การอุ้มบุญ (เผ่าพันธ์อื่น) เพื่อเติมเต็มธรรมชาติ

"ปลาสวายอุ้มบุญ"


(ขอบคุณภาพจาก https://siamrath.co.th/n/125283)

(8 ม.ค.63) ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จ.นครราชสีมา ได้มีการโชว์ผลงานวิจัยปลูกถ่ายเซลล์สืบพันธุ์ในปลา ซึ่งสามารถทำให้ปลาสวายออกลูกมาเป็นปลาบึกได้เป็นผลสำเร็จครั้งแรกในประเทศไทย 

ทีมนักวิจัย มทส. ร่วมมือกับทีมนักวิจัยของมหาวิทยาลัย Tokyo University of Marine Science and Technology ในประเทศญี่ปุ่น กว่า 5 ปี พัฒนาเทคนิคการปลูกถ่ายเซลล์สืบพันธุ์ในปลา โดยในขณะนี้สามารถที่จะสร้างพ่อ-แม่พันธุ์ปลาสวายที่สามารถอุ้มบุญลูกปลาบึกได้เป็นผลสำเร็จครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อลดข้อจำกัดและระยะเวลาในการขยายพันธุ์ตามธรรมชาติ หรือการผสมเทียมที่ต้องใช้พื้นที่ในการอนุบาลและเพาะเลี้ยงขนาดใหญ่

ทีมวิจัยได้ทำการศึกษาวิจัยในกลุ่มปลาบึกและปลาสวายโดยใช้ปลาบึกเป็นปลาผู้ให้ (Donor Fish) และปลาสวายเป็นปลาผู้รับ (Recipient Fish) โดยในขั้นตอนของงานวิจัยจะสกัดเอาเสต็มเซลล์ (Stem Cell) จากอวัยวะสืบพันธุ์ปลาบึก เพื่อมาปลูกถ่ายในลูกปลาสวายเผือกวัยอ่อนอายุ 4-5 วัน แล้วเลี้ยงปลาสวายเผือกที่ได้รับการปลูกถ่ายเซลล์สืบพันธุ์จนเป็น พ่อ-แม่พันธุ์ และนำมาเพาะขยายพันธุ์ตามธรรมชาติในบ่ออนุบาล

ในธรรมชาติปลาสวายเผือกจะให้ลูกปลาสวายเผือกที่ลำตัวมีสีขาวอมแดงทั้งหมด ซึ่งถ้าหากพ่อแม่พันธุ์ปลาสวายที่ได้รับการปลูกถ่ายเซลล์สืบพันธุ์จากปลาบึก ให้ลูกปลาที่มีสีเทาดำ (สีลำตัวปกติของปลาบึก) ร่วมกับปลาสีขาวอมแดงซึ่งเป็นปลาสวายเผือก ในครอกเดียวกันจะทำให้สามารถสังเกตได้ชัดเจนว่าปลาสวายเผือกได้อุ้มบุญปลาบึกเป็นผลสำเร็จ 

โดยเรียกปลาสวายเผือกที่ได้รับการปลูกถ่ายเซลล์สืบพันธุ์และสามารถผลิตลูกปลาบึกได้ว่า พ่อแม่ปลาอุ้มบุญ (Surrogate Broodstock) โดยในการทดลองทีมวิจัยสามารถที่จะผลิตปลาอุ้มบุญที่สามารถที่ผลิตลูกปลาบึกได้จำนวนหนึ่ง
ทั้งนี้ ทีมวิจัยกำลังพัฒนาให้พ่อแม่ปลาอุ้มบุญสามารถอุ้มบุญลูกปลาบึกได้ 100% ในอนาคต และเตรียมต่อยอดงานวิจัยเพื่อการพัฒนาและอนุรักษ์พันธุ์ปลาหายากและใกล้สูญพันธุ์ต่อไป 
Cr.https://www.sanook.com/news/8003990/ โดย

แซลมอนจากพ่อแม่อุ้มบุญ


นักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่นประสบความสำเร็จในการเพาะพันธุ์ปลาแซลมอนชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า "ยามาเมะ" ซึ่งเป็นปลาแม่น้ำพื้นถิ่นของญี่ปุ่น โดยใช้พ่อแม่อุ้มบุญต่างเผ่าพันธุ์
นายโกโร โยชิซากิ หัวหน้านักวิจัยมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางทะเล กรุงโตเกียว กล่าวว่า นักวิจัยแช่แข็งอวัยวะสืบพันธุ์ของแซลมอนยามาเมะ ก่อนสกัดเอาเซลล์สืบพันธุ์เบื้องต้น ฝังเข้าไปในตัวอ่อนปลาเทราท์เรนโบว์ที่ผ่านการทำหมันแล้ว

