[CR] ประสบการณ์เข้าโรงพยาบาลในญี่ปุ่น

รู้ไหมว่า....รพ.ในญี่ปุ่นไม่เปิดวันเสาร์ อาทิตย์!!
รู้ไหมว่า....ถึงคุณจะป่วยหนักแค่ไหน ก็ต้องโทรนัดหมอล่วงหน้าก่อน ไม่รับ walk-in 
รู้ไหมว่า....ถ้าอยากรีบเข้ารพ.จริงๆคุณต้องนั่งรถพยาบาลหรือเป็นเหตุฉุกเฉินเท่านั้น 

เชื่อว่า ไม่มีใคร อยากมีประสบการณ์ในการเข้ารพ.ต่างประเทศกันนัก
แต่อุบัติเหตุหรือเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นเรื่องที่ห้ามกันไม่ได้
แต่เมื่อคุณต้องเข้ารพ.ในต่างประเทศจริงๆ คุณจะรู้ไหมว่า เราจะต้องเตรียมตัวอย่างไร ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง และต้องเตรียมใจกับค่าใช้จ่ายแค่ไหน

วันนี้เลยอยากจะมาเล่าประสบการณ์และข้อควรรู้เกี่ยวกับรพ.ในญี่ปุ่นเล็กน้อย เท่าที่พอทราบ
มาให้รู้จักกันก่อน

เมื่อวันหยุดปีใหม่ที่ผ่านมา เราไปญี่ปุ่นกับครอบครัวโดยการจองทัวร์ ซึ่งได้อ่านรายละเอียดแล้ว ว่าทัวร์มีประกันเดินทางให้
แต่เนื่องจากไปในช่วงที่มีหิมะ ก็เลยกลัวพ่อจะลื่นล้มเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย จึงได้ทำประกันเดินทางที่อื่นเสริมไว้ให้พ่อด้วย

แต่...ยังไม่ทันได้ไปเจอหิมะเลยจ่ะ
คุณพ่อก็สะดุด คอนกรีตที่เป็นตัวกั้นระหว่างฟุตบาทกับถนน หน้าคมำลงพื้น เพราะเร่งรีบจะข้ามถนน
เนื่องด้วยพื้นถนนเป็นพื้นหินกรวด นิ้วถลอกปอกเปิก เลือดซิบๆ 
ก็....โอเค แบกพยุงร่างเดินกระเพลกๆมานั่ง
พ่อบอก ไม่เป็นไรๆ แต่หน้าซีดขึ้นมาเชียว
บังคับถอดรองเท้าเปิดถุงเท้าออกมาดู
โอ้โห! เลือดหยดย้อย ไหลเลอะเปื้อนเต็มรองเท้า หลังจากซับเลือดพบว่าเป็นแผลฉีกขาดที่นิ้วโป้งเท้ากว้างประมาณ 2 เซน 

โชคดีมีลูกทริปที่เป็นหมอมาช่วยดูอาการเบื้องต้นให้

คุณหมอบอกว่าไม่น่าจะกระดูกร้าวอะไร แต่แผลฉีกกว้างลึก ต้องเย็บเท่านั้น ระหว่างนี้ก็ล้างแผล ปฐมพยาบาลเบื้องต้นไปก่อน
พยายามห้ามเลือดไว้ก่อน

และเนื่องจากเรามากับทริปทัวร์จึงไม่สามารถออกนอกโปรแกรมทัวร์ไปรพ.ตั้งแต่แรกได้
เพราะต้องรอไกด์ไปช่วยเป็นล่ามแปลภาษาให้ด้วย
ประกอบกับคุณพ่อยังโอเค ยังเดินได้ ก็เลยล้างแผลพันแผลไว้ และไปตามแพลนทริปเค้าต่อ

เราซึ่งเป็นพยาบาลจำเป็น ต้องเดินหาซื้ออุปกรณ์ล้างแผลจากร้านสะดวกซื้อแทน
เนื่องจากเป็นช่วงสิ้นปี ร้านยาก็หายาก
แต่สิ่งที่ยากยิ่งกว่า คือการหายาใส่แผล

