หลังจากที่เอาแต่ไล่ตอบกระทู้คนอื่นมานาน
ตีท่าว่าข้าแน่ ให้คำแนะนำคนอื่น ส่วนตัวเองเอาไม่รอด 555
ในที่สุดก็ได้ตั้งกระทู้เองจนได้ ฉลองปีใหม่ย้อนหลัง
เรื่องของเรื่องคือ อยากได้คำปรึกษาที่เยียวยาความรู้สึกนิดนึง หรือแรงๆก็ได้ครับ
หลังจากไล่อ่าน ตอบกระทู้มาจำนวนหนึ่งทำให้ผมคิดว่าสมัยนี้มีปัญหาความ "มักง่าย" ของผู้ชายเยอะมาก ที่ทำให้ผู้หญิงส่วนนึงที่พยายามมากกับความรู้สึก ต้องเสียใจ และพบเจอประสบการณ์แย่ๆในชีวิต ทั้งอนาคต และความรู้สึก ผมไม่ได้จะเข้าข้างว่า เฮ้ย มีแต่ผู้ชายเลวๆ ผู้หญิงไม่ผิด มีครับ ไม่ใช่ไม่มี แต่อยากให้เข้าใจโฟกัสส่วนที่จะชี้แจงต่อไปนี้ด้วยว่า สิ่งที่ผู้หญิงเสียหายในที่นี้ผมจะกล่าวคือ ทางร่างกายและสถานะทางสังคมครับ
ปัจจุบันผมได้อ่านผ่านตามาบ้าง ปัญหาเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ กับคนรัก ถามว่า ทำไม เป็นแฟนกันมีอะไรกันมันผิดเหรอ เปล่าครับไม่ผิด ผิดตรงที่ว่าบางคนอาจยังไม่ทันคิดถึงผลที่จะตามมา
ถ้าแต่งงาน มีสถานะทางสังคม และสามารถใช้ชีวิต พร้อมที่จะดูแลความรู้สึกใครสักคน แบบนั้นผมว่าไม่มีปัญหานะ
แต่สมัยนี้เกิดค่านิยมแปลกๆขึ้นมาจากไหนไม่รู้ครับ ว่า เมื่อเป็นแฟนกันจำเป็นต้องมีเพศสัมพันธ์กัน เพราะจำเป็นที่จะรักษา สถานะ แฟน เอาไว้ ซึ่งมันแปลกสำหรับผม (ออกตัวไว้ก่อนนะครับ ผมอายุ 24 ถ้าใครจะว่าหัวโบราณก็ตามสบาย) การให้เกียรติกันและแบ่งปันความรู้สึกให้กันอย่างเท่าเทียม นั่นถึงจะเรียกว่า "ความรัก" ซึ่งเป็นสาเหตุของการคบเป็น "แฟน" กันไม่ใช่เหรอ แต่ทำไมเหมือนเดี๋ยวนี้ มีแต่ความรักที่ฝ่ายนึงต้องการความสุขทางกายมากกว่า ส่วนอีกฝ่ายต้องการความสุขทางใจมากกว่า ความต้องการเอาชนะที่ก่อให้เกิดความแตกแยก ทั้งๆที่ลดอีโก้ตัวเองลงบ้าง ก็อาจทำให้เข้าใจกันมากขึ้น
เพียงแค่นั้นเท่านั้นเอง
ความรู้สึกผมตอนนี้ สับสนมากว่าควรจะทำตัวแบบไหน
ผมเคยมีแฟนสมัยวัยรุ่น ช่วงอายุ 18-20ซึ่งตอนนี้เลิกไปแล้ว มีหลายครั้งที่ผมไปนอนและอยู่ด้วยกัน2-2 ถามว่ามีอารมณ์ไหม มี มีโครตๆ ผมอ่ะ ไม่ได้มีอะไรดีเลย แต่แฟนผมคนนั้นเป็นคนที่น่ารักมากกก แม้จะเลิกกันไปแล้วก็ตาม แงงงงง
หลายครั้งผมพยายามเข้าหาเธอ บวกกับ ผมทำความรู้จักกับพ่อแม่เธออย่างตรงไปตรงมา ซึ่งเรื่องที่อยู่ด้วยกันตอนนั้นพ่อแม่เธอจะรู้ตลอด ความไว้วางใจที่พวกท่านให้มามันค้ำคอ เลยบอกตรง
ในช่วงเวลาที่ผมบอกตีวเองว่าทนไม่ได้ มีหลายครั้งพยายามขอทำเรื่องอย่างว่ากับเธอ เธอบอกว่ายังไม่พร้อม
ผมคิดว่าผมคงทนได้ไม่นานแน่ จนกระทั่งครั้งนึง มันไม่ไหวจริงๆ