 เซลล์สืบพันธุ์เบื้องต้นเหล่านั้น จะพัฒนาไปตามการเจริญเติบโตของปลา เป็นสเปิร์มสมบูรณ์ในปลาเพศผู้ และพัฒนาเป็นไข่ที่ผสมพันธุ์ได้ในปลาเพศเมีย จากนั้น ไข่และอสุจิก็สามารถผสมพันธุ์กันได้ในหลอดแก้ว ก่อเกิดเป็นปลาแซลมอนสุขภาพแข็งแรง
นายโยชิซากิ กล่าวว่า สามารถกล่าวได้ว่า กรรมวิธีนี้ประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์แล้ว นักวิจัยสามารถสร้างอสุจิและไข่ของสัตว์ต้นแบบได้ทุกเมื่อ ทั้งยังมั่นใจว่า เทคโนโลยีเดียวกันนี้ จะสามารถนำไปปรับใช้กับปลาปักเป้าเสือ ซึ่งเป็นอาหารยอดนิยมของญี่ปุ่น ได้เช่นกัน
                        
ปัจจุบัน ทีมวิจัยยังกำลังทำโครงการอนุรักษ์พันธุ์ปลาใกล้สูญพันธุ์อื่นๆ อีกด้วย ทั้งยังมีแผนจะยกระดับขึ้นไปอีกขั้น โดยต้องการรู้ว่า กรรมวิธีเดียวกันนี้ จะใช้ได้ผลหรือไม่กับการเพาะสัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในที่สุด แต่ก็ยอมรับว่า คงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เนื่องจากหน่วยพันธุกรรมของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเพศผู้และเพศเมีย มีความแตกต่างกันมาก
Cr.https://www.komchadluek.net/news/lifestyle/149685

แม่สุนัขอุ้มบุญ


สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน ทีมสัตวแพทย์ นักวิทยาศาสตร์ และเจ้าหน้าที่ในห้องปฏิบัติการ มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ ในสหรัฐฯ นำโดย ดร.อเล็กซ์ ทราวิส ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ในการทำ ‘สุนัขหลอดแก้ว’ ด้วยการนำตัวอ่อน ซึ่งได้รับการปฏิสนธิกับสเปิร์ม ไปฝากไว้ในท้องของแม่สุนัขอุ้มบุญ สำเร็จเป็นครั้งแรกของโลก หลังจากบรรดานักวิทยาศาสตร์ได้เพียรพยายามมาหลายปี

แม่สุนัขอุ้มบุญตัวนี้ ได้ออกลูกมา 7 ตัว เมื่อเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา และตอนนี้พวกมันมีร่างกายที่แข็งแรงดี  มีทั้งสายพันธุ์บีเกิล รวมทั้งสายพันธุ์ผสมระหว่างบีเกิล กับค็อกเกอร์สเปเนียล อีกทั้งลูกสุนัขหลอดแก้ว เหล่านี้ถือกำเนิดจากสุนัขคลอกเดียวกัน เพียงแต่มีพ่อแม่ถึง 3 คู่

ทีมนักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ ชี้ถึงจุดประสงค์ของการทำสุนัขหลอดแก้ว ว่า เพื่อเป็นการช่วยอนุรักษ์สัตว์ที่สายพันธุ์ตกอยู่ในอันตราย และยังเป็นการช่วยต่อสู้กับโรคร้ายที่จะเกิดกับคนและสัตว์ในอนาคตด้วย
 
สำหรับการทำสุนัขหลอดแก้วของทีมนักวิจัยมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์นี้ใช้วิธีการเทคนิคคล้ายคลึงกับการทำเด็กหลอดแก้ว คือการนำตัวอ่อน ที่เก็บแช่แข็งไว้มาฉีดใส่สุนัขเพศเมีย เพียงแต่จะเกิดปัญหาหลายอย่างกับตัวอ่อนแช่แข็ง แต่ทางทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ สามารถคิดค้นหาเทคนิคในการแก้ปัญหาได้สำเร็จ 
โดย ดร.ทราวิส หัวหน้าทีมวิจัย ยังกล่าวว่า ลูกสุนัขทั้ง 7 ตัว เป็นลูกสุนัขที่แข็งแรงดีเหมือนกับลูกสุนัขที่เกิดตามธรรมชาติ พร้อมกล่าวด้วยว่านับตั้งแต่กลางทศวรรษ 1970 แล้ว มีนักวิทยาศาสตร์ได้พยายามจะทำสุนัขหลอดแก้ว แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ
Cr.https://www.thairath.co.th/content/547187

