วิเคราะห์ MV Red Velvet - Psycho
เพราะฉันใช้ ‘ใจ’ รัก
‘Falling in love is kind of like a form of socially acceptable insanity’
– Her (2013)
หมายเหตุ - ยังไม่ได้ดู Black Swan และยังทำใจเรื่องวานไม่ค่อยได้
ตอน mv ออกดูครั้งแรกก็รู้ทันทีว่าได้ inspiration มาจากหนังเรื่อง Black Swan (2010) ที่นาตาลี พอร์ตแมนแสดงนำทันทีแม้ยังไม่ได้โอกาสดูหนังเรื่องนี้ เพราะชุดของพิเบที่เห็นปุ๊บก็รู้ว่ามาจากบัลเลต์เรื่อง Swan Lake และบรรดากระจกมากมายใน mv ไม่กี่วันต่อมาสาวๆ ก็บอกว่าได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องหงส์ดำจริงแสดงว่ามาถูกทางแล้ว และเพื่อความเข้าใจตัว mv มาขึ้นจึงไปหาบทความวิเคราะห์อ่านและหาบางฉากในหนังมาดู(เป็นการสปอยล์ตัวเองไปในตัว) ฉะนั้นบทวิเคราะห์นี้จะอ้างอิง mv กับตัวภาพยนตร์ Black Swan ในภาพรวมเท่านั้น ไม่มีลงลึกว่าฉากนี้มาจากตอนไหนของในหนังนะคะ
ก่อนจะเริ่มวิเคราะห์ mv ขอเล่าเรื่องย่อ Black Swan พอสังเขปสำหรับคนไม่เคยดู(อย่างอิชั้น)เพิ่มความเข้าใจกันสักนิด
Black Swan เป็นเรื่องราวของนีนา นักบัลเลต์สาวโลกสวยที่เติบโตมากับคุณแม่ผู้ดูแลเธออย่างดี ริ้นไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม วันหนึ่งเธอได้รับบทนำในละครเรื่อง Swan Lake ซึ่งต้องแสดงเป็นทั้งหงส์ขาวและหงส์ดำ แน่นอนว่านีนาเข้าถึงบทหงส์ขาวได้อย่างดีเยี่ยม หากในทางกลับกันก็ไม่สามารถเข้าถึงบทหงส์ดำได้ นีนาจึงต้องปลุกด้านมืดของตัวเองขึ้นมาเพื่อให้บทบาทการแสดงนำเรื่องแรกของเธอสมบูรณ์แบบที่สุดจนนำมาสู่โศกนาฏกรรมอันคาดไม่ถึง
เอาล่ะ ถ้าพร้อมแล้วเรามา psycho ไปพร้อมๆ กันค่ะ
Keyword
Psycho
Note
Psychic apparatus (Id, Ego and Super-ego) by Sigmund Freud
Psycho เปิดฉากมาด้วยพิเบนั่งสวยๆ เป็นหงส์ขาวอยู่ในรถที่จอดอยู่หน้าโรงละคร
กินั่งอยู่หน้าเครื่องจักรขนาดใหญ่ (เดาว่าเป็นเครื่องพิมพ์) ก่อนจะขึ้นชื่อเพลง
หลังจากนั้นตัดภาพกลับมาที่หมีกิแล้วกล้องค่อยแพนมาที่วาน(ในลุคอีโมสุดๆ)ที่กำลังมองกิอยู่
ในขณะที่พินุ้งนั่งส่องตัวเองอยู่หน้ากระจกสำรวจตัวเองอยู่ในอีกสถานที่หนึ่ง
จากฉากเปิดตัวของทั้ง 4 คนจะเห็นการใช้สีและแสงในการบอกลักษณะของแต่ละคน
