ส่องดวงเมืองผ่านดวงดาว ๒๕๖๓
(ตอนที่ ๑ ดาวมฤตยูทับลัคนาเมือง)
สถานการณ์บ้านเมืองในปี พ.ศ. ๒๕๖๓ เมื่อมองในแง่มุมทางโหราศาสตร์ซึ่งใช้ดวงดาวที่โคจรอยู่ในจักราศีเป็นเครื่องมือ
ในการพยากรณ์ ก็จะพบว่าปีนี้มีดาวหลายดวงที่โคจรวิปริต เดินหน้า ถอยหลัง หรือหยุดเดินเป็นระยะ ทั้งดาวอังคาร พุธ พฤหัสบดี
ศุกร์ เสาร์และดาวมฤตยู วิถีโคจรแห่งดวงดาวเช่นนี้ ส่อให้เห็นถึงอาการปั่นป่วนวุ่นวายที่จะปรากฏแก่บ้านเมือง ซึ่งก็จะมีผลกระทบมาถึง
ประชาชนในประเทศทั้งเรื่อง การเมือง เศรษฐกิจ สภาพสังคม
เริ่มตั้งแต่ดาวมฤตยู (๐) ที่โคจรอยู่ในราศีเมษ กุมลัคนาและพระอาทิตย์ (๑) ในพื้นดวงเมืองมาตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. ๒๕๕๙ และจะอยู่จนถึง
เดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ดาวมฤตยู (๐) เป็นดาวอาเพศ อำนาจของดาวดวงนี้คือการกวาดล้างสิ่งเก่าๆ เพื่อสถาปนาสิ่งใหม่
การที่ดาวดวงนี้เข้ามากุมลัคนาเมืองอีกครั้งในรอบ ๘๔ จึงส่งอิทธิพลถึงทุกองคาพยพ โดยเฉพาะบุคคลที่มีอำนาจ เป็นผู้นำทั้งภาคการเมือง
และภาคประชาชน ผู้นำองค์กรต่างๆ ซึ่งจะเป็นเป้าหมายสำคัญที่จะถูกเปลี่ยนแปลงที่ผ่านมาคนไทยก็ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกผัน
ในวงการต่างๆ ทั้งทางการเมือง การคมนาคมขนส่ง การสื่อสาร วงการสื่อมวลชนเปลี่ยนแปลงอย่างมโหฬาร การจัดระบบระเบียบบ้านเมือง
การนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้ ซึ่งทำให้วิถีชีวิตของคนไทยเริ่มเปลี่ยนไปโดยเฉพาะในเมืองใหญ่
การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดจากอิทธิพลของดาวมฤตยู (๐) ยังคงดำเนินต่อไปไม่เฉพาะแต่ในระดับประเทศเท่านั้น ทว่า คนไทยทุกคน
ต่างได้รับผลนี้เช่นกัน ดังนั้น การที่จะรับมือกับดาวมฤตยู (๐) ได้ก็คือ การที่ต้องปรับเปลี่ยนตัวเอง โดยเฉพาะคนที่มีลัคนาราศีเมษ
ซึ่งได้รับอิทธิพลโดยตรงและเต็มที่ อะไรที่เคยทำแบบเดิมๆ ซ้ำซาก ทั้งการทำมาหากิน การทำธุรกิจ กิจการต่างๆ ถึงเวลาต้องปรับปรุง
เปลี่ยนแปลงให้เท่าทันโลก มิเช่นนั้นก็จะกลายเป็นคนตกยุค ในขณะที่คนอื่นๆ ที่ปรับตัวไปแล้วก็จะทิ้งห่างเราไปมากขึ้น
คนที่เป็นผู้นำองค์กร หน่วยงานต่างๆ รวมทั้งนักการเมือง ต้องกล้าที่จะปรับเปลี่ยนความคิดของตัวเองให้ทันสมัย ไม่ย่ำอยู่กับรูปแบบ
แนวคิดหรือการทำงานแบบเดิมๆ เพราะดาวมฤตยู (๐) นั้นเป็นเจ้าแห่งการเปลี่ยนแปลงในระดับปฏิวัติ หากนิ่งเฉยดูดายไม่ยอมเปลี่ยน
ก็ไม่ต่างจากการนั่งรอความตายเท่านั้น และในปีนี้ก็จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่อีกหลายระลอกที่จะมีผลกระทบต่อชีวิตของคนไทย
