เราเป็นเพียงผู้รู้ตาม(นึกคิด)-ปฏิบัติตาม(พูดทำ) ภายใต้กฏไตรลักษณ์ ชรา-มรณะ สืบต่อ เดินตาม
1.จอมเทพ-มาร ภพ3 หมุนตามวัฏสงสาร อนุโลม12 สัญญา สัญชาตญาณ รูปกาม-นามสุขบุญ-ทุกข์บาป
2.รูป-อรูป พรหมโลก รูป อารมณ์-อรูป ไม่มีอารมณ์(อากาศ วิญญาณ ความว่าง) ในฌาน จนเกิดญาณหยั่งรู้
0.พระพุทธเจ้า-อริยจิต ดวงตา ทาน ศีล ขันติ กรุณา มุทิตา อุเบกขา ญาณ ปัญญา วิชชา แสงสว่าง
หมุนตามธรรมจักรฯ ปฏิโลม12 ทุกข์อริยสัจ4(พูดทำชอบ)
ธรรมของพระพุทธเจ้ายังอยู่(แม้ถูกทำให้เสื่อมตามกฎไตรลักษณ์ ชรา-มรณะ)
เลือกพิจารณา ตรึงตรอง ตามเห็น จำแนก-เดินปฏิบัติตามให้ดีสุขบุญ สืบต่อ ให้ชอบสงบกุศล
พุทธธรรมเหมือนต้นไม้ใหญ่สูงไม่เห็นยอด
(นามเจตสิก52 นึกคิด สืบต่อ จิต89-รูป28 พูดทำ ภายใต้กฎไตรลักษณ์ ชรา-มรณะ)
ปฏิบัติด้วยความเพียร ปีนไปพร้อมกับตั้งจิตกำหนดรู้ในแก่นพุทธธรรม
(หมุนตามธรรมจักรฯ ทุกขอริยสัจ4 ปฏิโลม12 ละสงบดับ ไม่หมุนตามวัฏสงสาร อนุโลม12)
ทาน รับ-ให้ ละวางส่วนที่สุดโต่ง2 ในภพ3 พรหมโลก ให้อภัยทาน อโหสิกรรมตน คนอื่น ปิติ สงบกุศลบารมี
(1.ละรูปวัตถุร่างกายตัวตน(กาม)-2.ละนามความรู้สึกอารมณ์ของตน คนอื่น(สุข-ทุกข์)
1.ที่เกิดเจริญดีชอบสุขบุญ-2.เสื่อมแก่เจ็บดับไม่ดีไม่ชอบโกรธหลงเครียดซึมเศร้าทุกข์บาป หมุนตามวัฏสงสาร
และ ละความเพลินติดใจ ติดอยู่ในรูป-อรูป อารมณ์ในฌาน ในญาณหยั่งรู้ของตน คนอื่น ละสังโยชน์10)
ศีล รักษาความรู้สึกอารมณ์(ความเชื่อ) ให้สงบ เบาอ่อนโยน ให้ง่ายเร็วนาน นานสืบไปให้ถึงจิตสุดท้าย
(กำหนดรู้ตามแก่นธรรม ให้รู้แจ้ง-ปฏิบัติเดินตามพระพุทธเจ้า ให้เจริญยิ่งๆขึ้นไป จนถึงจิตสุดท้าย)
ภายใต้กฎไตรลักษณ์ ชรา-มรณะ ฝึกให้ทาน รักษาศีล(อภัยทาน อโหสิกรรมตน คนอื่น ปิติ สงบ เจตสิกกุศล25)
ทาน รับ-ไห้ ละวาง รูปวัตถุร่างกายตัวตน-ละนามความรู้สึกอารมณ์ความเชื่อในภพ3 พรหมโลกของตน
(วางความพอใจติดใจสุขบายบุญ-ไม่พอใจทุกข์โกรธหลงเครียดซึมเศร้าบาป ของตน คนอื่น
และ วางความพอใจติดใจ ติดอยู่ในรูป-อรูป อารมณ์ในฌาน ในญาณหยั่งรู้ ละวางสงบดับสังโยชน์10)
ศีล รักษาความรู้สึกอารมณ์ให้สงบอยู่สืบไป-พูดทำเลี้ยงชีพให้ชอบตามพระพุทธเจ้า
อนุโมทนา สาธุ เดินปฏิบัติตามธรรมจักรฯ ทุกขอริยสัจ4 ปฏิโลม12 ของพะพุทธเจ้า
ยินดี(ปีติ) สุขบุญ อยู่กับลมหายใจในทุกเวลา แม้เกิดชรา-มรณะอยู่(ถูกเบียดเบียนทำร้ายทำให้เสื่อมอยู่)
รักษานามจิต-รูปใจ ให้สงบเบาอ่อนโยนให้ได้ง่ายเร็วนานสืบไป ตามดวงตา ญาณ ปัญญา วิชชาของพระพุทธเจ้า
