นักอาชญาวิทยา ชี้ "วิ่งไล่ลุง" ไม่ใช่แค่เรื่องการเมือง แต่เป็นการกำจัดรากเหง้าปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม
https://www.matichon.co.th/politics/news_1861132
เมื่อวันที่ 2 มกราคม รศ.พ.ต.ท.ดร.
กฤษณพงค์ พูตระกูล ผู้ช่วยอธิการบดี และประธานกรรมการคณะอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม ม.รังสิต ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับกรณีการทำกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” ว่า
สาเหตุหลักๆ ที่มีการออกมาวิ่งไล่ลุง ไม่ใช่เป็นเพียงประเด็นทางการเมือง แต่สะท้อนปัญหารากเหง้าในสังคมไทยที่มีมานาน เช่นปัญหาความยากจน ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม การทุจริตประพฤติพฤติมิชอบ การบังคับใช้กฎหมายไม่เท่าเทียมกัน ฯลฯ เหล่านี้เป็นปัญหาที่มีมานาน แต่ยังไม่ได้รับการแก้ไขให้เป็นรูปธรรมและดีขึ้นเท่าที่ควร ในขณะเดียวกันบางปัญหา เช่นการทุจริต กลับทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น หากสังเกตจากการปฏวัติรัฐประหารแต่ละครั้งประเด็นที่ถูกหยิบยกมาเป็นข้ออ้างจะเป็นเรื่องทุจริตเสมอ
เมื่อไปดูข้อมูลจากสำนักงานการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ระบุว่าคนไทยมีประชากรกลุ่มรายได้น้อยอยู่ 27 ล้านคน คนที่ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14.5 ล้านคน รวมไปถึงข้อมูลจากธนาคารโลกประเทศไทยถูกจัดอันดับว่าเป็นประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำระหว่างชนชั้นเป็นอันดับต้นต้นของโลกมาหลายปี สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาการขาดความเท่าเทียมในสังคม ที่ผ่านมาเราไปสนใจแต่เรื่องการเมือง ไม่ได้ดูรากเหง้าของปัญหาที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข
รศ.พ.ต.ท.ดร.
กฤษณพงค์ กล่าวอีกว่า เพราะฉะนั้นไม่ว่าใครจะขึ้นมาเป็นผู้บริหารประเทศ ไม่ว่าจะมาจากการเลือกตั้งหรือการปฏิวัติรัฐประหาร เขาก็คาดหวังว่าปัญหาทั้งหมดจะได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้น คนไทยส่วนใหญ่ต้องการให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น สังคมมีความยุติธรรม เกิดความเท่าเทียมกันระหว่างชนชั้น และสถานภาพทางสังคมมากยิ่งขึ้น
“
ข้อมูลการปฏิรูปตำรวจ ตั้งแต่การรัฐประหารปี 2557 ตำรวจก็ไม่ได้รับการปรับปรุงพัฒนาไปในทิศทางที่ควรจะเป็น ในอนาคตสังคมไทยคงหนีไม่พ้นเรื่องดิสรัปชั่น เศรษฐกิจ ธนาคาร การเรียนการสอน ระบบการขนส่ง การขายของผ่านโลกออนไลน์ ขณะที่ความเหลื่อมล้ำก็ยังไม่ได้รับการแก้ไขเท่าที่ควร ก็จะส่งผลถึงปัญหาอื่นๆ ตามมาอีก เช่น คนถูกหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ต ไปแจ้งความ ตำรวจอาจจะปฏิบัติกับคนที่มีสถานภาพทางสังคมที่แตกต่างกันออกไปอย่างไม่เท่าเทียม ก็จะส่งผลให้คนกลุ่มใหญ่มองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม” รศ.พ.ต.ท.ดร.