แรดขาวพันธุ์ใต้ ”แม่อุ้มบุญ” 


นักวิจัยวางแผนเก็บไข่จากแรดขาวพันธุ์เหนือ และสร้างตัวอ่อนโดยใช้แรดขาวพันธุ์ใต้ทำหน้าที่เป็น”แม่อุ้มบุญ” วิธีนี้อาจจะเป็นโอกาสเดียวที่จะสามารถช่วยสัตว์สายพันธุ์นี้ไว้ได้   แรดขาวพันธุ์ใต้ที่มีชื่อว่า “โฮป” อาจเป็นความหวังที่จะสามารถช่วยลูกพี่ลูกน้องแรดขาวพันธุ์เหนือจากการสูญพันธุ์ได้

“โฮป” อาศัยอยู่ในเมือง Chorzow ของโปแลนด์ นักวิจัยเก็บไข่บางส่วนของเธอ และพยายามใช้เทคนิคที่สมบูรณ์แบบในการผสมพันธุ์และฝังไข่ลงในแม่แรดอุ้มบุญ   Jan Stejskal แห่งสวนสัตว์ซาฟารี Dvur Kralove กล่าวว่ากระบวนการนับตั้งแต่วันนี้ไป เป็นอะไรที่ยากลำบาก เสมือนกับไปทำการทดลองนี้กับแรดขาวพันธุ์เหนือที่เคนยาเลยทีเดียว

ปัจจุบันมีแรดขาวพันธุ์ใต้อยู่ประมาณ 17,000 ตัว แต่มีแรดขาวพันธุ์เหนืออยู่เพียง 2 ตัวเท่านั้น ซึ่งเป็นตัวเมียทั้งคู่จึงไม่สามารถผสมพันธุ์กันได้
วิธีเดียวที่จะสามารถช่วยแรดขาวพันธุ์เหนือจากการสูญพันธุ์ได้ ก็คือการเรียนรู้วิธีการที่จะนำตัวอ่อนฝังเข้าไปในแม่แรดอุ้มบุญ และศึกษาเทคนิคนี้เพิ่มเติมกับแรดตัวเมียในสวนสัตว์ยุโรป

ทั้งนี้ตัวผู้ตัวสุดท้ายของเผ่าพันธุ์นี้ตายลงเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว ดังนั้นจึงทำให้แรดขาวพันธุ์เหนือตัวเมียสองตัวที่เหลือ เป็นแรดขาวพันธุ์เหนือสองตัวสุดท้ายบนโลกใบนี้  ถ้าหากการทดลองนี้ประสบผลสำเร็จ ก็อาจนำไปใช้ในการแพร่พันธุ์สัตว์ชนิดใหญ่ที่ใกล้จะสูญพันธุ์ชนิดอื่นๆ ได้
Cr.https://www.voathai.com/a/surrogate-mom-saving-white-rhinos/4815284.html

"ละมั่งอุ้มบุญ"  


ละมั่งเป็นสัตว์ในตระกูลกวาง ที่หายาก และถือเป็น 1 ใน 15 สัตว์ป่าสงวนของไทย ที่เคยมีทั้งสายพันธุ์ไทยและสายพันธุ์พม่า แต่ปรากฏว่า ทั้ง 2 ชนิดได้สูญพันธุ์จากธรรมชาติในป่าไทยกว่า 50 ปีแล้ว จากการล่าและบุกรุกพื้นที่ โดยปัจจุบันเหลือเพียงละมั่งในกรงเลี้ยงของสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และในสวนสัตว์เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ละมั่งจะผสมกันตามธรรมชาติได้ แต่มีปัญหาเลือดชิด และไม่มีความแข็งแรง ทำให้การขยายพันธุ์ละมั่งไม่สามารถประสบผลสำเร็จ

ดังนั้น จึงมีความพยายามจากนักวิจัยขององค์การสวนสัตว์ และทีมวิจัยด้านสัตวแพทย์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ และสถาบันสมิทธโซเนียน ในการผลิตลูกละมั่งจากหลอดแก้ว หรือที่เรียกว่า การฝากครรภ์ หรือการอุ้มบุญ 
โดยทีมวิจัยได้เริ่มการพัฒนาในการผลิตตัวอ่อนของละมั่งสายพันธุ์พม่า ซึ่งนำเชื้อตัวพ่อมาจากสวนสัตว์นครราชสีมา โดยเริ่มดำเนินการเมื่อ 31 มี.ค.53 ซึ่งใช้กรรมวิธีการผลิตตัวอ่อนนอกร่างกาย หรือหลอดแก้ว