กลับมาที่พิเบนั่งอยู่ในรถสีขาวและไฟในโรงละครที่ดับลง
หลังจากนั้นพิเบในคราบหงส์ขาวแสนสวยก็ลงจากรถ แต่จากตรงนี้จะเห็นว่าจู่ๆ ก็มีคนนั่งอยู่กับพิเบด้วย ซึ่งเป็นเจ้ากินั่นเอง
พอพิเบลงจากรถเจ้ากิก็เดินตามลงมา แล้วกิมาจากไหน เธอเป็นใคร ตามติดพิเบได้ยังไงยังไม่บอกปล่อยให้งงจ้า
จากนั้นประตูห้องหนึ่งในโรงละครก็เปิดออกเผยให้เห็นน้องเยมอยู่ด้านใน กระโดดโลดเต้นอย่างสนุกสนานบนฟูก ก่อนพินุ้งจะเดินมาปิดประตู
จะเห็นว่าในห้องของน้องเยมนั้นมีลักษณะสี่เหลี่ยมเปิดช่องด้านบนให้แสงส่องลงมา กระนั้นแสงก็ถูกเงาบดบังไปเกือบครึ่งนึง ฉากด้านหลังถูกวาดเป็นภาพสวนสวยงามราวอยู่บนสรวงสวรรค์ แต่คนดูก็รู้ได้ทันทีว่าเธอถูกกักขังไว้เหมือนเจ้าหญิงบนหอคอยสูง
แล้วน้องเยมเป็นใคร? ทำไมถึงต้องถูกพินุ้งกักตัวไว้? ก็ยังไม่บอกเหมือนกันจ้า โปรดช่วยติดตามกันต่อไปก่อน 555
จากนั้นภาพตัดมาที่บันไดเจอเจ้าวานยืนอยู่ ก่อนที่น้องจอยจะเดินผ่านมาและเกือบจะผ่านไป ทว่าสุดท้ายก็หันกลับมามองแล้วจับมือฉุดให้เดินตามไปด้วยกัน ตรงนี้อยากให้สังเกตความ contrast กันระหว่างสองคนนี้ ตั้งแต่สีผม ทรงผม และสีชุด
“ฉันต้องการพี่ค่ะ” พินุ้งจอยได้กล่าวไว้
กลับมาที่ห้องน้องเยม อยู่ๆ ซึลกิก็ปรากฏขึ้นมา ทั้งสองกำลังสื่อสาร(?)กันด้วยโทรศัพท์ถ้วย
ก่อนที่ทุกคนจะมาอยู่รวมกันในห้องแต่งตัว แต่ละคนต่างมีกระจกเป็นของตัวเอง แต่งหน้าทำผมกันอยู่ ที่ด้านหลังในสุดของภาพมีชุดที่สาวๆ ใส่แขวนอยู่ด้วย อยากให้ดูตำแหน่งของแต่ละคนในรูปบน ทั้งหมดนี้มีความหมายนะจ๊ะแต่ขออุบไว้เช่นเคยเดี๋ยวบอกทีหลังพร้อมกันกับก่อนนี้
อันนี้ชอบการจัดมุมกล้องมาก จะเห็นกิหันหลังให้ทุกคน ภาพวานสะท้อนเงากระจกจนเหมือนกับกำลังคุยกับกิ ภาพสะท้อนจอยจากอีกฝั่งที่เหมือนกำลังคุยกับพิเบ และน้องเยมที่ไม่ได้ปฏิสัมพันธ์กับใครในนั้นแต่กำลังมองผ่านเงาสะท้อนมาที่คนดู
ตัดกลับมาที่เวนดี้นั่งอยู่คนเดียวในห้องหลังกำแพง ดู insane ขบถ และควบคุมไม่ได้ จะเห็นว่าแม้ถูกหลังกำแพงแต่เธอก็ยังคงสังเกตมาจากข้างในเสมอจากภาพดวงตาบนกำแพงที่มองตรงออกมา และเมื่อพิจารณาจากพร็อบและฉากที่อยู่ภายในห้องหลังกำแพงจะพบอีกอย่างว่าถึงพยายามเอาดอกไม้มาปกปิดแต่ก็ไม่อาจแอบซ่อนความน่ากลัว(กระโหลกและโครงกระดูกมนุษย์)ไว้ได้
