สวัสดีครับทุกๆคน เป็นเวลานานมากแล้วที่ผมได้มีโอกาสผ่านไปผ่านมาตามกระทู้รีวิวท่องเที่ยวของชาวพันทิปแต่ไม่เคยได้มีโอกาสที่จะตั้งกระทู้ของตัวเองแบบคนอื่นเขาสักที ครั้งนี้คิดว่าถึงเวลาที่เหมาะสมกับรีวิวครั้งแรกของตัวเองด้วยเหตุผลที่อยากจะแชร์เรื่องราวประสบการณ์การได้ไปท่องเที่ยวทางแถบออสเตรเลียตะวันตก(WA)ที่คิดว่ายังไม่ค่อยเป็นที่รับรู้กันมากนักและก็อยากให้ทุกคนตระหนักถึงความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติของประเทศแห่งนี้ที่กำลังสูญเสียเพราะต้องเผชิญกับสถานการณ์ไฟป่าในปัจจุบันครับ

สำหรับใครหลายคนที่เคยเดินทางหรืออยากจะเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศออสเตรเลียก็มักจะนึกถึงเมืองหรือสถานที่ท่องเที่ยวในรัฐทางแถบตะวันออก(EA)ของประเทศอย่าง รัฐวิคตอเรีย นิวเซาท์เวลส์ หรือควีนสแลนด์ น้อยคนนักที่จะเลือกเดินทางไปทางแถบตะวันตกและส่วนใหญ่ก็ดูเหมือนจะมุ่งเป้าไปที่เมือง Perth เป็นหลักซึ่งถือว่าเป็นเมืองหลวงในแถบนั้นก็ว่าได้ และสำหรับผมเองก็เช่นกันเหมือนใครหลายคนที่แรกเริ่มเมื่อนึกถึงออสเตรเลียก็ไม่ได้นึกถึงออสเตรเลียตะวันตก(WA)เลยแต่เนื่องจากเหตุผลในการออกเดินทางหลักในครั้งนี้ก็คือ "ประสบการณ์ใต้น้ำกับวาฬหลังค่อม(Humpback whale)" ที่พบข้อมูลว่าสามารถทำได้ที่นี่ครับ
การเดินทาง
ทริปนี้เป็นการเดินทางแบบ Solo road trip โดยการขับรถมากกว่า 90% เพื่อความสะดวกในการแวะท่องเที่ยวตามจุดต่างๆ ที่ไม่มีขนส่งสาธารณะบริการและเข้าถึง ส่วนที่เหลือก็เป็นการเดินเท้าและบริการขนส่งสาธารณะตามในเมือง รวมระยะทางที่เดินทางไปกลับและแวะตามจุดต่างๆทั้งหมดราวๆ 3,000 กม. ครับ
พาหนะ
รถเช่าจาก
https://www.bayswatercarrental.com.au (ราคาโอเคที่สุดและมีแพ็คเกจน่าสนใจครับ)
เส้นทางการบิน
บินไปเปลี่ยนเครื่องที่สิงค์โปร์(Changi Airport)และต่อไปยังเพริ์ทอีกที(Perth)โดยใช้บริการของ Scoot Air ครับ
วีซ่า(Visa)
http://www.vfsglobal.com/Australia/Thailand/thai/index.html
Perth
กว่าจะมาถึง Perth ก็มืดแล้ว เลยตรงดิ่งจากสนามบินเข้าเมืองเลยโดยใช้บริการรถ Bus route 380
http://www.transperth.wa.gov.au/Timetables/Details/Bus/380
แล้วต่อ Free bus ในเมืองไปที่พักอีกทีครับ
http://www.transperth.wa.gov.au/

(จากรูปด้านบน แผนที่เส้นทาง CAT free bus)
เช้าวันรุ่งขึ้นก็เที่ยวบริเวณในเมืองโดยใช้ Free bus เอา สะดวกดีครับแต่ต้องหาข้อมูลให้ดีก่อนว่าเราจะไปที่ไหนลงสถานีอะไร เพราะรถฟรีนั้นไม่ได้วิ่งผ่านครอบคลุมทุกพื้นที่นะครับในบางครั้งต้องต่อรถประจำทางอีกที
