี้ ช่วยไขปริศนาสำคัญอีกอย่างหนึ่งเกี่ยวกับการอพยพของผีเสื้อจักรพรรดิได้ นั่นคือความลับที่ว่า ผีเสื้อจักรพรรดิสามารถวิวัฒนาการความสามารถในการเปลี่ยนตัวเองให้เป็น “พิษ” จนทำให้ไม่ตกเป็นเหยื่อถูกสัตว์นักล่าจับกินเป็นอาหารในระหว่างเส้นทางอพยพยาวนานนั้น
อ่านเพิ่มเติม
Cr.https://www.matichon.co.th/lifestyle/tech/news_1716197
ค้างคาวแวมไพร์ ดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยการดื่มกินเลือดเพียงอย่างเดียว
(BROCK FENTON ค้างคาวแวมไพร์ ออกหากินในเวลากลางคืน โดยจะกินเพียงเลือดของสัตว์เลือดอุ่นขนาดใหญ่กว่า ซึ่งรวมถึงเลือดมนุษย์ เป็นอาหาร )
การวิเคราะห์ดีเอ็นเอ พบหลักฐานที่บ่งชี้ว่า การปรับตัวในเชิงวิวัฒนาการของจุลินทรีย์ในลําไส้และจีโนมของค้างคาวแวมไพร์ หรือ ค้างคาวดูดเลือด (Vampire bat) ช่วยให้มันดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยการดื่มกินเลือดเพียงอย่างเดียว แม้เลือดมีโปรตีนสูง แต่ว่ามีสารอาหารอย่างอื่นต่ำ อย่างเช่น คาร์โบไฮเดรต และวิตามิน นอกจากนี้ยังมีเชื้อไวรัสที่เป็นอันตรายถึงชีวิตอยู่ด้วย
แต่ค้างคาวดูดเลือดวิวัฒนาการตัวมันให้จัดการกับปัญหาเหล่านี้ได้ ในแต่ละวันค้างคาวแวมไพร์สามารถกินเลือดได้มากถึงครึ่งหนึ่งของน้ำหนักตัวมันเอง ต่างจากค้างคาวชนิดอื่นที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยการกินผลไม้ น้ำหวานเกสรดอกไม้ และแมลงต่าง ๆ
ผลการศึกษาของทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกนในเดนมาร์ก ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Ecology and Evolution พบว่า ค้างคาวแวมไพร์ มียีนที่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันโรคและกระบวนการเมตาบอลิซึม ซึ่งเป็นกระบวนการย่อยสารอาหารเพื่อนำไปใช้เสริมสร้างซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย ที่มีความแตกต่างไปจากค้างคาวชนิดอื่นอย่างมาก
ทีมวิจัยพบว่า ค้างคาวแวมไพร์มีจีโนม หรือ ข้อมูลทางพันธุกรรม ขนาดเดียวกับค้างคาวชนิดอื่น แต่จีโนมของพวกมันมียีนกระโดด หรือยีนสัญจร (jumping genes) ซึ่งเป็นการที่ลำดับดีเอ็นเอ (DNA sequence) เปลี่ยนตำแหน่งในจีโนม มากกว่าค้างคาวประเภทอื่น
นอกจากนี้ จุลินทรีย์ในลําไส้ค้างคาวแวมไพร์ยังมีลักษณะเฉพาะด้วย โดยพบว่าวิวัฒนาการนี้เกิดขึ้นไปพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของจีโนม อีกทั้งยังพบเชื้อแบคทีเรียกว่า 280 ชนิดในมูลของพวกมัน ซึ่งเป็นเชื้อที่อาจให้สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่นล้มป่วยได้
Cr.https://www.bbc.com/thai/features-43170345
ไดโนเสาร์ใช้ 50 ล้านปี แปลงกายเป็นนก
นักวิทยาศาสตร์พบความลับใหญ่ของไดโนเสาร์พวกหนึ่ง วิวัฒนาการตัวเองจากสัตว์ขนาดยักษ์ เดินดิน กินเนื้อสัตว์เป็นอาหาร จนค่อยๆกลายมาเป็นนก ในช่วงเวลา 50 ล้านปีที่แล้วมาได้สำเร็จ...
ไดโนเสาร์กลุ่มเทอโรพอด ได้วิวัฒนาการโดยลดขนาดตัวเอง ระหว่างช่วงระยะเวลาดังกล่าวจากสัตว์ใหญ่ หนัก 163 กก. มากลายเป็นนกที่หนักแค่ 0.8 กก. มาจนถึงปัจจุบัน โดยได้เปลี่ยนแปลงขนาดกะโหลกศีรษะไปถึง 4 ครั้ง การวิวัฒนาการมาอย่างต่อเนื่องได้ช่วยให้พวกมันสามารถรอดพ้นจากการสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์กลุ่มอื่นทั้งหมดมาได้
ดร.ไมเคิล ลี อาจารย์วิชาที่ว่าด้วยชีวิตสัตว์สมัยดึกดำบรรพ์ มหาวิทยาลัยอเดเลด ผู้เป็นหัวหน้าคณะนักวิจัย ได้ลำดับเรื่องให้ฟังว่า “ไดโนเสาร์กลุ่มซึ่งวิวัฒนาการมาอย่างรวดเร็วที่สุดนี้ ได้บังเอิญมาเป็นบรรพบุรุษของบรรดาวิหคทั้งหลาย”.
