“Alnwick Garden” สวนที่อันตรายที่สุดในโลก

กระทู้คำถาม

ชีววิทยา ธรณีวิทยา ประวัติศาสตร์ อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ต้นไม้

ปกติหากจินตนาการถึงสวนพฤกษศาสตร์สักแห่งหนึ่ง เราคงนึกถึงสวยสีเขียว กลิ่นทุ่งดอกไม้ กับเสียงนกแมลงชวนให้ผ่อนคลาย แต่คงไม่ใช่กับสวน แอนนิคการ์เดน (Alnwick Garden) ในประเทศอังกฤษ เพราะนักท่องเที่ยวที่มาที่นี้จะไม่ได้รับอนุญาตให้สัมผัส, ดมกลิ่นหรือแอบชิมอะไรในสวนทั้งสิ้น เนื่องจากต้นไม้ที่ปลูกเอาไว้กว่าร้อยสายพันธุ์ล้วนแต่มีพิษอันตราย แถมบางต้นก็อาจถึงตาย

สวนพิษแห่งนี้ตั้งอยู่ติดกับ ปราสาทแอนนิค (Alnwick Castle) ใน นอร์ทธัมเบอร์แลนด์ (Northumberland) ประเทศอังกฤษ มีเนื้อที่ราว 106 ไร่ เริ่มก่อสร้างขึ้นในปี 1750 โดย ฮิว เพอร์ซี (Hugh Percy) ดยุกคนแรกแห่งนอร์ทธัมเบอร์แลนด์ แต่ตอนตอนนั้นยังไม่เป็นรูปเป็นร่างนัก ก่อนจะถูกปรับปรุงอีกใหม่ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 โดยดยุคย์คนที่ 4 จนกลายเป็นสวนที่งดงาม เต็มไปด้วยดอกไม้

(นี่คือ “ประตูเหล็ก” ทางเข้าของสวนแห่งนี้ พร้อมคำเตือนเที่ขียนไว้อย่างชัดเจนว่า พืชเหล่านี้อันตราย และสามารถฆ่าคนตายได้)

(ที่สำคัญคุณจะพบกับอุโมงค์ต้นไม้ ที่ให้คุณเดินผ่านไปยังสวนพิษ ถึงมันจะดูสวยงามมาก แต่กลับเป็นเส้นทางที่นำไปสู่ความอันตราย)

อย่างไรก็ตามในช่วงแคมเปญ “ขุดเพื่อชัยชนะ” (Dig for Victory) ของอังกฤษระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 (สนับสนุนให้ทุกคนปลูกอาหารเพื่อเลี้ยงตนเองและประเทศชาติ) ทำให้สวนแอนนิคถูกเปลี่ยนเป็นพื้นที่เพาะปลูกผลผลิตทางการเกษตรแทนจนกระทั่งปิดตัวลงจากพิษเศรษฐกิจหลังสงครามในปี 1950

ต้องขอบคุณ ‘เจน เพอร์ซี’ (Jane Percy) ดัชเชสแห่งนอร์ทธัมเบอร์แลนด์คนที่ 12 (Duchess of Northumberland) โดยดัชเชสเจนต้องการให้สวนแห่งนี้แตกต่างจากสวนอื่นๆ ทั่วไป จึงได้ว่าจ้างภูมิสถาปนิกสองพี่น้องชาวเบลเยียมนามว่า Jacques และ Peter Wirtz ให้มาทำการออกแบบสวนและวางผังของสวนเสียใหม่ เพื่อความสวยงามแปลกตายากที่จะหาใครลอกเลียนแบบได้ในปี 1997

( เจน เพอร์ซี (Jane Percy) ดัชเชสแห่นอร์ทธัมเบอร์แลนด์คนที่ 12 )

มันกลายเป็นสวนที่มีความซับซ้อนร่วมสมัย มีน้ำตก, อุโมงค์ต้นไม้, สวนเบอร์รี่, บาร์, ร้านอาหาร รวมทั้งยังมีการก่อสร้างโรงเรือนกระจกที่ใหญ่ที่สุดในโลกเอาไว้ด้วย โดยใช้ทุนไปทั้งหมด 42 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,800 ล้านบาท) ทำให้ “อันนิคการ์เดน” กลายเป็นสวนที่มีมูลค่ามหาศาลสูงที่สุดในสหราชอาณาจักรนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง

ก่อนที่ในปี 2005 เลดี้ เพอร์ซี่ จะสร้าง ‘สวนพิษ’ เข้ามาเพิ่ม หลังได้รับแรงบันดาลใจมาจากสวน “Orto Botanico di Padova” ในอิตาลี
และด้วยความนิยมของสวนพิษ ทำให้มีการต่อเติมและสะสมพืชพรรณที่เป็นอันตรายจากทั่วโลกเอาไว้มากขึ้นเรื่อย ๆ รวมทั้งสายพันธุ์ที่อันตรายถึงชีวิต

นี่คือพืชบางชนิดที่จะพบในสวนพิษ

- Strychnos nux-vomica (“ต้นแสลงใจ” มีสาร ‘สตริกนิน’ ใช้เล็กน้อยเป็นยาได้ แต่ก็อาจถึงตายถ้าใช้มากเกินไป )
Cr.http://flowering-plants.blogspot.com/2011/02/strychnos-nux-vomica.html

