นับวันผมก็ยิ่งชอบ ซาดิโอ มาเน่ ชอบในฝีเท้าของเขา ชอบในการเล่นเป็นทีมของเขา ชอบในความทุ่มเทของเขา
ชอบในความเรียบร้อย ถ่อมตัว และยิ้มอายๆ ของเขา
ยอมรับตามตรงครับว่าตอนที่ย้ายมาจากเซาธ์แฮมป์ตันช่วงก่อนเปิดฤดูกาล 2016/17 นั้น ไม่คิดเลยว่าเขาจะเป็นเพชรเม็ดงามขนาดนี้
รู้ล่ะว่าตอนอยู่กับทีมนักบุญนั้นเขาคือตัวอันตราย รวดเร็ว แข็งแกร่ง ขยันหาพื้นที่ เป็นฝันร้ายสำหรับกองหลังอีกคนของวงการ
หากก็คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเขาจะดีและเก่งได้ระดับนี้
ผมประทับใจเขาตั้งแต่ฤดูกาลแรกในชุดหงส์แดง สถิติยิง 13 ประตูจาก 27 เกมในลีกนั้นไม่ธรรมดา ยังไม่รวมการมีส่วนร่วมในการสร้างเกมรุกและช่วยเกมรับอีกนับไม่ถ้วน
ฤดูกาลถัดมาการมาถึงของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ พร้อมผลงานระดับปรากฏการณ์ทำให้รัศมีของมาเน่หมองลงไป เมื่อประสิทธิภาพในเกมรุกถูกผ่องถ่ายไปที่ดาวเตะอียิปต์
ทุกคนคลั่งไคล้ในความมหัศจรรย์ของซาลาห์ ตื่นเต้นกับ 32 ประตูในลีก 44 ประตูในทุกรายการของนักเตะใหม่จากโรม่า จนหลงลืมไปโดยไม่ตั้งใจว่ามาเน่ก็ยังมีผลงานของเขา
ยิง 10 ประตูในลีก 20 ประตูในทุกรายการ
บางคนแอบคิดและหลุดปากตำหนิว่ามาเน่ฟอร์มตกและเล่นไม่เข้าพวก บางคนเลยเถิดไปถึงขั้นบ่นว่าอิจฉาซาลาห์เลยไม่ส่งบอลให้ในจังหวะที่เพื่อนยืนโล่ง
ประเด็นระหว่างมาเน่กับซาลาห์นั้นเกิดขึ้นเป็นพักๆ ไม่รู้ทำไมบางคนถึงชอบคิดว่าสองคนนี้ไม่ถูกกันหรือไม่ลงรอยกัน แค่เห็นจังหวะไม่ส่งให้กันก็ตีความไปในด้านลบเสียแล้ว
ไม่ผิดที่จะรู้สึกกังวลกับเรื่องลักษณะนั้น ไม่ผิดที่วิตกไปถึงสปิริตภายในทีมจะสั่นคลอน เพียงแต่อะไรที่มันมากเกินไปย่อมไม่ดี วิตกได้ กังวลได้ แต่ถ้าย้ำคิดและปักใจเชื่ออยู่อย่างนั้นมันไม่มีประโยชน์ ไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพจิต
บางครั้งก็แค่มาเน่มองไม่เห็น บางทีก็แค่ซาลาห์ตั้งใจมากเกินไป ไม่เกี่ยวกับการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นไม่อยากเห็นอีกฝ่ายได้ดีกว่าหรอก
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงคิดหรือครับว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ จะปล่อยไว้ เพราะฉะนั้นข้อสังเกตทั้งหลายที่เคยมีมาเกี่ยวกับ ซาลาห์ และ มาเน่ จึงเป็นปัญหาของเรา ไม่ใช่ปัญหาระหว่างพวกเขาทั้งคู่
ในเวลาที่ซาลาห์เป็นพระเอก มาเน่ยังคงก้มหน้าก้มตาพิสูจน์ตัวเองต่อไปว่าเขาดีพอและยังมีประโยชน์กับทีม
ฟุตบอลก็เหมือนชีวิตนะครับ มันมีจังหวะ มีช่วงเวลาของมัน ปีนี้ดีโลดโผน ปีต่อไปอาจสงบเงียบ ปีนี้เร่งไม่ขึ้นเอาเสียเลย แต่ปีหน้ากลับพุ่งทะยาน
สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลิเวอร์พูลก็คือ.. ทุกสิ่งที่ดีที่สุดนั้นเกิดขึ้นกับสโมสรหมดเลย
ทุกสิ่งจริงๆ นะครับ
