คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
คือสารประกอบเชิงซ้อนหลายตัวมีรูปแบบที่ต่างกันในแง่โครงสร้าง ที่เรียกว่า isomer ซึ่งทำให้คุณสมบัติบางประการต่างกัน เช่นการหักเหของแสง ถ้าถามว่าจะรู้ได้อย่างไรขอยกตัวอย่าง จากเวบ[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
นํ้าตาลโมเลกุลเดี่ยวเหล่านี้มักมีคาร์บอนที่ไม่สมมาตร (Asymmetric carbon) กล่าวคือ พันธะทั้งสี่
ของอะตอมนี้จับกับหมู่ที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งเมื่อนํ้าตาลโมเลกุลเดี่ยวมีคาร์บอนที่ไม่สมมาตรมากกว่าหนึ่งอะตอมจะมีจำนวนไอโซเมอร์เพิ่มขึ้นโดยจำนวนไอโซเมอร์สามารถคิดได้จาก 2n โดยที่ n คือ จำนวนคาร์บอนที่ไม่สมมาตรในโมเลกุล และ
การกำหนดไอโซเมอร์หน้าชื่อของนํ้าตาลว่าเป็น D- หรือ L- ให้ดู ตำแหน่งของหมู่ OH
บนคาร์บอนที่ไม่สมมาตรที่อยู่ห่างจากหมู่ฟังก์ชันคาร์บอนนิลมากที่สุด โดยที่หาก
OH อยู่ด้านขวามือ จะเป็น D-isomer (R configuration)
แต่ถ้า OH อยู่ซ้ายมือจะเป็น L-isomer (S configuration)
นั่นคือ เวลาเราเขียน fisher projection ก็ต้องวาดให้ถูกตามที่กำหนด ไม่งั้นจะกลายเป็นคนละตัวไป
นํ้าตาลโมเลกุลเดี่ยวเหล่านี้มักมีคาร์บอนที่ไม่สมมาตร (Asymmetric carbon) กล่าวคือ พันธะทั้งสี่
ของอะตอมนี้จับกับหมู่ที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งเมื่อนํ้าตาลโมเลกุลเดี่ยวมีคาร์บอนที่ไม่สมมาตรมากกว่าหนึ่งอะตอมจะมีจำนวนไอโซเมอร์เพิ่มขึ้นโดยจำนวนไอโซเมอร์สามารถคิดได้จาก 2n โดยที่ n คือ จำนวนคาร์บอนที่ไม่สมมาตรในโมเลกุล และ
การกำหนดไอโซเมอร์หน้าชื่อของนํ้าตาลว่าเป็น D- หรือ L- ให้ดู ตำแหน่งของหมู่ OH
บนคาร์บอนที่ไม่สมมาตรที่อยู่ห่างจากหมู่ฟังก์ชันคาร์บอนนิลมากที่สุด โดยที่หาก
OH อยู่ด้านขวามือ จะเป็น D-isomer (R configuration)
แต่ถ้า OH อยู่ซ้ายมือจะเป็น L-isomer (S configuration)
นั่นคือ เวลาเราเขียน fisher projection ก็ต้องวาดให้ถูกตามที่กำหนด ไม่งั้นจะกลายเป็นคนละตัวไป
แสดงความคิดเห็น
ใครเก่งเคมีช่วยอธิบาย Fischer projection ทีครับผมอ่านแล้วงง
และจะรู้ได้อย่างไรว่า โมเลกุนนั้นเป็น S และ R