ขณะที่อีกห้องน้องเยมยังกระโดดต่อไปอย่างมีความสุข
แล้วสาวจอยก็มาสุ้บสิ้บกับน้องกิบอกว่าอย่าออกไปยุ่งกับยัยเวนดี้นะ แต่ไม่ทัน...กิหันไปเจอเวนดี้ซะแล้ว
ฉับพลันประตูบานหนึ่งถูกเปิดออกเผยให้เห็นห้าสาวกำลังนั่งเย็บผ้ากันอยู่ในห้องที่รายล้อมไปด้วยด้ายสีชมพู จาก compose ของรูปก็จะเห็นว่าแต่ละคนนั่งจับกันเป็นคู่ๆ โดยมีไอรีนอยู่ตรงกลาง ซึ่งใน mv ฉากรวมห้าคนจะมีลักษณะคล้ายกันแบบนี้เสมอ (รวมไปถึงรูปในห้องแต่งตัวก่อนหน้านี้ด้วย)
เมื่อห้องเย็บผ้าเลื่อนฉากออกจะพบห้องที่น้องเยมอยู่ ซึ่งตอนนี้มีกิตามเข้ามาอยู่ด้วย ทั้งคู่ยังคงสื่อสารกันอยู่
หากเพียงแป๊บเดียวน้องจอยก็เขามาตัดให้ขาดเลยฉับ ฉับ ฉับ พยายามปิดกั้นเยริจากคนอื่นหลังพบว่ากิเริ่มไม่น่าไว้วางใจ เพราะฉากที่กระซิบบอกให้ระวังเวนดี้ หมีกิดันหันออกมามองนอกห้อง
เอาล่ะ หลังจากปล่อยให้จอยเป็นคนเดินเรื่องมาครึ่งเพลง ก็สมควรแก่เวลาเฉลยแล้วว่าแต่ละคนเป็นใครรับบทบาทอะไรในโรงละครเพื่อให้เข้าใจเรื่องราวต่อจากนี้ง่ายขึ้น
เริ่มจากคนที่เดาได้ง่ายสุด...
ไอรีน = นักแสดงผู้รับบทหงส์ขาว aka นีนา
เธอคือหงส์ขาวบริสุทธิ์แสนสวยก่อนนี้เธออยู่ในกรอบมาตลอด(รถสีขาว) เมื่อต้องการเป็นนักแสดงที่สมบูรณ์แบบก็ได้เวลาเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้ว และโรงละครก็คือภายในจิตใจของไอรีนที่พวกเราจะได้เข้าไปสำรวจพร้อมกับเธอนั่นเอง
เวนดี้ = ด้านมืด aka Id (อ่านว่า อิด)
| จอย = ด้านสว่าง aka Super-ego
สองคนนี้คือด้านตรงข้ามกันภายในจิตใต้สำนึกของไอรีน
เวนดี้คือ Id ตามทฤษฎีของฟรอยด์กล่าวไว้คือแรงขับตามสัญชาตญาณ เห็นได้จากฉากเวนดี้หลังกำแพงที่ดู insane และ insecure ไม่จำเป็นต้องควบคุมตนเอง ทำทุกอย่างตามใจ
ขณะที่จอยเป็น Super-ego หรือจิตสำนึกที่ผ่านการอบรมมาแล้ว คอยข่มสัญชาตญาณดิบ (Id) เอาไว้ให้เป็นไปอย่างถูกต้อง สังเกตจากการที่จอยคอยปิดกั้นเยริจากภายนอกเพื่อให้เธอยังดูไร้เดียงสาในโลกเล็กๆ นั้นต่อไป กล่าวได้อีกอย่างคือจอยเป็นแม่ของนีนาในเรื่อง Black Swan นั่นเอง
ฉากที่เวนจอยเผชิญหน้าแล้วพินุ้งฉุดมือวานให้ขึ้นไปด้วยกันทั้งที่ตอนแรกเหมือนจะเดินผ่านไปแล้ว จะสื่อว่า Super-ego พยายามควบคุม Id ไว้ แต่อย่างที่เห็นคือไม่สามารถสะกดได้แม้เอาเวนดี้ไปขังไว้หลังกำแพง(กดไว้ในจิตใต้สำนึก)แล้วก็ตาม