กฤษณพงค์ กล่าว
ดังนั้นรัฐบาลต้องมองไปให้ถึงรากเหง้าของปัญหาว่าคนที่ออกมาวิ่งไล่ลุงเป็นเรื่องการเมืองอย่างเดียวหรือไม่ หรือเพราะเขามองว่าปัญหาในสังคมไทยหลายๆเรื่อง ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม เมื่อผู้นำที่อ้างความชอบธรรมโดยการปฏิวัติรัฐประหาร หากไม่ได้ตอบสนองในสิ่งที่เคยสัญญากับประชาชนไว้ตั้งแต่แรก ก็จะเป็นคำถามกลับมาทุกครั้งว่า เหตุใดจึงมีการยึดอำนาจและทำไมจึงไม่สามารถแก้ปัญหาในสิ่งต่างๆ ทั้งที่ได้เคยสัญญาไว้ตอนปฏิวัติรัฐประหารทั้งเรื่องการทุจริตประพฤติมิชอบ การปฏิรูปตำรวจ ความยากจน การขาดโอกาสทางการศึกษา พืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ฯลฯ เมื่อประชาชนมองว่าผู้บริหารที่มาจากการเลือกตั้งก็ยังไม่สามารถแก้ไขได้ และไม่แก้อย่างจริงจัง การวิ่งไล่ลุงจะไม่ใช่แค่เรื่องการเมือง แต่จะเป็นปัญหาความขัดแย้งระหว่างชนชั้น ระหว่างคนที่มีสถานภาพทางสังคมกับคนรากหญ้า ซึ่งคนรากหญ้าอาจถูกมองข้ามไป เพราะนอกจากไม่ได้รับความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ ยังไม่ได้รับความเป็นธรรมทางกระบวนการยุติธรรม แม้จะมีการแจกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แต่ก็เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุมากกว่า
นายกสมาคมคนกรีดยางใต้ ส่งสัญญาณรวมพล พ้อ 'ความสุขประชาชนอยู่ตรงไหนอยากเห็น'
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_1860012
เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2563 นาย
มนัส บุญพัฒน์ นายกสมาคมคนกรีดยางและชาวสวนยางรายย่อย ได้โพสต์ข้อความลงในโลกโซเชียลลักษณะโยนหินถามทางกับการแก้ไขปัญหาราคายางพารา
โดยข้อความระบุว่า
“
เมื่อความสุขของคนสวนยางเล็กๆ น้อยระยะสั้นๆ ควรแค่สักสองสามวัน จากที่ทนทุกขเวทนามาทั้งปี กลับถูกลิดรอนด้วยราคา
27 ธ.ค.62 เจ๊กส่งออกขาย ณ ท่าเรือ (fob) 47.75 บาท แต่ราคาถึงมือชาวสวน 28-29-30-31 ธ.ค.แค่ 27-28 บาท เขาทำกินบนหัวเรา ใครบ้างที่ควรรับผิดชอบดูแลระบบตลาดโดยตำแหน่งอำนาจหน้าที่ จะมาอ้างว่าได้ชดเชยโดยงบประมาณกลางไปให้แล้ว…ดูมันไม่แมนน่ะ!
เลือดเข้าตาแบบไม่เกรงใจแล้วสัปดาห์หน้าเลือกเอาสักวัน 6-7-8-9-10 ม.ค.63 ใครจะไปกับผมเพื่อทวงหาความรับผิดชอบ โทรมาที่ 093 304 3323 ไปสำนักงานการยาง-กระทรวงเกษตร-หรือทำเนียบ
ราคาที่กลไกบิดเบี้ยวจนเกิดความแตกต่างมากมาย ยางส่งออก 47 บาทกว่า แต่ชาวสวนได้กินแค่ 27 บาท ผู้มีอำนาจหน้าที่ทำอะไรกันอยู่ครับ?
ค่ำคืนวันส่งท้ายปีเก่าของปีนี้ คงจะไม่แตกต่างกับวันสิ้นปี ธันวา’60 ที่สองข้างทางไม่ค่อยได้เห็นแสงไฟตามวิถีชีวิตคนชนบท ได้นั่งดื่มกินล้อมวงส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่! บรรยากาศเงียบเหงา ความสุขจางๆฝืนๆ เป็นภาพโดยรวมของคนพื้นถิ่น ผู้ทำกินกับพืชผลการเกษตร เพราะปีนี้ทั้งปี! รายได้เหือดแห้งหดหาย!
ที่พอจะมีบ้างพอวับแวม ก็เฉพาะบ้านที่ลูกหลานไปทำงานต่างถิ่นเป็นมนุษย์เงินเดือน ราคายางแค่แบงค์ยี่สิบหนึ่งแบงค์กับอีกแปดหรียญบาท..! “ความสุขประชาชน” มันอยู่ตรงไหนอยากเห็น ..
