ซาราวะก์ ในปัจจุบัน อยู่ในมาเลเซียตะวันออก หรือในเกาะบอร์เนียว คู่กับอีกรัฐหนึ่งคือ รัฐซาบะห์ กินพื้นที่ประมาณ 30% ของเกาะบอร์เนียว
แต่เดิมนั้น บริเวณเกาะบอร์เนียว คืออาณาจักรบรูไน ซึ่งกินพื้นที่เกือบทั้งเกาะ หรืออย่างน้อยแค่บริเวณชายฝั่งของทั้งเกาะ
หากแต่ในเวลาต่อมา ด้วยสถานการณ์ต่างๆ ทำให้บรูไน สูญเสียดินแดนในเกาะบอร์เนียว จนกระทั่งมีพื้นที่อย่างที่เห็นในปัจจุบัน
กรณีหนึ่ง คือการยกดินแดนทางซาบะห์ตะวันตกให้กับอังกฤษ คู่กับซาบะห์ตะวันออกที่รัฐสุลต่านซูลูยกให้ กลายเป็นบริติชบอร์เนียวเหนือ
อีกกรณี ก็คือเรื่องราว การยกดินแดนให้กับ 'ฝรั่ง' จนเป็นราชอาณาจักรเดียวที่ปกครองโดยฝรั่งที่แทบไม่ได้เกี่ยวข้องกับรัฐบาลในยุโรปเลย
ภาษามลายู เรียกฝรั่งว่า พวกคนขาว หรือ โอรังปูติห์ (Orang Putih) และก็ได้ใช้เป็นคำเรียกราชาฝรั่งคนเดียวในประวัติศาสตร์อาเซียน
ราชาคนขาวผู้นี้ ชื่อว่า เจมส์ บรูก เกิดในอินเดียและเคยเป็นทหารรบกับพม่า ก่อนที่จะมาเอาดีด้านค้าขาย โดยได้พยายามไปค้าขายที่จีนแต่ไม่สำเร็จ
ต่อมา เจมส์ บรูก ล่องเรือมายังเมืองกูชิง เผชิญหน้ากับกลุ่มกบฏที่กำลังก่อกบฏต่อบัลลังก์ราชอาณาจักรบรูไนในเวลานั้น และได้ปราบปรามลง
ราชสำนักบรูไน จึงได้ตั้งให้เป็นราชาแห่งซาราวะก์พร้อมยกดินแดนให้ (ตามธรรมเนียมมลายู ราชาจะมีอำนาจและยศรองลงมาจากสุลต่าน)
สหรัฐอเมริกา ให้การรับรองเป็นรัฐเอกราชในปี 1850 ตามมาด้วยสหราชอาณาจักร ได้ยกให้เป็นรัฐเอกราชในปี 1868
ตลอดระยะเวลาของเจมส์ บรูก ในฐานะกษัตริย์ฝรั่ง หรือราชาคนขาว ใช้เวลาทั้งหมดไปกับการปราบโจรสลัด แต่บางครั้ง เขาก็ทำรุนแรงเกินเหตุ
จึงถูกสอบสวนความผิดโดยคณะกรรมการสอบสวนในสิงคโปร์ แม้ว่าเขาจะพ้นข้อกล่าวหาได้ แต่มันก็ทำให้หลอกหลอนจิตใจเขาไปตลอดชีวิต
นอกจากนี้ เขายังต้องเผชิญกับกบฏพื้นเมืองหลากหลายรูปแบบ แต่ก็ยังสามารถประคองอำนาจไปจนถึงวันสุดท้ายของชีวิตได้
บรูก เสียชีวิตในประเทศอังกฤษเมื่อปี 1868 ชาร์ล บรูก หลานชาย (ลูกของน้องสาว) ครองอำนาจเป็นราชาผิวขาวต่อจากเขา
ในช่วงสมัยที่ทั้งบรูกคนลุงและคนหลานครองอาณาจักร ได้ขยายอาณาเขตไปกว้างขวางเพื่อหาแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ จนกระทั่งเท่าเขตปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ซาราวะก์ภายใต้การครองอำนาจของบรูกคนหลาน ไม่ได้มีสัมพันธ์ที่ดีกับบรูไนและชนพื้นเมืองเหมือนกับผู้เป็นลุง
ในปี 1888 จึงได้ขอเข้ารวมเป็นรัฐอารักขาของอังกฤษ และบรูกคนหลาน ได้ครองซาราวะก์ไปจนปี 1917 จึงเสียชีวิตลง ณ ประเทศอังกฤษ