น้ำเกลือ เบตาดีน ไม่มีเลยจ่ะ ผ้าพันแผล เทปปิดแผลยังหายาก
ในร้านสะดวกซื้อส่วนใหญ่จะเป็นพลาสเตอร์ปิดแผลสำเร็จรูปเลย 
และน้ำยาล้างแผลของเค้าจะมีแค่อย่างเดียวที่เห็น หรือเพราะอ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออกหรือเปล่าไม่รู้
เลยเปิดเน็ตพบว่ามีแค่ตัวนี้ที่ช่วยล้างแผลได้
ก็คือเจ้าตัวนี้


หาซื้อได้ในร้านสะดวกซื้อทั่วไป
เรียกว่า 消毒液 โชโดคุเอกิ  พอบอกคำนี้ไป พนักงานก็อ่อ เยส โอเคเพี้ยนเย้

แต่ด้วยความที่เป็นแผลใหญ่พอควร เลือดออกมาเรื่อยๆ อยากได้สำลีแผ่นหนากดแผลแล้วพันทับไว้
หาไม่ได้เลยค่ะ มีแต่พลาสเตอร์ยา
แก้ปัญหาเฉพาะหน้า ก็เลยเอาสำลีเช็ดหน้านี่ล่ะ อย่างน้อยก็ช่วยห้ามเลือดไว้ได้ก่อนเพี้ยนจริงจัง

ผ้าก๊อซพอจะหาได้แต่ก็มีน้อยร้านนัก แต่เทปปิดแผลหาไม่ได้เลย ก็เลยเอาพลาสเตอร์ยาปิดไปก่อน
เราทำแผลกันตั้งแต่บ่ายสอง เลือดก็ยังคงซึมให้ต้องเปลี่ยนก๊อซอยู่เรื่อยๆไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไหล

กว่าจะได้กลับที่พัก ก็เกือบๆสามทุ่ม
ไกด์รีบติดต่อกับทางโรงแรมให้ช่วยติดต่อโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดให้
เพราะโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าไม่โทรนัดล่วงหน้า คุณเดินดุ่มๆเข้าโรงพยาบาลไม่ได้นะคะ
เค้าไม่รับตรวจนะ ยิ่งเป็นชาวต่างชาติ ที่สื่อสารกันไม่รู้เรื่อง ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงให้เค้า หากรักษาผิดหมออาจโดนฟ้องได้

ทางโรงแรมติดต่อโรงพยาบาลไป3-4 แห่ง ก็พบว่า ทุกโรงพยาบาลหยุดเสาร์-อาทิตย์กันหมด และยิ่งเป็นช่วงสิ้นปี
ไม่ได้มีหมอมาแสตนบายเหมือนประเทศไทยเรานะคะ
เพราะที่ญี่ปุ่นเค้าไม่ได้ฉลองเค้าท์ดาวน์กันเหมือนบ้านเรา จึงไม่ค่อยมีอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่

เรานั่งรอกันอยู่เกือบชั่วโมง

ทางโรงแรมก็ช่วยหาโรงพยาบาลให้ได้ แต่เป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านผิวหนัง ซึ่งไม่รู้ว่าเค้าสามารถเย็บแผลได้หรือไม่
ต้องนั่ง taxi ไป 10นาที 
แต่ ณ ตอนนั้น ไม่ลองเสี่ยงไปดูก็ไม่รู้จะไปที่ไหนแล้ว
อย่างน้อยๆก็ขอให้ได้ล้างแผลดีดี พันแผลดีดีซะหน่อยก็ยังดี
ดีที่เคสของพ่อนั้นถือเป็นเคสฉุกเฉิน เค้าเลยรับเข้าไป
ก็เลยตกลงไปกับไกด์ และรอทางโรงแรมเรียก taxi ให้


taxi เค้าดีจัง 
เหมือนคนขับจะรู้ว่าเรารีบ ขับปรื๊ดปร๊าด มากจ่ะแม่!
 