เจ้าของทีมดี บอร์ดบริหารเก่ง ผู้จัดการทีมชั้นเลิศ สตาฟฟ์โค้ชเข้าขา นักเตะเก่ายอด นักเตะใหม่เยี่ยม แฟนบอลสนับสนุนเต็มกำลัง
เรื่องในสนามดี ผลงานดี ทีมชนะ เล่นดีชนะ เล่นแย่ก็ชนะ หยิบโทรฟี่ติดมือเป็นว่าเล่น เรื่องนอกสนามก็วิเศษ รับเงินรางวัลก้อนใหญ่ ส่วนแบ่งลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดอู้ฟู่ การตลาดกระจายไกล ขยายอัฒจันทร์ สปอนเซอร์วิ่งเข้าใส่ เครดิตติดเพดานสูงสุด
ถ้าเป็นกราฟ.. มันก็กระฉูด ไต่ขึ้นไม่มีหยุด
และแน่นอน ซาดิโอ มาเน่ คือหนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดนั้น
เพราะไม่เพียงได้นักฟุตบอลที่เก่งกาจมาร่วมทีมเท่านั้น ลิเวอร์พูลยังได้ทรัพยากรบุคคลที่ทรงคุณค่ามาอยู่ด้วยกัน
ได้นักฟุตบอลที่ดีทั้งฝีเท้าและความคิด ประพฤติตัวดี เป็นมืออาชีพเต็มขั้น
ผลงานไฮโปรไฟล์แต่ทำตัวโลว์โปรไฟล์ ไม่เคยมีข่าวอื้อฉาว พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ
ตอบโจทย์แท็กติกของคล็อปป์ได้ทุกข้อ คุณสมบัติข้อไหนยังไม่ดีพอเขาก็จะรีบยกระดับขึ้นมาให้ดีพอด้วยการฝึกฝนซ้อมหนัก
มีทัศนคติที่ดี มาเน่คือนักฟุตบอลคนหนึ่งที่แม้จะมีข่าวน้อยเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ แต่ทุกข่าวที่เกี่ยวกับตัวเขามักเป็นเรื่องด้านบวกทั้งสิ้น
ด้านบวกกับตัวเองและด้านบวกกับคนรอบข้าง เรื่องราวการต่อสู้ของเขาคือแรงบันดาลใจชั้นดี เรื่องราวการสนับสนุนจากคนรอบตัวของเขาคือความอบอุ่นที่เราใฝ่หา
เรื่องราวการก้าวเดินจากดินสู่ดาว จากอะคาเดมี่ในบ้านเกิดสู่เม็ตซ์ สู่ซัลซ์บวร์ก สู่เซาธ์แฮมป์ตันจนมาถึงแอนฟิลด์
เรื่องราวการแบ่งปัน มอบรายได้ให้สังคม บริจาคเงินเพื่อการกุศล ช่วยเหลือคนด้อยโอกาส ไม่ลืมบ้านเกิด
ให้เกียรติผู้อื่นอยู่เสมอ..
เรื่องราวเหล่านี้ยิ่งทำให้ผมชอบและชื่นชมเขา
ในงานประกาศรางวัลประจำปีของสมาพันธ์ฟุตบอลแอฟริกาที่อียิปต์เมื่อวันอังคาร ซาดิโอ มาเน่ไม่พูดถึงผลงานตัวเองเลยแม้แต่ประโยคเดียวบนเวทีรับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีป
เขาเริ่มต้นประโยคแรกด้วยรอยยิ้มอายเหมือนเคยว่า
"
พูดจริงๆ เลยนะครับ ให้มายืนพูดต่อหน้าผู้คนสำคัญๆ มากมายอย่างนี้ผมขอเลือกเตะบอลดีกว่า เพราะผมถนัดกว่า"
"ผมมีความสุขและภูมิใจมาก อยากจะขอขอบคุณครอบครัวของผมโดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณลุงที่วันนี้มาอยู่ที่นี่ด้วย รวมทั้งโค้ชของผมเช่นกัน"
"ผมยังต้องขอบคุณเพื่อนร่วมทีมชาติของผม ขอบคุณสตาฟฟ์โค้ช ขอบคุณสโมสรลิเวอร์พูลและเพื่อนร่วมทีมทุกคนที่นั่น"
"มันคือวันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดวันหนึ่งในชีวิตผม และผมก็อยากจะขอขอบคุณชาวเซเนกัลทุกคนที่สนับสนุนผม ผมมาจากหมู่บ้านเล็กๆ ที่ชื่อบัมบาลี และผมคิดว่าพวกเขาก็คงกำลังดูผมอยู่ในตอนนี้"