ชาร์ล ไวเนอร์ บรูก ครองเป็นราชาองค์ที่ 3 และองค์สุดท้ายของอังกฤษ ผ่านช่วงที่ญี่ปุ่นบุกรุกเกาะในสงครามโลกครั้งที่ 2
หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ผ่านพ้นไป ไวเนอร์ บรูก ได้กลับมาครองอำนาจระยะใหญ่ ก่อนที่จะตัดสินใจส่งอำนาจการปกครองให้กับอังกฤษ
อังกฤษจึงได้ครองซาราวะก์โดยตรงในตอนนั้น ส่วนไวเนอร์ ได้เสียชีวิตลงในเดือนพฤษภาคม 1963 ก่อนการรวมกับสหพันธรัฐมาเลเซีย 4 เดือน
หนึ่งในมรดกตกทอดที่เด่นที่สุดของอาณาจักรซาราวะก์ ภายใต้การครองอำนาจของราชาผิวขาว 3 คน คือธงสีเหลือง ตัดขวางด้วยสีดำและแดง
ยุคของเจมส์ บรูก ได้ใช้ธงเซนต์จอร์จของอังกฤษเป็นธงประจำอาณาจักร ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง มีมงกุฎและตัดด้วยครึ่งกางเขนน้ำเงินและแดง
ภายหลัง ได้มีการเปลี่ยนจากสีน้ำเงินเป็นสีดำ ยุคอาณานิคม ได้ใช้ตราอาร์มลงมุมขวาล่างของธงบริติชที่อยู่ซ้ายบนเหมือนอาณานิคมอื่นๆ
ต่อมา เมื่อได้เอกราชและรวมกับมาเลเซีย ได้กลับมาใช้ธงยุคอาณาจักร ก่อนที่จะใช้ธงสามสี ใกล้เคียงกับธงของสาธารณรัฐเช็ก และฟิลิปปินส์
ก่อนที่จะเปลี่ยนไปใช้ธงแบบเดิมแต่เปลี่ยนจากกางเขนเป็นแนวขวาง จากมงกุฎเป็นดาว 9 แฉก แสดงถึงเขตการปกครอง อย่างที่เห็นในปัจจุบันนี้
ราชวงศ์ 'ฝรั่ง' ราชวงศ์เดียวแห่งประวัติศาสตร์อาเซียน
แต่เดิมนั้น บริเวณเกาะบอร์เนียว คืออาณาจักรบรูไน ซึ่งกินพื้นที่เกือบทั้งเกาะ หรืออย่างน้อยแค่บริเวณชายฝั่งของทั้งเกาะ
หากแต่ในเวลาต่อมา ด้วยสถานการณ์ต่างๆ ทำให้บรูไน สูญเสียดินแดนในเกาะบอร์เนียว จนกระทั่งมีพื้นที่อย่างที่เห็นในปัจจุบัน
กรณีหนึ่ง คือการยกดินแดนทางซาบะห์ตะวันตกให้กับอังกฤษ คู่กับซาบะห์ตะวันออกที่รัฐสุลต่านซูลูยกให้ กลายเป็นบริติชบอร์เนียวเหนือ
อีกกรณี ก็คือเรื่องราว การยกดินแดนให้กับ 'ฝรั่ง' จนเป็นราชอาณาจักรเดียวที่ปกครองโดยฝรั่งที่แทบไม่ได้เกี่ยวข้องกับรัฐบาลในยุโรปเลย
ภาษามลายู เรียกฝรั่งว่า พวกคนขาว หรือ โอรังปูติห์ (Orang Putih) และก็ได้ใช้เป็นคำเรียกราชาฝรั่งคนเดียวในประวัติศาสตร์อาเซียน
ราชาคนขาวผู้นี้ ชื่อว่า เจมส์ บรูก เกิดในอินเดียและเคยเป็นทหารรบกับพม่า ก่อนที่จะมาเอาดีด้านค้าขาย โดยได้พยายามไปค้าขายที่จีนแต่ไม่สำเร็จ
ต่อมา เจมส์ บรูก ล่องเรือมายังเมืองกูชิง เผชิญหน้ากับกลุ่มกบฏที่กำลังก่อกบฏต่อบัลลังก์ราชอาณาจักรบรูไนในเวลานั้น และได้ปราบปรามลง
ราชสำนักบรูไน จึงได้ตั้งให้เป็นราชาแห่งซาราวะก์พร้อมยกดินแดนให้ (ตามธรรมเนียมมลายู ราชาจะมีอำนาจและยศรองลงมาจากสุลต่าน)