Taxi ที่นี่ เรื่มต้น 600 เยน (180 บาท)
มิเตอร์ก็ขึ้นปรื๊ดปร๊าดไม่แพ้คนขับเลย  10 นาที 1,500 เยน (450บาท)!! ทั้งขาไปและขากลับเพี้ยนเบลอ



มาถึงแล้วจ้า ท่ามกลางอากาศ 3องศา


รพ.เค้าใหญ่พอควร สะอาดและดูดี คุณหมอน่ารัก ยิ้มแย้มมาก หัวเราะได้ตลอด
เท่าที่สังเกตดู จะมีแต่เคสเด็กน้อยที่เข้ามารักษา 
คาดว่าผู้ใหญ่ที่ญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะพยายามดูแลตัวเองให้ดี ไม่ให้ป่วยง่ายๆ เพราะการรักษาพยาบาลในญี่ปุ่นนั้น ยุ่งยากมาก และมีค่าใช้จ่ายสูงพอควร

มาถึงที่แล้ว ก็นั่งรออีกเกือบชม. เนื่องจากเราเป็นชาวต่างชาติ และต้องการเคลมประกันด้วย
แต่เรามาถึงนี่ประมาณสี่ทุ่ม ทำให้ไม่มีหมอที่มีอำนาจในการเซ็นใบรับรองได้ (ซึ่งเป็นเอกสารที่ต้องใช้ในการเคลมประกัน)
และรพ.ที่อื่นในละแวกนี้ก็ไม่มีแล้ว

ก็เลยโทรไปถามประกันที่ทำเสริมไว้ 
เค้าแนะนำให้เก็บใบเสร็จที่นี่ แล้วกลับมา follow up ต่อที่ไทยแล้วให้หมอที่ไทยเขียนใบรับรองแพทย์ต่อเนื่องจากญี่ปุ่นมาให้แทนได้

ก็โอเค นั่งรอเรียกเข้าห้องพยาบาล

เมื่อถึงคิวคุณหมอก็เดินมาดูแผลเบื้องต้น และเชิญเข้าห้องตรวจ
คุณหมอบอกว่าแผลต้องเย็บ เค้าก็ถามว่าเรากลับไทยวันไหน ซึ่งตอนนั้นอีกประมาณ 3วัน ถึงจะได้กลับไทย
คุณหมอก็เลยตัดสินใจว่าควรจะต้องเย็บก่อน ไม่สามารถรอให้กลับไทยไปทำแผลได้
แต่เค้ากังวลว่า รูปแบบการเย็บของเค้าจะไม่เหมือนกับของไทย และอาจทำให้คุณหมอที่ไทยตัดไหมลำบากได้

คุณหมอญี่ปุ่นก็เลยตกลงว่าจะเขียนใบส่งตัวให้เผื่อให้คุณหมอที่ไทย follow up ต่ออีกที
คุณหมอน่ารักมาก หันไปคุยกับไกด์ แล้วก็พยายามหันมาคุยกับเรา
เราก็นั่งฟังภาษามือเค้าคุยกัน รู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง ก็เยส โน โอเคกันไป

ก่อนญาติๆจะออกจากห้องก็เลยหันไปถามคุณไกด์ "เจ็บ ภาษาญี่ปุ่นพูดยังไงคะ " เผื่อยาชายังไม่ออกฤทธิ์ตอนเย็บแผลเพี้ยนหัวเราะ

ใช้เวลาไม่นาน

คุณหมอก็เรียกญาติๆเข้าห้อง มาให้ดูแผลที่ผ่านการเย็บไป 3 เข็ม สวยๆ
และให้เราถ่ายรูปแผลเก็บไว้เป็นที่ระลึกได้ด้วย
(จริงๆ เก็บไว้เผื่อเคลมประกัน)


**รูปแผลคุณพ่อ ขอเอาไว้ท้ายเครดิตนะคะ เผื่อมีคนไม่อยากดู จะได้เลื่อนผ่านๆไป

หลังจากเย็บแผลเสร็จเรียบร้อย
คุณไกด์ก็ช่วยไปเจรจาเคลียเรื่องเอกสารให้ 
ได้เป็นใบเสร็จ ใบส่งตัวที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษให้ ใบแจกแจงค่าใช้จ่าย
และก็นี่!!! 