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=2480331468885917&id=100007272646930
JJNY : นักอาชญาวิทยา ชี้"วิ่งไล่ลุง"ไม่ใช่แค่เรื่องการเมือง/นายกส.คนกรีดยางใต้ ส่งสัญญาณรวมพล/งบฯโฆษณาทีวีร่วงหนัก
https://www.matichon.co.th/politics/news_1861132
เมื่อวันที่ 2 มกราคม รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล ผู้ช่วยอธิการบดี และประธานกรรมการคณะอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม ม.รังสิต ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับกรณีการทำกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” ว่า
สาเหตุหลักๆ ที่มีการออกมาวิ่งไล่ลุง ไม่ใช่เป็นเพียงประเด็นทางการเมือง แต่สะท้อนปัญหารากเหง้าในสังคมไทยที่มีมานาน เช่นปัญหาความยากจน ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม การทุจริตประพฤติพฤติมิชอบ การบังคับใช้กฎหมายไม่เท่าเทียมกัน ฯลฯ เหล่านี้เป็นปัญหาที่มีมานาน แต่ยังไม่ได้รับการแก้ไขให้เป็นรูปธรรมและดีขึ้นเท่าที่ควร ในขณะเดียวกันบางปัญหา เช่นการทุจริต กลับทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น หากสังเกตจากการปฏวัติรัฐประหารแต่ละครั้งประเด็นที่ถูกหยิบยกมาเป็นข้ออ้างจะเป็นเรื่องทุจริตเสมอ
เมื่อไปดูข้อมูลจากสำนักงานการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ระบุว่าคนไทยมีประชากรกลุ่มรายได้น้อยอยู่ 27 ล้านคน คนที่ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14.5 ล้านคน รวมไปถึงข้อมูลจากธนาคารโลกประเทศไทยถูกจัดอันดับว่าเป็นประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำระหว่างชนชั้นเป็นอันดับต้นต้นของโลกมาหลายปี สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาการขาดความเท่าเทียมในสังคม ที่ผ่านมาเราไปสนใจแต่เรื่องการเมือง ไม่ได้ดูรากเหง้าของปัญหาที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข
รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ กล่าวอีกว่า เพราะฉะนั้นไม่ว่าใครจะขึ้นมาเป็นผู้บริหารประเทศ ไม่ว่าจะมาจากการเลือกตั้งหรือการปฏิวัติรัฐประหาร เขาก็คาดหวังว่าปัญหาทั้งหมดจะได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้น คนไทยส่วนใหญ่ต้องการให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น สังคมมีความยุติธรรม เกิดความเท่าเทียมกันระหว่างชนชั้น และสถานภาพทางสังคมมากยิ่งขึ้น
“ข้อมูลการปฏิรูปตำรวจ ตั้งแต่การรัฐประหารปี 2557 ตำรวจก็ไม่ได้รับการปรับปรุงพัฒนาไปในทิศทางที่ควรจะเป็น ในอนาคตสังคมไทยคงหนีไม่พ้นเรื่องดิสรัปชั่น เศรษฐกิจ ธนาคาร การเรียนการสอน ระบบการขนส่ง การขายของผ่านโลกออนไลน์ ขณะที่ความเหลื่อมล้ำก็ยังไม่ได้รับการแก้ไขเท่าที่ควร ก็จะส่งผลถึงปัญหาอื่นๆ ตามมาอีก เช่น คนถูกหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ต ไปแจ้งความ ตำรวจอาจจะปฏิบัติกับคนที่มีสถานภาพทางสังคมที่แตกต่างกันออกไปอย่างไม่เท่าเทียม ก็จะส่งผลให้คนกลุ่มใหญ่มองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม” รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ กล่าว