"ขอผมพูดอีกสักครั้งนะครับ ผมมีความสุขมากและภูมิใจจริงๆ ที่ได้รับรางวัลนี้"
คำพูด ท่าที และบุคลิกของเขาสอดคล้องกัน มันคือความเรียบง่าย ถ่อมตัว ไม่มีลักษณะวางตนเป็นจุดศูนย์กลาง
แน่นอนครับใครที่ขึ้นไปอยู่ตรงนั้นก็คงพูดอะไรในแนวทางนั้น คงไม่มีใครฆ่าตัวเองด้วยสุนทรพจน์กระด้างหู ยกตนข่มท่านหรือประกาศตนว่าเป็นเบอร์หนึ่งตัวจริงให้คนหมั่นไส้หรอก เพียงแต่ด้วยแคแร็กเตอร์ของ ซาดิโอ มาเน่ ภาพลักษณ์ของเขา และตัวตนของเขาที่เราพอรู้จัก มันทำให้เรารู้สึกว่านั่นคือธรรมชาติของความเป็นเขาจริงๆ
โอลิเวอร์ บราวนิ่ง นักเขียนแห่ง givemesport ใช้คำว่า the most humble speech -สุนทรพจน์ที่ถ่อมตัวที่สุด - นิยามคำพูดในการรับรางวัลของมาเน่ครั้งนี้
ผมเห็นด้วยทุกประการ อ่านแล้วรู้สึกดี อมยิ้มตามด้วยความปลื้ม
ปลื้มแทนเขา ปลื้มแทนครอบครัวของเขา ปลื้มแทนผู้คนที่รักเขา
มีส่วนในการทำให้คนอื่นได้รับรางวัลมาเยอะแล้ว คราวนี้เป็นรางวัลของตัวเองบ้าง จงรับเอาไว้ด้วยความภาคภูมิใจ มันคือเกียรติยศที่คุณคู่ควร..
Credit:เพิ่มเติม
https://www.siamsport.co.th/column/detail/72815
@ ซาดิโอ มาเน่ ~ สุนทรพจน์ที่ถ่อมตัวที่สุด ~
ชอบในความเรียบร้อย ถ่อมตัว และยิ้มอายๆ ของเขา
ยอมรับตามตรงครับว่าตอนที่ย้ายมาจากเซาธ์แฮมป์ตันช่วงก่อนเปิดฤดูกาล 2016/17 นั้น ไม่คิดเลยว่าเขาจะเป็นเพชรเม็ดงามขนาดนี้
รู้ล่ะว่าตอนอยู่กับทีมนักบุญนั้นเขาคือตัวอันตราย รวดเร็ว แข็งแกร่ง ขยันหาพื้นที่ เป็นฝันร้ายสำหรับกองหลังอีกคนของวงการ
หากก็คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเขาจะดีและเก่งได้ระดับนี้
ผมประทับใจเขาตั้งแต่ฤดูกาลแรกในชุดหงส์แดง สถิติยิง 13 ประตูจาก 27 เกมในลีกนั้นไม่ธรรมดา ยังไม่รวมการมีส่วนร่วมในการสร้างเกมรุกและช่วยเกมรับอีกนับไม่ถ้วน
ฤดูกาลถัดมาการมาถึงของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ พร้อมผลงานระดับปรากฏการณ์ทำให้รัศมีของมาเน่หมองลงไป เมื่อประสิทธิภาพในเกมรุกถูกผ่องถ่ายไปที่ดาวเตะอียิปต์
ทุกคนคลั่งไคล้ในความมหัศจรรย์ของซาลาห์ ตื่นเต้นกับ 32 ประตูในลีก 44 ประตูในทุกรายการของนักเตะใหม่จากโรม่า จนหลงลืมไปโดยไม่ตั้งใจว่ามาเน่ก็ยังมีผลงานของเขา
ยิง 10 ประตูในลีก 20 ประตูในทุกรายการ
บางคนแอบคิดและหลุดปากตำหนิว่ามาเน่ฟอร์มตกและเล่นไม่เข้าพวก บางคนเลยเถิดไปถึงขั้นบ่นว่าอิจฉาซาลาห์เลยไม่ส่งบอลให้ในจังหวะที่เพื่อนยืนโล่ง
ประเด็นระหว่างมาเน่กับซาลาห์นั้นเกิดขึ้นเป็นพักๆ ไม่รู้ทำไมบางคนถึงชอบคิดว่าสองคนนี้ไม่ถูกกันหรือไม่ลงรอยกัน แค่เห็นจังหวะไม่ส่งให้กันก็ตีความไปในด้านลบเสียแล้ว
ไม่ผิดที่จะรู้สึกกังวลกับเรื่องลักษณะนั้น ไม่ผิดที่วิตกไปถึงสปิริตภายในทีมจะสั่นคลอน เพียงแต่อะไรที่มันมากเกินไปย่อมไม่ดี วิตกได้ กังวลได้ แต่ถ้าย้ำคิดและปักใจเชื่ออยู่อย่างนั้นมันไม่มีประโยชน์ ไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพจิต
บางครั้งก็แค่มาเน่มองไม่เห็น บางทีก็แค่ซาลาห์ตั้งใจมากเกินไป ไม่เกี่ยวกับการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นไม่อยากเห็นอีกฝ่ายได้ดีกว่าหรอก
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงคิดหรือครับว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ จะปล่อยไว้ เพราะฉะนั้นข้อสังเกตทั้งหลายที่เคยมีมาเกี่ยวกับ ซาลาห์ และ มาเน่ จึงเป็นปัญหาของเรา ไม่ใช่ปัญหาระหว่างพวกเขาทั้งคู่
ในเวลาที่ซาลาห์เป็นพระเอก มาเน่ยังคงก้มหน้าก้มตาพิสูจน์ตัวเองต่อไปว่าเขาดีพอและยังมีประโยชน์กับทีม
ฟุตบอลก็เหมือนชีวิตนะครับ มันมีจังหวะ มีช่วงเวลาของมัน ปีนี้ดีโลดโผน ปีต่อไปอาจสงบเงียบ ปีนี้เร่งไม่ขึ้นเอาเสียเลย แต่ปีหน้ากลับพุ่งทะยาน
สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลิเวอร์พูลก็คือ.. ทุกสิ่งที่ดีที่สุดนั้นเกิดขึ้นกับสโมสรหมดเลย
ทุกสิ่งจริงๆ นะครับ
เจ้าของทีมดี บอร์ดบริหารเก่ง ผู้จัดการทีมชั้นเลิศ สตาฟฟ์โค้ชเข้าขา นักเตะเก่ายอด นักเตะใหม่เยี่ยม แฟนบอลสนับสนุนเต็มกำลัง
เรื่องในสนามดี ผลงานดี ทีมชนะ เล่นดีชนะ เล่นแย่ก็ชนะ หยิบโทรฟี่ติดมือเป็นว่าเล่น เรื่องนอกสนามก็วิเศษ รับเงินรางวัลก้อนใหญ่ ส่วนแบ่งลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดอู้ฟู่ การตลาดกระจายไกล ขยายอัฒจันทร์ สปอนเซอร์วิ่งเข้าใส่ เครดิตติดเพดานสูงสุด
ถ้าเป็นกราฟ.. มันก็กระฉูด ไต่ขึ้นไม่มีหยุด
และแน่นอน ซาดิโอ มาเน่ คือหนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดนั้น
เพราะไม่เพียงได้นักฟุตบอลที่เก่งกาจมาร่วมทีมเท่านั้น ลิเวอร์พูลยังได้ทรัพยากรบุคคลที่ทรงคุณค่ามาอยู่ด้วยกัน
ได้นักฟุตบอลที่ดีทั้งฝีเท้าและความคิด ประพฤติตัวดี เป็นมืออาชีพเต็มขั้น
ผลงานไฮโปรไฟล์แต่ทำตัวโลว์โปรไฟล์ ไม่เคยมีข่าวอื้อฉาว พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ
ตอบโจทย์แท็กติกของคล็อปป์ได้ทุกข้อ คุณสมบัติข้อไหนยังไม่ดีพอเขาก็จะรีบยกระดับขึ้นมาให้ดีพอด้วยการฝึกฝนซ้อมหนัก
มีทัศนคติที่ดี มาเน่คือนักฟุตบอลคนหนึ่งที่แม้จะมีข่าวน้อยเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ แต่ทุกข่าวที่เกี่ยวกับตัวเขามักเป็นเรื่องด้านบวกทั้งสิ้น
ด้านบวกกับตัวเองและด้านบวกกับคนรอบข้าง เรื่องราวการต่อสู้ของเขาคือแรงบันดาลใจชั้นดี เรื่องราวการสนับสนุนจากคนรอบตัวของเขาคือความอบอุ่นที่เราใฝ่หา
เรื่องราวการก้าวเดินจากดินสู่ดาว จากอะคาเดมี่ในบ้านเกิดสู่เม็ตซ์ สู่ซัลซ์บวร์ก สู่เซาธ์แฮมป์ตันจนมาถึงแอนฟิลด์
เรื่องราวการแบ่งปัน มอบรายได้ให้สังคม บริจาคเงินเพื่อการกุศล ช่วยเหลือคนด้อยโอกาส ไม่ลืมบ้านเกิด
ให้เกียรติผู้อื่นอยู่เสมอ..