Elizabeth Quay Bridge
ผมตัดสินใจไปดูบรรยากาศยามเช้าที่บริเวณท่าเรือและหนึ่งในสัญลักษณ์ของเมือง Perth อย่าง Elizabeth Quay Bridge ที่ถึงชื่อจะเป็นสะพานแต่เป็นสะพานที่รถยนต์ข้ามไม่ได้นะครับเพราะแคบ ที่เห็นก็มีแต่จักรยานและคนมาออกกำลังกายกัน
Bell Tower
หลังจากนั้นก็เดินเท้าผ่านไปยัง หอระฆัง(Bell tower)หรืออีกชื่อหนึ่ง The Swan Bell เพราะอยู่ใกล้แม่น้ำ Swan river อาคารมีรูปทรงคล้ายกระสวยอวกาศมีความผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมใหม่และเก่า ข้างในสามารถเข้าชมได้โดยต้องเสียค่าตั๋วก่อนครับ
London Court
สถานที่ต่อมาที่แวะไปเป็น London Court หรือตรอกแฮรี่ พอตเตอร์ หนึ่งในสถานที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมชมโดยนอกจากจะมีกลิ่นอายสถาปัตยกรรมแบบอังกฤษแล้วบริเวณนี้ยังเป็นแหล่งชอบปิ้งซื้อของฝากอีกด้วยแต่ที่นี่มีแค่ตรอกซอยเป็นทางตรงเส้นเดียวเท่านั้นไม่ได้มีบริเวณให้ได้เดินเยี่ยมชมมากสักเท่าไหร่ครับ
Perth to Kalbarri
ตัดสินใจเที่ยวอยู่ที่ Perth แค่วันเดียวก่อนแล้วขา กลับจะค่อยกลับมาอีกครั้งเพราะPerthยังมีอะไรให้เยี่ยมชมอีกมากครับ วันนี้ไปรับรถที่จองไว้ครับเป็นรถรุ่น Toyota hatch ซึ่งชื่อไม่คุ้นเลยแต่ดูในรูปผ่านเว็ปยังไงๆก็คล้ายToyota yaris ชัดๆ 555 โดยไปรับรถที่ศูนย์ในเมือง สะดวกรวดเร็วดีครับ รถจะมีน้ำมันให้เต็มถังโดยตอนนำมาคืนเราก็เติมกลับมาให้เท่าเดิม
เป็นการขับรถครั้งแรกในต่างประเทศเลยครับสำหรับผม ก็มีเกร็งๆตื่นๆบ้างก่อนจะขับแต่เอาเข้าจริงขับสบายกว่าบ้านเราเยอะครับ แค่ปฏิบัติตามกฎจราจรคอยควบคุมความเร็วไม่ให้เกินกำหนดเท่านั้นเอง (มีป้ายกำกับความเร็วบอกตามจุดต่างๆ) อีกทั้งปริมาณรถก็เบาบางมากครับพอออกมาจากเมืองนานๆที่จะวิ่งสวนมาซักคัน
Yanchep National Park

อุทยานแห่งชาติที่อยู่ทางเหนือของ Perth ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเท่าไหร่ ประมาณ100กม. ขับรถมาประมาณ 50 นาทีก็ถึงครับ อุทยานมีลักษณะเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำซะส่วนใหญ่
จิงโจ้แดง (Red Kangaroo) เป็นสายพันธุ์จิงโจ้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกและในตระกูลสัตว์ที่มีกระเป๋าหน้าท้องครับ
โคอาล่า ( Koala) : ตอนนี้น่าเป็นห่วงมากจากสถานการณ์ไฟป่า
Wanagarren nature reserve
ไม่ได้เป็นสถานที่ที่ตั้งใจว่าจะไปตั้งแต่แรกเป็นความบังเอิญที่พบเจอระหว่างทางขับรถ เป็นทัศนียภาพที่สะดุดตาเข้าอย่างจังกับดงต้นไม้ที่รูปร่างแปลกตานี้ นับว่าเป็นสถานที่ที่ไม่ได้มีข้อมูลมากนัก คนเลยไม่รู้ครับ