ผมถึงขั้นพยายามข่มขืนแฟนตัวเอง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ น้ำตาของคนที่รักทำให้ผมหยุด ณ ตอนนั้น เลยไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ แค่กอดกับจูบนิดหน่อย (ซึ่งหลังจากนั้นมาจนวันนี้ก็ยังไม่มีโอกาสได้ทำกับใครอีกเลย T T )
ตอนนั้นผมรู้สึกเสียใจมาก ไม่ใช่ที่ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่า แต่กลับเป็นการทำให้คนที่รักเสียน้ำตา เพราะอารมณ์และความเห็นแก่ตัวของตัวเอง แม้สุดท้ายเธอจะให้อภัยผม แต่มันยากมากถ้าจะมองคนที่ตัวเองรักต้องเจ็บเพราะเรา
ผมตัดสินใจออกห่างแล้วเราก็จบกันไป แต่เขาก็ยังติดต่อมาบ้างแม้จะมีคนใหม่แล้วก็ตาม
แต่พอมาสมัยนี้ การทำเรื่องอย่างว่า แล้วค่อยมาคิดถึงใจกันทีหลัง ออกมาเยอะมาก ซึ่งผมแอบถามตัวเองว่า เห้ย ตอนนั้นเราทำถูกแล้วเหรอที่ปล่อยเค้าไป ทำไมเราไม่เห็นแก่ตัวมากกว่านี้ พลาดโอกาสสำคัญครั้งแรกในชีวิตเพื่อน้ำตาไม่กี่หยดเนี่ยนะ คิดจะแบกความซิงไปทั้งชาติ ให้คนอื่นล้อว่าอุตส่าห์ไปหาเขาถึงที่กลับไม่ได้กิน กระจอก ไร้น้ำยา แบบนี้มันดีจริงๆแล้วเหรอ ตนอื่นเขาทำกันทั้งนั้น
ผมได้คำตอบเดิมทุกครั้งว่า เราทำถูกแล้ว
แต่สิ่งที่ผมกลัวคือ ยิ่งอายุมากขึ้น กลัวว่าสักวันมันจะเปลี่ยนไป
ผมอาจจะกลายเป็นอีกคนที่ตกลงในค่านิยมพวกนั้น
ถ้าสักวันเป็นแบบนั้น
ควรทำยังไงดีครับ ความรู้สึกตอนนี้ มันบอกไม่ถูกเลยจริงๆ
จะขอบคุณถ้าด่าไม่แรง 555
Z.โลกหนังสือ
ทำยังไงกับความรู้สึกตัวเอง
ตีท่าว่าข้าแน่ ให้คำแนะนำคนอื่น ส่วนตัวเองเอาไม่รอด 555
ในที่สุดก็ได้ตั้งกระทู้เองจนได้ ฉลองปีใหม่ย้อนหลัง
เรื่องของเรื่องคือ อยากได้คำปรึกษาที่เยียวยาความรู้สึกนิดนึง หรือแรงๆก็ได้ครับ
หลังจากไล่อ่าน ตอบกระทู้มาจำนวนหนึ่งทำให้ผมคิดว่าสมัยนี้มีปัญหาความ "มักง่าย" ของผู้ชายเยอะมาก ที่ทำให้ผู้หญิงส่วนนึงที่พยายามมากกับความรู้สึก ต้องเสียใจ และพบเจอประสบการณ์แย่ๆในชีวิต ทั้งอนาคต และความรู้สึก ผมไม่ได้จะเข้าข้างว่า เฮ้ย มีแต่ผู้ชายเลวๆ ผู้หญิงไม่ผิด มีครับ ไม่ใช่ไม่มี แต่อยากให้เข้าใจโฟกัสส่วนที่จะชี้แจงต่อไปนี้ด้วยว่า สิ่งที่ผู้หญิงเสียหายในที่นี้ผมจะกล่าวคือ ทางร่างกายและสถานะทางสังคมครับ
ปัจจุบันผมได้อ่านผ่านตามาบ้าง ปัญหาเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ กับคนรัก ถามว่า ทำไม เป็นแฟนกันมีอะไรกันมันผิดเหรอ เปล่าครับไม่ผิด ผิดตรงที่ว่าบางคนอาจยังไม่ทันคิดถึงผลที่จะตามมา
ถ้าแต่งงาน มีสถานะทางสังคม และสามารถใช้ชีวิต พร้อมที่จะดูแลความรู้สึกใครสักคน แบบนั้นผมว่าไม่มีปัญหานะ
