เด็กพท. เตือน นายกฯ อย่าลักไก่ แอบนำเข้าขยะพลาสติกจากต่างประเทศ
https://www.thairath.co.th/news/politic/1741621
เด็กเพื่อไทย เตือน “นายกตู่” อย่าลักไก่ ลดใช้ถุงพลาสติก แต่แอบสนับสนุนการนำเข้าขยะพลาสติกจากต่างประเทศ
วันที่ 7 ม.ค. ร.ต.อ.
วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช คณะกรรมการกิจการพิเศษ (กพศ.) พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่รัฐบาลมีนโยบายในการลดการใช้พลาสติก โดยมีโครงการสนับสนุนให้ ห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต และร้านสะดวกซื้องดให้ถุงพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว (Single-use plastic) กับลูกค้า หากในทางกลับกันปี 2561 -2562 ประเทศไทยกลับนำเข้าขยะพลาสติกจากต่างประเทศมากถึง 481,381 ตัน และกำหนดให้มีปริมาณนำเข้าขยะพลาสติกปีละ 70,000 ตัน ซึ่งหลังจากที่ประเทศจีนมีนโยบายห้ามนำเข้าขยะพลาสติก พ.ศ.2561 ทำให้ขยะพลาสติกส่วนใหญ่ ได้เปลี่ยนเส้นทางไปยังประเทศและภูมิภาคที่มีการควบคุมแบบไม่เข้มงวด โดยเฉพาะประเทศไทย ซึ่งปัญหาขยะทุกวันนี้ เกิดจากการที่เราขาดการกำจัดและการคัดแยกขยะที่เป็นระบบและถูกวิธี จึงทำให้ไม่สามารถนำขยะพลาสติกเหล่านั้นกลับมารีไซเคิลเพื่อใช้ได้อย่างคุ้มค่า จึงทำให้ขยะพลาสติกในประเทศตกค้างเป็นจำนวนมาก ซึ่งในท้ายที่สุดก็จะไหลลงสู่แม่น้ำ ลำคลอง และทะเล
รัฐบาลไทยควรดูประเทศสิงคโปร์เป็นต้นแบบ เพราะเขาสามารถลดปริมาณขยะได้ถึง 90% โดยสิงคโปร์มีระบบการคัดแยกขยะที่ดี ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบกระบวนการ โดยมีการควบคุมอย่างเข้มงวดในการทิ้งขยะ แยกขยะตามประเภทอย่างชัดเจน โดยมีการคัดแยกในทุกขั้นตอนตั้งแต่รถเก็บขยะ จนถึงโรงงานเผาขยะ เพื่อคัดแยกขยะที่ไม่สามารถเผาได้ ในส่วนที่เผาได้ก็สามารถผลิตกลับมาเป็นไฟฟ้า ในส่วนที่เป็นก๊าซ ก็จะมีระบบการดักจับฝุ่นแบบไฟฟ้าสถิตอีกที เพื่อทำให้ได้อากาศบริสุทธิ์ก่อนที่จะปล่อยออกจากโรงงาน ส่วนขี้เถ้าที่เหลือก็จะถูกส่งไปทำเป็นอิฐเพื่อก่อสร้างถนน
ร.ต.อ.
วัฒนรักษ์ กล่าวอีกว่า หาก พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อยากให้คนไทยลดใช้ถุงพลาสติก ก็ควรหยุดการนำเข้าขยะพลาสติกจากต่างประเทศ และหันมาสนับสนุนการคัดแยกขยะอย่างเป็นระบบ และส่งเสริมการรีไซเคิลอย่างถูกวิธี โดยรัฐบาลควรยกเลิกประกาศ คสช.ที่ 4/2559 เรื่อง การยกเว้นการใช้บังคับกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมสำหรับการประกอบกิจการบางประเภท เพราะหากโรงงานคัดแยกและรีไซเคิล (โรงงานประเภท 105 และ106) สร้างขึ้นโดยไม่มีมาตรฐาน ก็จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย ซึ่งในปัจจุบันจังหวัดสมุทรสาครมีโรงงานรีไซเคิลกว่า 6,000 แห่ง และอีก 3,000 แห่งในจังหวัดสมุทรปราการ และฉะเชิงเทรา รวมทั้งยังมีโรงงานอีกหลายๆ แห่งทั่วประเทศ
'วีระ' สวน 'ประยุทธ์' กล้าพูดยึดมาตรฐานเดียวเอาผิดคนรุกป่า ทั้งที่ความจริงตรงกันข้าม
https://www.matichon.co.th/politics/news_1870407
เมื่อวันที่ 7 ม.ค. นาย
วีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก ตอบโต้ นายรัฐมนตรี ระบุว่า
“
ประยุทธ์ ได้แต่พูดสร้างภาพให้ดูเหมือนเป็นรัฐบาลที่มีความรับผิดชอบ บอกจะใช้มาตราฐานเดียว คนรวย คนจน บุกรุกที่ดินรัฐจับดำเนินคดีหมด”