ได้มีชื่อภาษาญี่ปุ่นเป็นของตัวเอง เลิศ-ชัย-โตะ  
ได้บัตรผู้ป่วยมาเป็นที่ระลึก ที่คิดว่าจะไม่ใช้มันอีกแล้ว เพราะว่า

ค่าล้างแผลแล้วเย็บ 3 เข็มนั้น
ค่าใช้จ่ายรวมทั้งสิ้น 20,625 เยน!!  (ุประมาณ 6,000 กว่าบาท)

แอบคิดว่า ดีนะ มีประกัน หากเราป่วยหนักทีนี่ ค่าใช้จ่ายน่าจะเกินวงประกัน กันเลยทีเดียว

ใบส่งตัวที่คุณหมอเขียนให้ มันก็เหมือนใบรับรองแพทย์ใบนึงเลย
สามารถใช้ใบนี้ไปเคลมประกันได้เลยนะ

แต่มีที่น่าแปลกใจอีกเรื่องนึง
คือรพ.ญี่ปุ่น จะไม่เหมือนรพ.บ้านเรานะ ที่เป็นอะไรนิดหน่อย ก็จ่ายยากลับไปเป็นที่ระลึก 

ที่ญี่ปุ่นจะไม่จ่ายยาให้ถ้าไม่เห็นสมควรจริงๆ ยิ่งพวกยาฆ่าเชื้อยิ่งจ่ายยาก เพราะเค้ากลัวปัญหาเชื้อดื้อยาปฏิชีวนะ จึงจะจ่ายแค่ตามเห็นสมควรเท่านั้น
ตอนแรกก็งง เพราะเห็นว่าแผลของคุณพ่ออยู่ที่เท้า ซึ่งเป็นส่วนที่สกปรก และ ใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าจะได้มาล้างแผลและเย็บแผล
ทำไมถึงไม่จ่ายยาอะไรเลย 
ไปถามเค้าอีกรอบ เผื่อว่าเค้าจะสั่งให้ไปซื้อยามากินเอง

ก็ไม่ค่ะ คุณหมอยืนยันว่า ไม่ต้องกินยา
แค่ล้างแผลทุกวันก็พอ

แต่สรุปแผลก็ดีขึ้นจริงๆค่ะ แต่ช่วงแรกเราล้างแผลให้คุณพ่อเป็นเช้า-เย็นก่อน เพราะไม่มั่นใจ หลังๆก็วันละรอบ
เพราะเห็นว่าแผลเริ่มดีขึ้น ดูไม่มีการติดเชื้อแทรกซ้อนอะไร