ขอบคุณที่มา - http://www.thairath.co.th/content/441583
Cr.http://www.akcsys.org/master/index.php?topic=525.0
น้ำนมตุ่นปากเป็ด ที่สามารถฆ่าเชื้อดื้อยาโดยสิ้นเชิง
“ซูเปอร์บั๊ก” คือชื่อเรียกเชื้อโรคที่ดื้อยาปฏิชีวนะทุกชนิด ที่แม้กระทั่งยาแรงๆอย่าง “โคลิสติน” ก็ฆ่าไม่ตาย อันจะนำโลกไปสู่ยุคมืดทางการแพทย์ วันหนึ่งในอนาคตที่แพทย์ไม่อาจจะผ่าตัดใดๆหรือแม้แต่ทำฟันก็ทำไม่ได้ เพราะคนไข้อาจตายจากการติดเชื้อได้ทุกเมื่อ
ตลอดเวลา่ที่ผ่านมาก็มีการพยายามเฟ้นหายาใหม่ๆจากเคมีที่ผสมขึ้นมา หรือจากธรรมชาติเช่นเห็ดพิษ หรืแแม้แต่เลือดของมังกรโคโมโดก็มีการพยายามวิจัยมาแล้วในปี 2017 ตามนี้
ก่อนหน้านั้นในปี 2010 ก็มีการค้นพบว่าน้ำนมของตุ่นปากเป็ดสามารถฆ่า “ซูเปอร์บั๊ก” ได้เช่นกัน และตลอดช่วงที่ผ่านมาก็มีการค้นคว้าเจาะลึกหาองค์ประกอบในน้ำนมที่ว่าเพื่อทำความเข้าใจกลไกการทำงานเพื่อให้เราสามารถสร้างยาปฏิชีวนะรุ่นใหม่ที่โลกกำลังต้องการเป็นอย่างยิ่งขึ้นมาได้
ล่าสุดทีมงานขององค์การวิจัยทางวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมแห่งเครือจักรภพ (CSIRO) ที่ออสเตรเลีย ได้พบคำตอบของปริศนานี้แล้ว นั่นคือ ในน้ำนมของตุ่นปากเป็ด ที่เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเพียง 1 ใน 2 ชนิดของโลกที่ออกลูกเป็นไข่นั้น มีส่วนประกอบของโปรตีนที่มีโครงสร้างแปลกประหลาดผสมอยู่ โปรตีนที่ว่านี้มีลักษณะเป็นเกลียวยาวคล้ายผมผู้หญิงที่ม้วนเป็นหลอด และมีรูปแบบการพับตัวไม่เหมือนกับโครงสร้างโปรตีนกว่า 1 แสนชนิดที่นักวิทยาศาสตร์รู้จักกันอยู่ในปัจจุบัน
นักวิจัยตั้งชื่อเล่นให้กับโปรตีนชนิดนี้ว่า “เชอร์ลีย์ เทมเพิล” ตามชื่อของดาราเด็กชาวอเมริกันผู้โด่งดังในยุคทศวรรษที่สามสิบ ที่มีทรงผมม้วนเป็นหลอดหรือเป็นเกลียวแบบนี้ ผลการศึกษานี้ ตีพิมพ์เผยแพร่ลงในวารสาร Structural Biology Communications
สาเหตุที่น้ำนมตุ่นปากเป็ดมีโปรตีนพิเศษเช่นนี้ก็มาจากวิวัฒนาการเพื่อความอยู่รอด เนื่องจากหัวนมของสัตว์อื่นเป็นระบบปิดที่ลูกของสัตว์นั้นสามารถอมเข้าไปได้ แต่ตุ่นปากเป็ดไม่มีหัวนม มันใช้วิธีหลั่งน้ำนมท้องผ่านทางท่อเล็กๆออกมาไว้ที่หน้าท้องเพื่อให้ลูกกิน วิธีแบบนี้แทบไม่ต้องสงสัยเลยว่า ลูกตุ่นเสี่ยงต่อการติดเชื้อร้ายในสิ่งแวดล้อมแค่ไหน ธรรมชาติจึงสร้างโปรตีนทีทำหน้าที่เหมือนยาฆ่าเชื้อโรคชนิดพิเศษผสมเอาไว้ให้ในน้ำนม ทำให้มันสามารถดำรงเผ่าพันธุ์สืบต่อมา
ขอบคุณข้อมูลเรียบเรียงโดย @MrVop
เครดิตภาพประกอบจาก BBC
Cr.https://stem.in.th/พบความลับในน้ำนมตุ่นปา/