เยริ = ตัวตนไอรีนในปัจจุบัน aka หงส์ขาว
เป็นไอรีนด้านโลกสวยที่ถูกซ่อนเอาไว้และถูกปิดกั้นไว้ในส่วนลึกของโรงละคร(จิตใจ)โดยจอย หรือตัวตนที่ Id โดน Super-ego กดไว้มิดไม่มีโอกาสได้เติบโตเจอด้านมืด
ซึลกิ = ตัวตนอีกด้านของไอรีนที่หลบซ่อนอยู่ (Ego) aka หงส์ดำที่ไอรีน(นีนา)ต้องการเป็น
เมื่อไอรีนต้องการสวมบทหงส์ดำให้ได้อย่างสมบูรณ์ เธอจึงต้องปลุกอีกด้านของเธอขึ้นมา ซึลกิจึงเป็นอีกด้านของไอรีนที่เพิ่งถือกำเนิดขึ้น สังเกตได้จากฉากในรถที่เพิ่งโผล่ขึ้นมาทีหลังจนเดินออกจากรถตามมา เราจะเห็นเพียงเงาของซึลกิเท่านั้น
ย้อนกลับไปที่ฉากเปิดตอนที่ไอรีนนั่งอยู่ในรถแล้วไฟในโรงละครดับ ถ้าจำได้คือจอยอยู่ในโรงละคร ตรงนี้คือการปิดจิตสำนึกส่วน Super-ego ไม่ให้ทำงานเพื่อให้อีกด้านหรือซึลกิออกมาได้ค่ะ
ส่วนซึลกินั้นเป็นตัวแทนของ Ego ส่วนที่มีเหตุผลและเกี่ยวข้องกับโลกความเป็นจริง เป็นส่วนบริหารบุคลิกภาพทั้งหมด ควบคุม Super-ego ให้คัดกรองสัญชาตญาณดิบ (Id) เพื่อแสดงออกมาอย่างเหมาะสม
ทว่าใน mv (รวมถึง Black Swan) เราจะเห็นว่าจอย (Super-ego) มีบทบาทเหนือกว่าอีกสองส่วน (Id และ Ego) พยายามซ่อนเยริจากเวนดี้ (Id) ไว้ตลอด ทำให้ซึลกิ (Ego) จิตสำนึกด้านที่ควรมีในตัวมนุษย์ปกติเมื่อโตขึ้นมาในอายุระดับหนึ่งจึงเพิ่งเกิดขึ้นและต้องมาค้นหาด้านมืดของตนเองให้เจอ
ฉะนั้นเรื่องราวหลังจากนี้แทนที่จะจิตสำนึกของไอรีนได้แสดงออกอย่างคนทั่วไป มีทั้งด้านขาว-ดำ(เทาๆ) ก็จะเป็น Psycho นั่นเอง
วิเคราะห์ MV Red Velvet - Psycho เพราะฉันใช้ ‘ใจ’ รัก
ก่อนจะเริ่มวิเคราะห์ mv ขอเล่าเรื่องย่อ Black Swan พอสังเขปสำหรับคนไม่เคยดู(อย่างอิชั้น)เพิ่มความเข้าใจกันสักนิด
Black Swan เป็นเรื่องราวของนีนา นักบัลเลต์สาวโลกสวยที่เติบโตมากับคุณแม่ผู้ดูแลเธออย่างดี ริ้นไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม วันหนึ่งเธอได้รับบทนำในละครเรื่อง Swan Lake ซึ่งต้องแสดงเป็นทั้งหงส์ขาวและหงส์ดำ แน่นอนว่านีนาเข้าถึงบทหงส์ขาวได้อย่างดีเยี่ยม หากในทางกลับกันก็ไม่สามารถเข้าถึงบทหงส์ดำได้ นีนาจึงต้องปลุกด้านมืดของตัวเองขึ้นมาเพื่อให้บทบาทการแสดงนำเรื่องแรกของเธอสมบูรณ์แบบที่สุดจนนำมาสู่โศกนาฏกรรมอันคาดไม่ถึง