Leaning Tree
ที่เห็นคือไม่ใช่ต้นไม้ล้มหรือหักโค่นนะครับแต่มันคือต้นไม้ที่ยังมีชีวิตอยู่โดยปรับตัวตามสภาพแวดล้อมของออสเตรเลียที่มีลมกรรโชกแรงอันเนื่องมาจากความที่ออสเตรเลียมีภูมิประเทศที่แบนราบที่สุดในโลกแทบจะไม่มีภูเขาหรือที่ราบสูงมาชะลอบังลมเลย
Pink lake
ทะเลสาบสีชมพูหรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ Hutt lagoon เป็นทะลสาบน้ำเค็มขนาดใหญ่ครับ โดยส่วนสีชมพูที่เห็นนั้นเกิดจากสาหร่ายชนิดหนึ่งที่เจริญเติบโตในทะเลสาบ
(จากภาพด้านบน) กว่าจะมาถึงก็เข้าช่วงเย็นละครับ ผิดแผนไปหน่อยแสงเลยไม่ค่อยจะมีทำให้สีชมพูเลยไม่ชัดเท่าไหร่
จบวันแรกของการเดินทาง Road trip ด้วยความที่ขับรถคนเดียวเลยเลือกที่จะพักครึ่งทางที่ Kalbarri และอีกอย่างคือการจำกัดความเร็วที่สูงสุดเฉลี่ยประมาณ 100 กม.ต่อชม. ทำให้ใช้ความเร็วไม่ได้มาก อีกปัจจัยนึงก็อยากจะค่อยๆขับไปเรื่อยๆดื่มด่ำกับวิวข้างทางเลยขับๆพักๆแวะบ่อยด้วยครับ 555 จบวันนี้ด้วยระยะทางประมาณ 571 กม.ครับผม (ภาพข้างบนคือลักษณะของที่พักผมครับเป็น คาราวาน ปาร์ค ให้รถบ้านเข้าไปจอดส่วนผมไม่มีรถบ้านเลยใช้กางเต็นท์เอาครับ555)
Kalbarri to Exmouth
อันที่จริงKalbarri นั้นอยู่ในแพลนด้วยครับแต่ตั้งใจมาแวะอีกทีขากลับ ขาไปเป้าหมายหลักคือไปให้ถึงจุดหมายที่Exmouthก่อนครับ แพลนไว้ว่าสถานที่ท่องเที่ยวตามเส้นทางที่ผ่านตอนขามากะว่าจะมาตามเก็บทีหลัง วันนี้ก็เหลืออีกประมาณ 800 กม.จะถึง Exmouth ครับ
วิวข้างทางเต็มไปด้วยดอกไม้บานอาจเป็นเพราะอยู่ในช่วงฤดูหนาวพอดี สุดท้ายทนไม่ไหวเลยจอดรถแชะภาพซะหน่อย
ที่นี่น่ารักอย่างนึงตรงที่มีป้ายเตือนตลอดข้างทางว่าจุดนี้มีสัตว์อาศัยอยู่แล้วอาจใช้ถนนเป็นทางผ่านข้ามไปมาและยังละเอียดไปถึงชนิดสัตว์อีกด้วยครับ
Gladstone scenic lookout
ระหว่างขับรถก็สังเกตเห็นป้ายบอกว่าเป็นจุดชมวิวเลยแวะเข้าไปชมครับ เป็นทัศนียภาพที่สวยงามสามารถมองเห็นได้ไกลสุดตาจริงๆ ส่วนกองตุ๊กตานั้นพบว่าเป็นสัญลักษณ์ในเชิงการแสดงความเคารพต่อผู้ที่เสียชีวิตที่บริเวณนี้ครับ
Carnavon cactus farm
ฟาร์มต้นกระบองเพชรหลากหลายนานาพันธุ์ที่ดูจะเหมาะกับสภาพภูมิประเทศและอากาศแห้งแล้งและทะเลทรายบริเวณนี้
โครงกระดูกวาฬที่คิดว่าน่าจะเป็นวาฬหลังค่อมส่วนที่มาไม่รู้ว่ามาจากการล่าหรือเกยตื้นกันแน่ครับ
Coral bay
วันนี้ก็ยังไม่ถึง Exmouth ครับตัดสินใจแวะพักที่ Coral bay ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก Exmouth แล้วอีกประมาณ 200กม.