ส่องดวงเมืองผ่านดวงดาว (ตอนที่ 1) โดย พล พยากรณ์
(ตอนที่ ๑ ดาวมฤตยูทับลัคนาเมือง)
ในการพยากรณ์ ก็จะพบว่าปีนี้มีดาวหลายดวงที่โคจรวิปริต เดินหน้า ถอยหลัง หรือหยุดเดินเป็นระยะ ทั้งดาวอังคาร พุธ พฤหัสบดี
ศุกร์ เสาร์และดาวมฤตยู วิถีโคจรแห่งดวงดาวเช่นนี้ ส่อให้เห็นถึงอาการปั่นป่วนวุ่นวายที่จะปรากฏแก่บ้านเมือง ซึ่งก็จะมีผลกระทบมาถึง
ประชาชนในประเทศทั้งเรื่อง การเมือง เศรษฐกิจ สภาพสังคม
เริ่มตั้งแต่ดาวมฤตยู (๐) ที่โคจรอยู่ในราศีเมษ กุมลัคนาและพระอาทิตย์ (๑) ในพื้นดวงเมืองมาตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. ๒๕๕๙ และจะอยู่จนถึง
เดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ดาวมฤตยู (๐) เป็นดาวอาเพศ อำนาจของดาวดวงนี้คือการกวาดล้างสิ่งเก่าๆ เพื่อสถาปนาสิ่งใหม่
การที่ดาวดวงนี้เข้ามากุมลัคนาเมืองอีกครั้งในรอบ ๘๔ จึงส่งอิทธิพลถึงทุกองคาพยพ โดยเฉพาะบุคคลที่มีอำนาจ เป็นผู้นำทั้งภาคการเมือง
และภาคประชาชน ผู้นำองค์กรต่างๆ ซึ่งจะเป็นเป้าหมายสำคัญที่จะถูกเปลี่ยนแปลงที่ผ่านมาคนไทยก็ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกผัน
ในวงการต่างๆ ทั้งทางการเมือง การคมนาคมขนส่ง การสื่อสาร วงการสื่อมวลชนเปลี่ยนแปลงอย่างมโหฬาร การจัดระบบระเบียบบ้านเมือง
การนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้ ซึ่งทำให้วิถีชีวิตของคนไทยเริ่มเปลี่ยนไปโดยเฉพาะในเมืองใหญ่
การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดจากอิทธิพลของดาวมฤตยู (๐) ยังคงดำเนินต่อไปไม่เฉพาะแต่ในระดับประเทศเท่านั้น ทว่า คนไทยทุกคน
ต่างได้รับผลนี้เช่นกัน ดังนั้น การที่จะรับมือกับดาวมฤตยู (๐) ได้ก็คือ การที่ต้องปรับเปลี่ยนตัวเอง โดยเฉพาะคนที่มีลัคนาราศีเมษ
ซึ่งได้รับอิทธิพลโดยตรงและเต็มที่ อะไรที่เคยทำแบบเดิมๆ ซ้ำซาก ทั้งการทำมาหากิน การทำธุรกิจ กิจการต่างๆ ถึงเวลาต้องปรับปรุง
เปลี่ยนแปลงให้เท่าทันโลก มิเช่นนั้นก็จะกลายเป็นคนตกยุค ในขณะที่คนอื่นๆ ที่ปรับตัวไปแล้วก็จะทิ้งห่างเราไปมากขึ้น
คนที่เป็นผู้นำองค์กร หน่วยงานต่างๆ รวมทั้งนักการเมือง ต้องกล้าที่จะปรับเปลี่ยนความคิดของตัวเองให้ทันสมัย ไม่ย่ำอยู่กับรูปแบบ
แนวคิดหรือการทำงานแบบเดิมๆ เพราะดาวมฤตยู (๐) นั้นเป็นเจ้าแห่งการเปลี่ยนแปลงในระดับปฏิวัติ หากนิ่งเฉยดูดายไม่ยอมเปลี่ยน
ก็ไม่ต่างจากการนั่งรอความตายเท่านั้น และในปีนี้ก็จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่อีกหลายระลอกที่จะมีผลกระทบต่อชีวิตของคนไทย