- Ricinus Communis (“ต้นละหุ่ง” มีน้ำมันละหุ่ง ซึ่งเป็นสารไรซิน พิษที่ไร้สี,ไร้กลิ่นและอันตรายถึงตาย)
Cr.https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%87

- Hemlock (“ต้นเฮมล็อค” หนึ่งในต้นไม้ที่มีพิษรุนแรงที่สุดในโลก ‘โสกราตีส’ ก็ถูกประหารด้วยพิษของเฮมล็อค)
Cr.https://www.wildlondon.org.uk/wildlife-explorer/wildflowers/hemlock

- South Brugmansia (ในดอกมีสารออกฤทธิ์เหมือนไวอะกรา แต่ก็อันตรายถึงตายถ้าใช้ผิดขนาด)
Cr.https://en.wikipedia.org/

- Atropa Belladonna (“ต้นไนท์เชด” หรือเบอร์รี่แห่งความตาย)
Cr.https://www.britannica.com/plant/belladonna

-‘Foxglove’ (“ต้นถุงมือจิ้งจอก” มีพิษรุนแรงจนมีชื่อเล่นว่า ‘กระดิ่งคนตาย’ )
Cr.https://sites.google.com/site/5xandabdxkmixantraythisudnilok/xandab-2-foxglove

( ‘Foxglove’ หรือ ถุงมือจิ้งจอก หากเผลอไปสัมผัสจะทำให้เกิดอาการวิงเวียนคล้ายจะเป็นลม จนถึงขั้นประสาทหลอนหรือเกิดความผิดปกติทางจิตได้ หรือ ‘ต้นลอเรล’ (Laural) ที่สามารถปล่อยสารไซยาไนด์และสารเบนซัลดีไฮด์ซึ่งเป็นสารมีพิษที่หากสูดดมเข้าไปมากๆ อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต )

(พืชบางชนิดแค่ได้กลิ่นจางๆ ก็สามารถทำให้เป็นลมได้)

Giant Hogweed

Getty Image Roel Meijer พืชชนิดนี้สามารถเติบโตได้สูงถึง 14 ฟุตหรือมากกว่าและอาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิวหนังอย่างรุนแรงแผลพุพองเจ็บปวดแผลเป็นถาวรและตาบอดได้

Acontium

Getty Image sullstein ดอกไม้สวยที่มีพิษเหล่านี้เคยถูกใช้เป็นลูกศรพิษโดย Aleuts ของ Aleutian Islands ในการล่าปลาวาฬ และยังมีประวัติยาวนานในการฆ่าศัตรูในสนามรบโดยใช้กับหอกและลูกธนู

Arum maculatum

Getty Image sullstein ดอกไม้เหล่านี้ทำให้ระคายเคืองผิวหนังปากลิ้นและลำคอ ทำให้หายใจยากและทำให้เกิดอาการปวดแสบปวดร้อนและปวดท้อง พืชชนิดนี้ยังทำหน้าที่เป็นกับดักแมลงด้วยกลิ่นอุจจาระ (มีเสน่ห์!) และอุณหภูมิที่อบอุ่น
(ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ alnwickgarden.com)
Cr.https://th.artsforhome.com/74-poison-garden-18

ปัจจุบันสวนนี้มีพืชมีพิษประมาณ 100 ชนิด ทั้งที่มีพิษเล็กน้อย มีพิษมากทำให้ถึงตาย แม้แต่พืชที่มีฤทธิ์หลอนประสาทอย่างกัญชา และเห็ดที่ทำให้เมา ก็ถูกปลูกไว้ที่นี่ด้วย โดยได้รับอนุญาตจากทางการแล้วว่าปลูกไว้เพื่อการศึกษาเท่านั้น

และถึงแม้ว่า สวนพิษ แห่งนี้จะต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยประตูสีดำบานใหญ่ พร้อมสัญลักษณ์รูปหัวกะโหลก และคำเตือนว่า “พืชเหล่านี้สามารถฆ่าคุณได้” แต่มันก็ยังไม่เพียงพอจะทำให้นักเที่ยงกลัวได้เลย เพราะจากสถิติยอดการเข้าชมสวนก็ยังสูงมากถึงปีละ 8 แสนคน

อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าชมสวนได้เองนะครับ ต้องมีไกด์ติดตามไปด้วย แถมยังมีระบบรักษาความปลอดภัยป้องกันผู้บุกรุกตลอด 24 ชั่วโมง และต้นไม้บางต้นที่อันตรายจริง ๆ ก็จะถูกล้อมกรงเอาไว้ นอกจากนั้นก็ยังมีกฎที่ต้องรักษาอย่างเข้มงวด นั่นก็คือห้ามสัมผัส ดมกลิ่น และชิมรสของพืชทุกชนิด เพราะเมื่อปี 2014 เคยมีอุบัติเหตุนักท่องเที่ยว 7 คน หมดสติจากการสูดไอสารพิษเข้าไปมาแล้ว

(พิษที่รุนแรงที่สุดเท่าที่มนุษย์รู้จักคือ พิษโบทูลินัมประเภท H “Botulinum Toxin type H” ซึ่งมีความรุนแรงมากถึงขนาดที่ใช้พิษเพียงแค่ 2 ส่วนพันล้านกรัม ก็เพียงพอจะฆ่าผู้ใหญ่หนึ่งคนได้สบาย)