เอาล่ะ ถ้าพร้อมแล้วเรามา psycho ไปพร้อมๆ กันค่ะ
Psycho
Note
Psychic apparatus (Id, Ego and Super-ego) by Sigmund Freud
จากนั้นภาพตัดมาที่บันไดเจอเจ้าวานยืนอยู่ ก่อนที่น้องจอยจะเดินผ่านมาและเกือบจะผ่านไป ทว่าสุดท้ายก็หันกลับมามองแล้วจับมือฉุดให้เดินตามไปด้วยกัน ตรงนี้อยากให้สังเกตความ contrast กันระหว่างสองคนนี้ ตั้งแต่สีผม ทรงผม และสีชุด
ไอรีน = นักแสดงผู้รับบทหงส์ขาว aka นีนา
เธอคือหงส์ขาวบริสุทธิ์แสนสวยก่อนนี้เธออยู่ในกรอบมาตลอด(รถสีขาว) เมื่อต้องการเป็นนักแสดงที่สมบูรณ์แบบก็ได้เวลาเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้ว และโรงละครก็คือภายในจิตใจของไอรีนที่พวกเราจะได้เข้าไปสำรวจพร้อมกับเธอนั่นเอง
เวนดี้ = ด้านมืด aka Id (อ่านว่า อิด) | จอย = ด้านสว่าง aka Super-ego
สองคนนี้คือด้านตรงข้ามกันภายในจิตใต้สำนึกของไอรีน
ซึลกิ = ตัวตนอีกด้านของไอรีนที่หลบซ่อนอยู่ (Ego) aka หงส์ดำที่ไอรีน(นีนา)ต้องการเป็น
เมื่อไอรีนต้องการสวมบทหงส์ดำให้ได้อย่างสมบูรณ์ เธอจึงต้องปลุกอีกด้านของเธอขึ้นมา ซึลกิจึงเป็นอีกด้านของไอรีนที่เพิ่งถือกำเนิดขึ้น สังเกตได้จากฉากในรถที่เพิ่งโผล่ขึ้นมาทีหลังจนเดินออกจากรถตามมา เราจะเห็นเพียงเงาของซึลกิเท่านั้น
ย้อนกลับไปที่ฉากเปิดตอนที่ไอรีนนั่งอยู่ในรถแล้วไฟในโรงละครดับ ถ้าจำได้คือจอยอยู่ในโรงละคร ตรงนี้คือการปิดจิตสำนึกส่วน Super-ego ไม่ให้ทำงานเพื่อให้อีกด้านหรือซึลกิออกมาได้ค่ะ
ส่วนซึลกินั้นเป็นตัวแทนของ Ego ส่วนที่มีเหตุผลและเกี่ยวข้องกับโลกความเป็นจริง เป็นส่วนบริหารบุคลิกภาพทั้งหมด ควบคุม Super-ego ให้คัดกรองสัญชาตญาณดิบ (Id) เพื่อแสดงออกมาอย่างเหมาะสม
ทว่าใน mv (รวมถึง Black Swan) เราจะเห็นว่าจอย (Super-ego) มีบทบาทเหนือกว่าอีกสองส่วน (Id และ Ego) พยายามซ่อนเยริจากเวนดี้ (Id) ไว้ตลอด ทำให้ซึลกิ (Ego) จิตสำนึกด้านที่ควรมีในตัวมนุษย์ปกติเมื่อโตขึ้นมาในอายุระดับหนึ่งจึงเพิ่งเกิดขึ้นและต้องมาค้นหาด้านมืดของตนเองให้เจอ
ฉะนั้นเรื่องราวหลังจากนี้แทนที่จะจิตสำนึกของไอรีนได้แสดงออกอย่างคนทั่วไป มีทั้งด้านขาว-ดำ(เทาๆ) ก็จะเป็น Psycho นั่นเอง