 จากนั้นใช้วิธีการย้ายฝากกับแม่พันธุ์ละมั่งจำนวน 3 ตัว แต่ปรากฏว่าตัวอ่อนตายในถุงน้ำคร่ำ ต่อมานักวิจัยได้พยายามหาวธีที่จะให้ตัวอ่อนรอด โดยเริ่มต้นทำอีกครั้งในเดือน ก.พ.54 โดยการผลิตตัวอ่อนนอกร่างกายฝากกับแม่พันธุ์จำนวน 8 ตัว ซึ่งมากกว่าเดิม 5 ตัว ปรากฏว่าความฝันของนักวิจัยเป็นจริง เพราะตัวอ่อนที่ไปฝากครรภ์ได้ติดในท้องของแม่อุ้มบุญ 1 ตัว และได้ตกลูกออกมาเองเมื่อ 17 ต.ค.54 ถือเป็นลูกละมั่งหลอดแก้วตัวแรกของโลก หรือลูกละมั่งอุ้มบุญเพศเมียตัวแรก
Cr.https://www.thairath.co.th/content/219823

เคยมีการรับสมัคร "อุ้มบุญ" มนุษย์โบราณนีแอนเดอร์ธัล


ศาสตราจารย์จอร์จ เชิร์ช นักพันธุศาสตร์แห่งคณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เชื่อว่าตัวเองสามารถสร้างดีเอ็นเอของมนุษย์นีแอนเดอร์ธัลขึ้นใหม่ได้ และได้ทำการประกาศรับสมัครหญิงใจเด็ด ที่จะอาสาอุ้มท้องให้กับมนุษย์นีแอนเดอร์ธัลที่ได้สูญพันธุ์ไปแล้ว 33,000 ปี หวังจะสร้างมนุษย์ดึกดำบรรพ์จากดีเอ็นเอในฟอสซิล เพราะเขาบอกว่า รหัสพันธุกรรมของนีแอนเดอร์ธัล ที่ได้จากตัวอย่างกระดูก มีความสมบูรณ์เพียงพอที่จะสร้างดีเอ็นเอขึ้นใหม่ได้

เทคนิคของนักพันธุศาสตร์ผู้นี้ คล้ายกับในหนังเรื่องจูราสสิกพาร์ก แต่ผิดกันตรงที่ไดโนเสาร์ในภาพยนตร์ถูกเพาะขึ้นในห้องแล็บ แต่นีแอนเดอร์ธัลต้องพึ่งอาสาสมัครหญิงที่จะรับอุ้มท้องให้

กรรมวิธีจะเริ่มด้วยการสร้างดีเอ็นเอของนีแอนเดอร์ธัลจากรหัสพันธุกรรมที่พบในซากฟอสซิล แล้วนำดีเอ็นเอนั้นใส่ในสเต็มเซลล์ หรือเซลล์ต้นกำเนิด ที่ได้จากตัวอ่อนมนุษย์ และคาดว่าสเต็มเซลล์จะชักนำให้ตัวอ่อนลูกผสมนี้พัฒนาไปในทางสายพันธุ์นีแอนเดอร์ธัล แทนที่จะไปในทางมนุษย์ และหลังจากเซลล์เจริญเติบโตในห้องแล็บไม่กี่วัน ตัวอ่อนของ 'นีโอ-นีแอนเดอร์ธัล' ก็จะถูกฝังในครรภ์ของแม่ฝาก ซึ่งเป็นอาสาสมัคร

ศาสตราจารย์เชิร์ช วัย 58 เป็นผู้บุกเบิกวิชาชีววิทยาสังเคราะห์ ซึ่งช่วยริเริ่มโครงการจีโนมมนุษย์ ที่ได้ทำแผนที่ดีเอ็นเอของคนเรา เขาบอกว่า นีแอนเดอร์ธัลไม่ได้เป็นพวกทึ่มทื่ออย่างที่มักเห็นในหนัง แต่มีสติปัญญา มีสมองขนาดไล่เรี่ยกับของมนุษย์ปัจจุบัน และสามารถทำเครื่องมือง่ายๆได้

อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญบางคนบอกว่า 'นีโอ-นีแอนเดอร์ธัล' อาจไม่มีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโรคสมัยใหม่ และอาจเกิดมาพิกลพิการก็เป็นได้ ยังไม่นับประเด็นที่ว่า มนุษย์ดึกดำบรรพ์จะปรับตัวเข้ากับโลกยุคใหม่ได้หรือไม่
ขอบคุณข้อมูลจากวอยซ์ทีวี / วาไรตี้ ไทยซ่า เรียบเรียง
Cr.https://variety.thaiza.com/interest/261259/
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่