เรื่องราวเหล่านี้ยิ่งทำให้ผมชอบและชื่นชมเขา
ในงานประกาศรางวัลประจำปีของสมาพันธ์ฟุตบอลแอฟริกาที่อียิปต์เมื่อวันอังคาร ซาดิโอ มาเน่ไม่พูดถึงผลงานตัวเองเลยแม้แต่ประโยคเดียวบนเวทีรับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีป
เขาเริ่มต้นประโยคแรกด้วยรอยยิ้มอายเหมือนเคยว่า
"พูดจริงๆ เลยนะครับ ให้มายืนพูดต่อหน้าผู้คนสำคัญๆ มากมายอย่างนี้ผมขอเลือกเตะบอลดีกว่า เพราะผมถนัดกว่า"
"ผมมีความสุขและภูมิใจมาก อยากจะขอขอบคุณครอบครัวของผมโดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณลุงที่วันนี้มาอยู่ที่นี่ด้วย รวมทั้งโค้ชของผมเช่นกัน"
"ผมยังต้องขอบคุณเพื่อนร่วมทีมชาติของผม ขอบคุณสตาฟฟ์โค้ช ขอบคุณสโมสรลิเวอร์พูลและเพื่อนร่วมทีมทุกคนที่นั่น"
"มันคือวันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดวันหนึ่งในชีวิตผม และผมก็อยากจะขอขอบคุณชาวเซเนกัลทุกคนที่สนับสนุนผม ผมมาจากหมู่บ้านเล็กๆ ที่ชื่อบัมบาลี และผมคิดว่าพวกเขาก็คงกำลังดูผมอยู่ในตอนนี้"
"ขอผมพูดอีกสักครั้งนะครับ ผมมีความสุขมากและภูมิใจจริงๆ ที่ได้รับรางวัลนี้"
คำพูด ท่าที และบุคลิกของเขาสอดคล้องกัน มันคือความเรียบง่าย ถ่อมตัว ไม่มีลักษณะวางตนเป็นจุดศูนย์กลาง
แน่นอนครับใครที่ขึ้นไปอยู่ตรงนั้นก็คงพูดอะไรในแนวทางนั้น คงไม่มีใครฆ่าตัวเองด้วยสุนทรพจน์กระด้างหู ยกตนข่มท่านหรือประกาศตนว่าเป็นเบอร์หนึ่งตัวจริงให้คนหมั่นไส้หรอก เพียงแต่ด้วยแคแร็กเตอร์ของ ซาดิโอ มาเน่ ภาพลักษณ์ของเขา และตัวตนของเขาที่เราพอรู้จัก มันทำให้เรารู้สึกว่านั่นคือธรรมชาติของความเป็นเขาจริงๆ
โอลิเวอร์ บราวนิ่ง นักเขียนแห่ง givemesport ใช้คำว่า the most humble speech -สุนทรพจน์ที่ถ่อมตัวที่สุด - นิยามคำพูดในการรับรางวัลของมาเน่ครั้งนี้
ผมเห็นด้วยทุกประการ อ่านแล้วรู้สึกดี อมยิ้มตามด้วยความปลื้ม
ปลื้มแทนเขา ปลื้มแทนครอบครัวของเขา ปลื้มแทนผู้คนที่รักเขา
มีส่วนในการทำให้คนอื่นได้รับรางวัลมาเยอะแล้ว คราวนี้เป็นรางวัลของตัวเองบ้าง จงรับเอาไว้ด้วยความภาคภูมิใจ มันคือเกียรติยศที่คุณคู่ควร..
Credit:เพิ่มเติม
https://www.siamsport.co.th/column/detail/72815