ดังนั้นรัฐบาลต้องมองไปให้ถึงรากเหง้าของปัญหาว่าคนที่ออกมาวิ่งไล่ลุงเป็นเรื่องการเมืองอย่างเดียวหรือไม่ หรือเพราะเขามองว่าปัญหาในสังคมไทยหลายๆเรื่อง ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม เมื่อผู้นำที่อ้างความชอบธรรมโดยการปฏิวัติรัฐประหาร หากไม่ได้ตอบสนองในสิ่งที่เคยสัญญากับประชาชนไว้ตั้งแต่แรก ก็จะเป็นคำถามกลับมาทุกครั้งว่า เหตุใดจึงมีการยึดอำนาจและทำไมจึงไม่สามารถแก้ปัญหาในสิ่งต่างๆ ทั้งที่ได้เคยสัญญาไว้ตอนปฏิวัติรัฐประหารทั้งเรื่องการทุจริตประพฤติมิชอบ การปฏิรูปตำรวจ ความยากจน การขาดโอกาสทางการศึกษา พืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ฯลฯ เมื่อประชาชนมองว่าผู้บริหารที่มาจากการเลือกตั้งก็ยังไม่สามารถแก้ไขได้ และไม่แก้อย่างจริงจัง การวิ่งไล่ลุงจะไม่ใช่แค่เรื่องการเมือง แต่จะเป็นปัญหาความขัดแย้งระหว่างชนชั้น ระหว่างคนที่มีสถานภาพทางสังคมกับคนรากหญ้า ซึ่งคนรากหญ้าอาจถูกมองข้ามไป เพราะนอกจากไม่ได้รับความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ ยังไม่ได้รับความเป็นธรรมทางกระบวนการยุติธรรม แม้จะมีการแจกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แต่ก็เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุมากกว่า
นายกสมาคมคนกรีดยางใต้ ส่งสัญญาณรวมพล พ้อ 'ความสุขประชาชนอยู่ตรงไหนอยากเห็น'
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_1860012
เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2563 นายมนัส บุญพัฒน์ นายกสมาคมคนกรีดยางและชาวสวนยางรายย่อย ได้โพสต์ข้อความลงในโลกโซเชียลลักษณะโยนหินถามทางกับการแก้ไขปัญหาราคายางพารา
โดยข้อความระบุว่า
“เมื่อความสุขของคนสวนยางเล็กๆ น้อยระยะสั้นๆ ควรแค่สักสองสามวัน จากที่ทนทุกขเวทนามาทั้งปี กลับถูกลิดรอนด้วยราคา
27 ธ.ค.62 เจ๊กส่งออกขาย ณ ท่าเรือ (fob) 47.75 บาท แต่ราคาถึงมือชาวสวน 28-29-30-31 ธ.ค.แค่ 27-28 บาท เขาทำกินบนหัวเรา ใครบ้างที่ควรรับผิดชอบดูแลระบบตลาดโดยตำแหน่งอำนาจหน้าที่ จะมาอ้างว่าได้ชดเชยโดยงบประมาณกลางไปให้แล้ว…ดูมันไม่แมนน่ะ!
เลือดเข้าตาแบบไม่เกรงใจแล้วสัปดาห์หน้าเลือกเอาสักวัน 6-7-8-9-10 ม.ค.63 ใครจะไปกับผมเพื่อทวงหาความรับผิดชอบ โทรมาที่ 093 304 3323 ไปสำนักงานการยาง-กระทรวงเกษตร-หรือทำเนียบ
ราคาที่กลไกบิดเบี้ยวจนเกิดความแตกต่างมากมาย ยางส่งออก 47 บาทกว่า แต่ชาวสวนได้กินแค่ 27 บาท ผู้มีอำนาจหน้าที่ทำอะไรกันอยู่ครับ?
ค่ำคืนวันส่งท้ายปีเก่าของปีนี้ คงจะไม่แตกต่างกับวันสิ้นปี ธันวา’60 ที่สองข้างทางไม่ค่อยได้เห็นแสงไฟตามวิถีชีวิตคนชนบท ได้นั่งดื่มกินล้อมวงส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่! บรรยากาศเงียบเหงา ความสุขจางๆฝืนๆ เป็นภาพโดยรวมของคนพื้นถิ่น ผู้ทำกินกับพืชผลการเกษตร เพราะปีนี้ทั้งปี! รายได้เหือดแห้งหดหาย!
ที่พอจะมีบ้างพอวับแวม ก็เฉพาะบ้านที่ลูกหลานไปทำงานต่างถิ่นเป็นมนุษย์เงินเดือน ราคายางแค่แบงค์ยี่สิบหนึ่งแบงค์กับอีกแปดหรียญบาท..! “ความสุขประชาชน” มันอยู่ตรงไหนอยากเห็น ..
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=2480331468885917&id=100007272646930