แต่สมัยนี้เกิดค่านิยมแปลกๆขึ้นมาจากไหนไม่รู้ครับ ว่า เมื่อเป็นแฟนกันจำเป็นต้องมีเพศสัมพันธ์กัน เพราะจำเป็นที่จะรักษา สถานะ แฟน เอาไว้ ซึ่งมันแปลกสำหรับผม (ออกตัวไว้ก่อนนะครับ ผมอายุ 24 ถ้าใครจะว่าหัวโบราณก็ตามสบาย) การให้เกียรติกันและแบ่งปันความรู้สึกให้กันอย่างเท่าเทียม นั่นถึงจะเรียกว่า "ความรัก" ซึ่งเป็นสาเหตุของการคบเป็น "แฟน" กันไม่ใช่เหรอ แต่ทำไมเหมือนเดี๋ยวนี้ มีแต่ความรักที่ฝ่ายนึงต้องการความสุขทางกายมากกว่า ส่วนอีกฝ่ายต้องการความสุขทางใจมากกว่า ความต้องการเอาชนะที่ก่อให้เกิดความแตกแยก ทั้งๆที่ลดอีโก้ตัวเองลงบ้าง ก็อาจทำให้เข้าใจกันมากขึ้น
เพียงแค่นั้นเท่านั้นเอง
ความรู้สึกผมตอนนี้ สับสนมากว่าควรจะทำตัวแบบไหน
ผมเคยมีแฟนสมัยวัยรุ่น ช่วงอายุ 18-20ซึ่งตอนนี้เลิกไปแล้ว มีหลายครั้งที่ผมไปนอนและอยู่ด้วยกัน2-2 ถามว่ามีอารมณ์ไหม มี มีโครตๆ ผมอ่ะ ไม่ได้มีอะไรดีเลย แต่แฟนผมคนนั้นเป็นคนที่น่ารักมากกก แม้จะเลิกกันไปแล้วก็ตาม แงงงงง
หลายครั้งผมพยายามเข้าหาเธอ บวกกับ ผมทำความรู้จักกับพ่อแม่เธออย่างตรงไปตรงมา ซึ่งเรื่องที่อยู่ด้วยกันตอนนั้นพ่อแม่เธอจะรู้ตลอด ความไว้วางใจที่พวกท่านให้มามันค้ำคอ เลยบอกตรง
ในช่วงเวลาที่ผมบอกตีวเองว่าทนไม่ได้ มีหลายครั้งพยายามขอทำเรื่องอย่างว่ากับเธอ เธอบอกว่ายังไม่พร้อม
ผมคิดว่าผมคงทนได้ไม่นานแน่ จนกระทั่งครั้งนึง มันไม่ไหวจริงๆ
ผมถึงขั้นพยายามข่มขืนแฟนตัวเอง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ น้ำตาของคนที่รักทำให้ผมหยุด ณ ตอนนั้น เลยไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ แค่กอดกับจูบนิดหน่อย (ซึ่งหลังจากนั้นมาจนวันนี้ก็ยังไม่มีโอกาสได้ทำกับใครอีกเลย T T )
ตอนนั้นผมรู้สึกเสียใจมาก ไม่ใช่ที่ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่า แต่กลับเป็นการทำให้คนที่รักเสียน้ำตา เพราะอารมณ์และความเห็นแก่ตัวของตัวเอง แม้สุดท้ายเธอจะให้อภัยผม แต่มันยากมากถ้าจะมองคนที่ตัวเองรักต้องเจ็บเพราะเรา
ผมตัดสินใจออกห่างแล้วเราก็จบกันไป แต่เขาก็ยังติดต่อมาบ้างแม้จะมีคนใหม่แล้วก็ตาม
แต่พอมาสมัยนี้ การทำเรื่องอย่างว่า แล้วค่อยมาคิดถึงใจกันทีหลัง ออกมาเยอะมาก ซึ่งผมแอบถามตัวเองว่า เห้ย ตอนนั้นเราทำถูกแล้วเหรอที่ปล่อยเค้าไป ทำไมเราไม่เห็นแก่ตัวมากกว่านี้ พลาดโอกาสสำคัญครั้งแรกในชีวิตเพื่อน้ำตาไม่กี่หยดเนี่ยนะ คิดจะแบกความซิงไปทั้งชาติ ให้คนอื่นล้อว่าอุตส่าห์ไปหาเขาถึงที่กลับไม่ได้กิน กระจอก ไร้น้ำยา แบบนี้มันดีจริงๆแล้วเหรอ ตนอื่นเขาทำกันทั้งนั้น
ผมได้คำตอบเดิมทุกครั้งว่า เราทำถูกแล้ว
แต่สิ่งที่ผมกลัวคือ ยิ่งอายุมากขึ้น กลัวว่าสักวันมันจะเปลี่ยนไป
ผมอาจจะกลายเป็นอีกคนที่ตกลงในค่านิยมพวกนั้น
ถ้าสักวันเป็นแบบนั้น
ควรทำยังไงดีครับ ความรู้สึกตอนนี้ มันบอกไม่ถูกเลยจริงๆ
จะขอบคุณถ้าด่าไม่แรง 555
Z.โลกหนังสือ