ตอนนี้แผลก็ติดดี แค่รอเวลาตัดไหมค่ะ

**จากเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้รู้ว่า สิ่งสำคัญในการมาเที่ยวต่างประเทศก็คือ
- Passport (อันนี้สำคัญสุด จะทำอะไรก็ต้องใช้พลาสปอร์ตยืนยันตัวเรา ต้องเก็บให้ใกล้เราที่สุด ในยามคับขันจะได้หาเจอ)
- ยาสามัญประจำกาย (บางทีก็แอบขี้เกียจพกไปเนอะ กระเป๋าเต็ม แต่เชื่อเหอะ! เวลาฉุกเฉินทีนี่ แทบพลิกแผ่นดินตามหาซื้อเลยนะ  **ต้องขอบคุณผู้ร่วมทริปหลายๆคน ที่หยิบยื่นยาที่พกติดตัวกันมา ให้ใช้ก่อน ขอบคุณมากๆนะคะ )
เตรียมพวกยาแก้ปวด แก้ท้องเสีย ยาใส่แผล ใส่ๆกระเป๋าติดตัวไว้บ้าง เตรียมไว้ไม่ได้ใช้ ดีกว่าจะใช้ต้องมาหาซื้อทีหลังค่ะ
- ประกันเดินทาง อันนี้ก็หลักการเดียวกันค่ะ ซื้อไว้ไม่ได้ใช้ ดีกว่าต้องใช้แต่ไม่ได้ซื้อแน่นอน 
หากใครไปกับกรุ๊ปทัวร์ ส่วนใหญ่เค้ามีพ่วงประกันเดินทางไว้ให้ค่ะ แต่ก็ลองศึกษานิดนึงว่าเค้าครอบคลุมอะไรบ้าง
แต่ถ้าใครไปกันเอง ก็ซื้อประกันเพิ่มไปเถอะค่ะ ไม่กี่ร้อยบาท ถ้าได้ใช้ทีมันช่วยได้เยอะจริงๆค่ะ

อย่างประกันที่เราทำนี่ ก็จ่ายให้ในกรณี มา follow up ต่อที่ไทยด้วยนะคะ ลองศึกษากันดีดี

เพิ่มเติมอีกนิดนึง ** วิธีปฏิบัติเมื่อเจ็บป่วยที่ญี่ปุ่น
- โทรเบอร์ 119 เมื่อต้องการเรียกรถพยาบาล แต่เค้าพูดภาษาญี่ปุ่นนะ อาจต้องให้ล่ามช่วยคุยให้
- ติดต่อศูนย์การแพทย์นานาชาติหรือสายด่วน AMDA หมายเลข 03-5285-8088 (เฉพาะเขตโตเกียว)  เวลาทำการตั้งแต่วันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. หลังจากช่วงเวลาดังกล่าวสามารถติดต่อสายคอลเซ็นเตอร์ Japan Help Line ที่หมายเลขโทรศัพท์ 03-5774-0992ได้ตลอด 24 ชั่วโมง จะมีสตาฟและล่ามภาษาต่างประเทศคอยให้ความช่วยเหลือ โดยเจ้าหน้าที่จะสอบถามอาการป่วยเบื้องต้นพร้อมแนะนำโรงพยาบาลหรือคลินิคใกล้เคียงให้กับเรา
- การช่วยเหลือสำหรับผู้ที่อยู่ในเขตโตเกียว Tokyo Metropolitan Health and Medicine Information Center (มีล่ามภาษาไทย) โทร. 03-5285-8181 เปิดทำการทุกวันตั้งแต่เวลา 09.00-20.00 น.
หรือ กรณีต้องการผู้ช่วยแปลภาษา Emergency Translation Service (มีล่ามภาษาไทย) โทร. 03-5285-8185 วันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 17.00-20.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 09.00-20.00 น.

ข้อมูลจาก http://www.tiewyeepoon.com/planning/sick-in-japan/

แล้วเดี๋ยวจะพูดเรื่องหลังจากเคลมประกันให้อีกทีนะคะ

อันนี้เป็นแผลของคุณพ่อนะคะ แอบใส่ไว้ท้ายสุด เป็น spoil ไว้ให้ เพราะภาพอาจจะไม่น่าดูเท่าไหร่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

สุดท้ายนี้ ขอบคุณลูกทัวร์ และคุณไกด์แม๊ก จากบริษัท GS group มากๆนะคะ
ขอบคุณไกด์แม๊ก ที่ช่วยเป็นล่ามและเคลียเอกสารทุกอย่างให้ กลับมาถึงที่พักก็ดึกแล้ว ยังต้องไปรพ.กับพวกเรายันห้าทุ่มกว่า
ขอบคุณจริงๆค่ะ พาพันขอบคุณ
ชื่อสินค้า:   ญี่ปุ่น , Japan
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่