มาถึงพอมีเวลาแสงยังไม่หมดเลยเดินไปชมวิวมหาสมุทรอินเดียและพระอาทิตย์ตกดินที่ริมหาดครับ
อันที่จริงจะขับรถไปต่อก็ได้ครับแต่ไม่อยากขับรถตอนกลางคืนเพราะกลัวจะเป็นอันตรายต่อตัวเองและผู้อื่นอีกทั้งสัตว์ป่าที่ออกมาตอนกลางคืน
จิงโจ้ผู้เคราะห์ร้าย ภาพแบบนี้มีให้เห็นอยู่พอสมควรเลยครับสาเหตุก็น่าจะมาจากการขับรถตอนกลางคืน
[CR] Road trip WA Perth to Exmouth/Mission: Swim with Humpback whales & Manta rays Ep.1
พาหนะ
รถเช่าจาก
https://www.bayswatercarrental.com.au (ราคาโอเคที่สุดและมีแพ็คเกจน่าสนใจครับ)
เส้นทางการบิน
บินไปเปลี่ยนเครื่องที่สิงค์โปร์(Changi Airport)และต่อไปยังเพริ์ทอีกที(Perth)โดยใช้บริการของ Scoot Air ครับ
วีซ่า(Visa)
http://www.vfsglobal.com/Australia/Thailand/thai/index.html
Perth
กว่าจะมาถึง Perth ก็มืดแล้ว เลยตรงดิ่งจากสนามบินเข้าเมืองเลยโดยใช้บริการรถ Bus route 380 http://www.transperth.wa.gov.au/Timetables/Details/Bus/380
แล้วต่อ Free bus ในเมืองไปที่พักอีกทีครับ
http://www.transperth.wa.gov.au/
(จากรูปด้านบน แผนที่เส้นทาง CAT free bus)
เช้าวันรุ่งขึ้นก็เที่ยวบริเวณในเมืองโดยใช้ Free bus เอา สะดวกดีครับแต่ต้องหาข้อมูลให้ดีก่อนว่าเราจะไปที่ไหนลงสถานีอะไร เพราะรถฟรีนั้นไม่ได้วิ่งผ่านครอบคลุมทุกพื้นที่นะครับในบางครั้งต้องต่อรถประจำทางอีกที
Elizabeth Quay Bridge
ผมตัดสินใจไปดูบรรยากาศยามเช้าที่บริเวณท่าเรือและหนึ่งในสัญลักษณ์ของเมือง Perth อย่าง Elizabeth Quay Bridge ที่ถึงชื่อจะเป็นสะพานแต่เป็นสะพานที่รถยนต์ข้ามไม่ได้นะครับเพราะแคบ ที่เห็นก็มีแต่จักรยานและคนมาออกกำลังกายกัน
Bell Tower
หลังจากนั้นก็เดินเท้าผ่านไปยัง หอระฆัง(Bell tower)หรืออีกชื่อหนึ่ง The Swan Bell เพราะอยู่ใกล้แม่น้ำ Swan river อาคารมีรูปทรงคล้ายกระสวยอวกาศมีความผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมใหม่และเก่า ข้างในสามารถเข้าชมได้โดยต้องเสียค่าตั๋วก่อนครับ
London Court
สถานที่ต่อมาที่แวะไปเป็น London Court หรือตรอกแฮรี่ พอตเตอร์ หนึ่งในสถานที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมชมโดยนอกจากจะมีกลิ่นอายสถาปัตยกรรมแบบอังกฤษแล้วบริเวณนี้ยังเป็นแหล่งชอบปิ้งซื้อของฝากอีกด้วยแต่ที่นี่มีแค่ตรอกซอยเป็นทางตรงเส้นเดียวเท่านั้นไม่ได้มีบริเวณให้ได้เดินเยี่ยมชมมากสักเท่าไหร่ครับ
Perth to Kalbarri
ตัดสินใจเที่ยวอยู่ที่ Perth แค่วันเดียวก่อนแล้วขา กลับจะค่อยกลับมาอีกครั้งเพราะPerthยังมีอะไรให้เยี่ยมชมอีกมากครับ วันนี้ไปรับรถที่จองไว้ครับเป็นรถรุ่น Toyota hatch ซึ่งชื่อไม่คุ้นเลยแต่ดูในรูปผ่านเว็ปยังไงๆก็คล้ายToyota yaris ชัดๆ 555 โดยไปรับรถที่ศูนย์ในเมือง สะดวกรวดเร็วดีครับ รถจะมีน้ำมันให้เต็มถังโดยตอนนำมาคืนเราก็เติมกลับมาให้เท่าเดิม