“แต่การกระทำของรัฐบาลไม่เป็นเหมือนที่ประยุทธ์พูด ประชาชนเห็นแต่การปกป้อง ส.ส.พรรครัฐบาล(กรณีปารีณาบุกรุก ครอบครองที่ ส.ป.ก. ก็ให้คืนที่แล้วจบไม่ยอมดำเนินคดีอาญา ที่รับไม่ได้คือบีบป่าไม้ไม่ให้ดำเนินคดีอาญาเอาผิดเพิ่มเติมอีก 682 ไร่ แล้วยังเอาศรีวราห์กลับเข้ามาเป็นที่ปรึกษาฯให้มาคุมคดีนี้อีกด้วย) และรัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ร่วมรัฐบาลที่ถูกกล่าวหาว่ารุกที่ ส.ป.ก. ก็ยังปล่อยให้ลอยนวล ขนาดศาลมีคำพิพากษาตามยอม รัฐมนตรีคนดังกล่าวก็ท้าทายไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา คนอย่างนี้ประยุทธ์ยังเอามาเป็นรัฐมนตรี รัฐมนตรีธรรมนัสถูกนายวีระ สมความคิด นำกรณีมาแฉมาจี้ให้ธรรมนัสจัดการเอาผิดยึดที่ ส.ป.ก .คืนให้รัฐ เหมือนกับกรณีปารีณา แต่ธรรมนัสและรัฐบาลประยุทธ์ ก็ทำเป็นเฉยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่กับชาวบ้านจนๆที่บุกรุกที่ป่าไม้ บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ บุกรุกอุทยานแห่งชาติ บุกรุกที่ ส.ป.ก. ในรอบ 7 ปีที่ผ่านมาในรัฐบาลของประยุทธ์นี่แหละ ชาวบ้านจนๆ ถูกจับดำเนินคดีและติดคุกแล้วเป็นหมื่นคน ความจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ มันไม่เหมือนกับที่ประยุทธ์พูดเลย หลักฐานชัดเจนอย่างนี้ ประยุทธ์ยังจะกล้าปฏิเสธ ยังจะกล้าแถอีกหรือไม่?
เมื่อเป็นเช่นนี้ ประชาชนส่วนใหญ่จะยอมอยู่ใต้อำนาจของรัฐบาลนี้ อีกต่อไปหรือไม่?
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=2568537279910775&id=181257625305431
JJNY : พท.เตือนนายกฯอย่าลักไก่ แอบนำเข้าขยะ/วีระสวนประยุทธ์กล้าพูดยึดมาตรฐานเดียว/ชาวบ้านเดือดร้อนซื้อน้ำเดือนละ2พัน
https://www.thairath.co.th/news/politic/1741621
เด็กเพื่อไทย เตือน “นายกตู่” อย่าลักไก่ ลดใช้ถุงพลาสติก แต่แอบสนับสนุนการนำเข้าขยะพลาสติกจากต่างประเทศ
วันที่ 7 ม.ค. ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช คณะกรรมการกิจการพิเศษ (กพศ.) พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่รัฐบาลมีนโยบายในการลดการใช้พลาสติก โดยมีโครงการสนับสนุนให้ ห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต และร้านสะดวกซื้องดให้ถุงพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว (Single-use plastic) กับลูกค้า หากในทางกลับกันปี 2561 -2562 ประเทศไทยกลับนำเข้าขยะพลาสติกจากต่างประเทศมากถึง 481,381 ตัน และกำหนดให้มีปริมาณนำเข้าขยะพลาสติกปีละ 70,000 ตัน ซึ่งหลังจากที่ประเทศจีนมีนโยบายห้ามนำเข้าขยะพลาสติก พ.ศ.2561 ทำให้ขยะพลาสติกส่วนใหญ่ ได้เปลี่ยนเส้นทางไปยังประเทศและภูมิภาคที่มีการควบคุมแบบไม่เข้มงวด โดยเฉพาะประเทศไทย ซึ่งปัญหาขยะทุกวันนี้ เกิดจากการที่เราขาดการกำจัดและการคัดแยกขยะที่เป็นระบบและถูกวิธี จึงทำให้ไม่สามารถนำขยะพลาสติกเหล่านั้นกลับมารีไซเคิลเพื่อใช้ได้อย่างคุ้มค่า จึงทำให้ขยะพลาสติกในประเทศตกค้างเป็นจำนวนมาก ซึ่งในท้ายที่สุดก็จะไหลลงสู่แม่น้ำ ลำคลอง และทะเล