สหรัฐอเมริกา ให้การรับรองเป็นรัฐเอกราชในปี 1850 ตามมาด้วยสหราชอาณาจักร ได้ยกให้เป็นรัฐเอกราชในปี 1868
ตลอดระยะเวลาของเจมส์ บรูก ในฐานะกษัตริย์ฝรั่ง หรือราชาคนขาว ใช้เวลาทั้งหมดไปกับการปราบโจรสลัด แต่บางครั้ง เขาก็ทำรุนแรงเกินเหตุ
จึงถูกสอบสวนความผิดโดยคณะกรรมการสอบสวนในสิงคโปร์ แม้ว่าเขาจะพ้นข้อกล่าวหาได้ แต่มันก็ทำให้หลอกหลอนจิตใจเขาไปตลอดชีวิต
นอกจากนี้ เขายังต้องเผชิญกับกบฏพื้นเมืองหลากหลายรูปแบบ แต่ก็ยังสามารถประคองอำนาจไปจนถึงวันสุดท้ายของชีวิตได้
บรูก เสียชีวิตในประเทศอังกฤษเมื่อปี 1868 ชาร์ล บรูก หลานชาย (ลูกของน้องสาว) ครองอำนาจเป็นราชาผิวขาวต่อจากเขา
ในช่วงสมัยที่ทั้งบรูกคนลุงและคนหลานครองอาณาจักร ได้ขยายอาณาเขตไปกว้างขวางเพื่อหาแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ จนกระทั่งเท่าเขตปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ซาราวะก์ภายใต้การครองอำนาจของบรูกคนหลาน ไม่ได้มีสัมพันธ์ที่ดีกับบรูไนและชนพื้นเมืองเหมือนกับผู้เป็นลุง
ในปี 1888 จึงได้ขอเข้ารวมเป็นรัฐอารักขาของอังกฤษ และบรูกคนหลาน ได้ครองซาราวะก์ไปจนปี 1917 จึงเสียชีวิตลง ณ ประเทศอังกฤษ
ชาร์ล ไวเนอร์ บรูก ครองเป็นราชาองค์ที่ 3 และองค์สุดท้ายของอังกฤษ ผ่านช่วงที่ญี่ปุ่นบุกรุกเกาะในสงครามโลกครั้งที่ 2
หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ผ่านพ้นไป ไวเนอร์ บรูก ได้กลับมาครองอำนาจระยะใหญ่ ก่อนที่จะตัดสินใจส่งอำนาจการปกครองให้กับอังกฤษ
อังกฤษจึงได้ครองซาราวะก์โดยตรงในตอนนั้น ส่วนไวเนอร์ ได้เสียชีวิตลงในเดือนพฤษภาคม 1963 ก่อนการรวมกับสหพันธรัฐมาเลเซีย 4 เดือน
หนึ่งในมรดกตกทอดที่เด่นที่สุดของอาณาจักรซาราวะก์ ภายใต้การครองอำนาจของราชาผิวขาว 3 คน คือธงสีเหลือง ตัดขวางด้วยสีดำและแดง
ยุคของเจมส์ บรูก ได้ใช้ธงเซนต์จอร์จของอังกฤษเป็นธงประจำอาณาจักร ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง มีมงกุฎและตัดด้วยครึ่งกางเขนน้ำเงินและแดง
ภายหลัง ได้มีการเปลี่ยนจากสีน้ำเงินเป็นสีดำ ยุคอาณานิคม ได้ใช้ตราอาร์มลงมุมขวาล่างของธงบริติชที่อยู่ซ้ายบนเหมือนอาณานิคมอื่นๆ
ต่อมา เมื่อได้เอกราชและรวมกับมาเลเซีย ได้กลับมาใช้ธงยุคอาณาจักร ก่อนที่จะใช้ธงสามสี ใกล้เคียงกับธงของสาธารณรัฐเช็ก และฟิลิปปินส์
ก่อนที่จะเปลี่ยนไปใช้ธงแบบเดิมแต่เปลี่ยนจากกางเขนเป็นแนวขวาง จากมงกุฎเป็นดาว 9 แฉก แสดงถึงเขตการปกครอง อย่างที่เห็นในปัจจุบันนี้