เป็นการขับรถครั้งแรกในต่างประเทศเลยครับสำหรับผม ก็มีเกร็งๆตื่นๆบ้างก่อนจะขับแต่เอาเข้าจริงขับสบายกว่าบ้านเราเยอะครับ แค่ปฏิบัติตามกฎจราจรคอยควบคุมความเร็วไม่ให้เกินกำหนดเท่านั้นเอง (มีป้ายกำกับความเร็วบอกตามจุดต่างๆ) อีกทั้งปริมาณรถก็เบาบางมากครับพอออกมาจากเมืองนานๆที่จะวิ่งสวนมาซักคัน
Yanchep National Park
อุทยานแห่งชาติที่อยู่ทางเหนือของ Perth ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเท่าไหร่ ประมาณ100กม. ขับรถมาประมาณ 50 นาทีก็ถึงครับ อุทยานมีลักษณะเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำซะส่วนใหญ่
จิงโจ้แดง (Red Kangaroo) เป็นสายพันธุ์จิงโจ้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกและในตระกูลสัตว์ที่มีกระเป๋าหน้าท้องครับ
โคอาล่า ( Koala) : ตอนนี้น่าเป็นห่วงมากจากสถานการณ์ไฟป่า
Wanagarren nature reserve
ไม่ได้เป็นสถานที่ที่ตั้งใจว่าจะไปตั้งแต่แรกเป็นความบังเอิญที่พบเจอระหว่างทางขับรถ เป็นทัศนียภาพที่สะดุดตาเข้าอย่างจังกับดงต้นไม้ที่รูปร่างแปลกตานี้ นับว่าเป็นสถานที่ที่ไม่ได้มีข้อมูลมากนัก คนเลยไม่รู้ครับ
Leaning Tree
ที่เห็นคือไม่ใช่ต้นไม้ล้มหรือหักโค่นนะครับแต่มันคือต้นไม้ที่ยังมีชีวิตอยู่โดยปรับตัวตามสภาพแวดล้อมของออสเตรเลียที่มีลมกรรโชกแรงอันเนื่องมาจากความที่ออสเตรเลียมีภูมิประเทศที่แบนราบที่สุดในโลกแทบจะไม่มีภูเขาหรือที่ราบสูงมาชะลอบังลมเลย
Pink lake
ทะเลสาบสีชมพูหรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ Hutt lagoon เป็นทะลสาบน้ำเค็มขนาดใหญ่ครับ โดยส่วนสีชมพูที่เห็นนั้นเกิดจากสาหร่ายชนิดหนึ่งที่เจริญเติบโตในทะเลสาบ
(จากภาพด้านบน) กว่าจะมาถึงก็เข้าช่วงเย็นละครับ ผิดแผนไปหน่อยแสงเลยไม่ค่อยจะมีทำให้สีชมพูเลยไม่ชัดเท่าไหร่
จบวันแรกของการเดินทาง Road trip ด้วยความที่ขับรถคนเดียวเลยเลือกที่จะพักครึ่งทางที่ Kalbarri และอีกอย่างคือการจำกัดความเร็วที่สูงสุดเฉลี่ยประมาณ 100 กม.ต่อชม. ทำให้ใช้ความเร็วไม่ได้มาก อีกปัจจัยนึงก็อยากจะค่อยๆขับไปเรื่อยๆดื่มด่ำกับวิวข้างทางเลยขับๆพักๆแวะบ่อยด้วยครับ 555 จบวันนี้ด้วยระยะทางประมาณ 571 กม.ครับผม (ภาพข้างบนคือลักษณะของที่พักผมครับเป็น คาราวาน ปาร์ค ให้รถบ้านเข้าไปจอดส่วนผมไม่มีรถบ้านเลยใช้กางเต็นท์เอาครับ555)
Kalbarri to Exmouth
อันที่จริงKalbarri นั้นอยู่ในแพลนด้วยครับแต่ตั้งใจมาแวะอีกทีขากลับ ขาไปเป้าหมายหลักคือไปให้ถึงจุดหมายที่Exmouthก่อนครับ แพลนไว้ว่าสถานที่ท่องเที่ยวตามเส้นทางที่ผ่านตอนขามากะว่าจะมาตามเก็บทีหลัง วันนี้ก็เหลืออีกประมาณ 800 กม.จะถึง Exmouth ครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้