รัฐบาลไทยควรดูประเทศสิงคโปร์เป็นต้นแบบ เพราะเขาสามารถลดปริมาณขยะได้ถึง 90% โดยสิงคโปร์มีระบบการคัดแยกขยะที่ดี ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบกระบวนการ โดยมีการควบคุมอย่างเข้มงวดในการทิ้งขยะ แยกขยะตามประเภทอย่างชัดเจน โดยมีการคัดแยกในทุกขั้นตอนตั้งแต่รถเก็บขยะ จนถึงโรงงานเผาขยะ เพื่อคัดแยกขยะที่ไม่สามารถเผาได้ ในส่วนที่เผาได้ก็สามารถผลิตกลับมาเป็นไฟฟ้า ในส่วนที่เป็นก๊าซ ก็จะมีระบบการดักจับฝุ่นแบบไฟฟ้าสถิตอีกที เพื่อทำให้ได้อากาศบริสุทธิ์ก่อนที่จะปล่อยออกจากโรงงาน ส่วนขี้เถ้าที่เหลือก็จะถูกส่งไปทำเป็นอิฐเพื่อก่อสร้างถนน
ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ กล่าวอีกว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อยากให้คนไทยลดใช้ถุงพลาสติก ก็ควรหยุดการนำเข้าขยะพลาสติกจากต่างประเทศ และหันมาสนับสนุนการคัดแยกขยะอย่างเป็นระบบ และส่งเสริมการรีไซเคิลอย่างถูกวิธี โดยรัฐบาลควรยกเลิกประกาศ คสช.ที่ 4/2559 เรื่อง การยกเว้นการใช้บังคับกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมสำหรับการประกอบกิจการบางประเภท เพราะหากโรงงานคัดแยกและรีไซเคิล (โรงงานประเภท 105 และ106) สร้างขึ้นโดยไม่มีมาตรฐาน ก็จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย ซึ่งในปัจจุบันจังหวัดสมุทรสาครมีโรงงานรีไซเคิลกว่า 6,000 แห่ง และอีก 3,000 แห่งในจังหวัดสมุทรปราการ และฉะเชิงเทรา รวมทั้งยังมีโรงงานอีกหลายๆ แห่งทั่วประเทศ
'วีระ' สวน 'ประยุทธ์' กล้าพูดยึดมาตรฐานเดียวเอาผิดคนรุกป่า ทั้งที่ความจริงตรงกันข้าม
https://www.matichon.co.th/politics/news_1870407
เมื่อวันที่ 7 ม.ค. นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก ตอบโต้ นายรัฐมนตรี ระบุว่า
“ประยุทธ์ ได้แต่พูดสร้างภาพให้ดูเหมือนเป็นรัฐบาลที่มีความรับผิดชอบ บอกจะใช้มาตราฐานเดียว คนรวย คนจน บุกรุกที่ดินรัฐจับดำเนินคดีหมด”
“แต่การกระทำของรัฐบาลไม่เป็นเหมือนที่ประยุทธ์พูด ประชาชนเห็นแต่การปกป้อง ส.ส.พรรครัฐบาล(กรณีปารีณาบุกรุก ครอบครองที่ ส.ป.ก. ก็ให้คืนที่แล้วจบไม่ยอมดำเนินคดีอาญา ที่รับไม่ได้คือบีบป่าไม้ไม่ให้ดำเนินคดีอาญาเอาผิดเพิ่มเติมอีก 682 ไร่ แล้วยังเอาศรีวราห์กลับเข้ามาเป็นที่ปรึกษาฯให้มาคุมคดีนี้อีกด้วย) และรัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ร่วมรัฐบาลที่ถูกกล่าวหาว่ารุกที่ ส.ป.ก. ก็ยังปล่อยให้ลอยนวล ขนาดศาลมีคำพิพากษาตามยอม รัฐมนตรีคนดังกล่าวก็ท้าทายไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา คนอย่างนี้ประยุทธ์ยังเอามาเป็นรัฐมนตรี รัฐมนตรีธรรมนัสถูกนายวีระ สมความคิด นำกรณีมาแฉมาจี้ให้ธรรมนัสจัดการเอาผิดยึดที่ ส.ป.ก .คืนให้รัฐ เหมือนกับกรณีปารีณา แต่ธรรมนัสและรัฐบาลประยุทธ์ ก็ทำเป็นเฉยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่กับชาวบ้านจนๆที่บุกรุกที่ป่าไม้ บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ บุกรุกอุทยานแห่งชาติ บุกรุกที่ ส.ป.ก. ในรอบ 7 ปีที่ผ่านมาในรัฐบาลของประยุทธ์นี่แหละ ชาวบ้านจนๆ ถูกจับดำเนินคดีและติดคุกแล้วเป็นหมื่นคน ความจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ มันไม่เหมือนกับที่ประยุทธ์พูดเลย หลักฐานชัดเจนอย่างนี้ ประยุทธ์ยังจะกล้าปฏิเสธ ยังจะกล้าแถอีกหรือไม่?
เมื่อเป็นเช่นนี้ ประชาชนส่วนใหญ่จะยอมอยู่ใต้อำนาจของรัฐบาลนี้ อีกต่อไปหรือไม่?
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=2568537279910775&id=181257625305431