เราเป็นเพียงผู้รู้ตาม(นึกคิด)-ปฏิบัติตาม(พูดทำ)
1.จอมเทพ-มาร ภพ3 หมุนตามวัฏสงสาร อนุโลม12 สัญญา สัญชาตญาณ รูปกาม-นามสุขบุญ-ทุกข์บาป
2.รูป-อรูป พรหมโลก รูป อารมณ์-อรูป ไม่มีอารมณ์(อากาศ วิญญาณ ความว่าง) ในฌาน จนเกิดญาณหยั่งรู้
0.พระพุทธเจ้า-อริยจิต ดวงตา ทาน ศีล ขันติ กรุณา มุทิตา อุเบกขา ญาณ ปัญญา วิชชา แสงสว่าง
หมุนตามธรรมจักรฯ ปฏิโลม12 ทุกข์อริยสัจ4(พูดทำชอบ)
ธรรมของพระพุทธเจ้ายังอยู่(แม้ถูกทำให้เสื่อมตามกฎไตรลักษณ์ ชรา-มรณะ)
เลือกพิจารณา ตรึงตรอง ตามเห็น จำแนก-เดินปฏิบัติตามให้ดีสุขบุญ สืบต่อ ให้ชอบสงบกุศล
พุทธธรรมเหมือนต้นไม้ใหญ่สูงไม่เห็นยอด
(นามเจตสิก52 นึกคิด สืบต่อ จิต89-รูป28 พูดทำ ภายใต้กฎไตรลักษณ์ ชรา-มรณะ)
ปฏิบัติด้วยความเพียร ปีนไปพร้อมกับตั้งจิตกำหนดรู้ในแก่นพุทธธรรม
(หมุนตามธรรมจักรฯ ทุกขอริยสัจ4 ปฏิโลม12 ละสงบดับ ไม่หมุนตามวัฏสงสาร อนุโลม12)
ทาน รับ-ให้ ละวางส่วนที่สุดโต่ง2 ในภพ3 พรหมโลก ให้อภัยทาน อโหสิกรรมตน คนอื่น ปิติ สงบกุศลบารมี
(1.ละรูปวัตถุร่างกายตัวตน(กาม)-2.ละนามความรู้สึกอารมณ์ของตน คนอื่น(สุข-ทุกข์)
1.ที่เกิดเจริญดีชอบสุขบุญ-2.เสื่อมแก่เจ็บดับไม่ดีไม่ชอบโกรธหลงเครียดซึมเศร้าทุกข์บาป หมุนตามวัฏสงสาร
และ ละความเพลินติดใจ ติดอยู่ในรูป-อรูป อารมณ์ในฌาน ในญาณหยั่งรู้ของตน คนอื่น ละสังโยชน์10)
ศีล รักษาความรู้สึกอารมณ์(ความเชื่อ) ให้สงบ เบาอ่อนโยน ให้ง่ายเร็วนาน นานสืบไปให้ถึงจิตสุดท้าย
(กำหนดรู้ตามแก่นธรรม ให้รู้แจ้ง-ปฏิบัติเดินตามพระพุทธเจ้า ให้เจริญยิ่งๆขึ้นไป จนถึงจิตสุดท้าย)
ภายใต้กฎไตรลักษณ์ ชรา-มรณะ ฝึกให้ทาน รักษาศีล(อภัยทาน อโหสิกรรมตน คนอื่น ปิติ สงบ เจตสิกกุศล25)
ทาน รับ-ไห้ ละวาง รูปวัตถุร่างกายตัวตน-ละนามความรู้สึกอารมณ์ความเชื่อในภพ3 พรหมโลกของตน
(วางความพอใจติดใจสุขบายบุญ-ไม่พอใจทุกข์โกรธหลงเครียดซึมเศร้าบาป ของตน คนอื่น
และ วางความพอใจติดใจ ติดอยู่ในรูป-อรูป อารมณ์ในฌาน ในญาณหยั่งรู้ ละวางสงบดับสังโยชน์10)
ศีล รักษาความรู้สึกอารมณ์ให้สงบอยู่สืบไป-พูดทำเลี้ยงชีพให้ชอบตามพระพุทธเจ้า
อนุโมทนา สาธุ เดินปฏิบัติตามธรรมจักรฯ ทุกขอริยสัจ4 ปฏิโลม12 ของพะพุทธเจ้า
ยินดี(ปีติ) สุขบุญ อยู่กับลมหายใจในทุกเวลา แม้เกิดชรา-มรณะอยู่(ถูกเบียดเบียนทำร้ายทำให้เสื่อมอยู่)
รักษานามจิต-รูปใจ ให้สงบเบาอ่อนโยนให้ได้ง่ายเร็วนานสืบไป ตามดวงตา ญาณ ปัญญา วิชชาของพระพุทธเจ้า