"ฆ่าชู้-เมีย" ไม่ผิด ไม่ติดคุกจริงหรือไม่ เรามีคำตอบทางข้อกฎหมาย

   ก่อนอื่นต้องขอกล่าว สวัสดีปีใหม่ อวยพรให้เพื่อนๆ ที่ติดตามเว็บไซต์พันทิป.คอม มีความสุขสุขภาพแข็งแรง ในปีหนูทอง พ.ศ.2563
ตื่นนอนตอนเช้าได้อ่านข่าวในfacebook ถึงกรณีตามข่าว"ผัวโหดแทงยับ เมียชายชู้เลือดสาด"มีหลายๆท่านได้โพสว่า ฆ่าชู้ ฆ่าเมียไม่ผิด ไม่ติดคุก โดยถือว่าเป็นการป้องกันเกียรติของตน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 68 หลายๆท่านโพสบอกว่าถ้าเจอเหตุการณ์ลักษณะนี้กับตัวเองก็จะเอาปืนไปยิง เอามีดไปแทงเหมือนกัน ยังไงก็ไม่ผิด ไม่ติดคุก พอได้อ่านข้อความเหล่านี้จากโพสของหลายๆท่านรู้สึกตกใจมาก มันจะไปกันใหญ่แล้ว หลายๆท่านกำลังเข้าใจข้อกฎหมายกันผิดๆ เดี๋ยวมันจะมีการกระทำเลียนแบบจนสังคมต้องวุ่นวายอีก
   
   ขอยกข้อกฎหมาย ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 มาให้ทุกๆท่านได้เข้าใจกันก่อน โดยตามข้อกฎหมายเขียนไว้ว่า "ผู้ใดจำต้องกระทำการใดเพื่อป้องกันสิทธิของตนหรือของผู้อื่นให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ถ้าได้กระทำพอสมควรแก่เหตุ การกระทำนั้นเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นไม่มีความผิด"
 
   ตามมาตรา68 ผู้ใดจำต้องกระทำการใด เพื่อป้องกันสิทธิของตนหรือของผู้อื่น ให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ถ้าได้กระทำพอสมควรแก่เหตุ การกระทำนั้นเป็น “การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย” ผู้นั้นไม่มีความผิด
ต้องเข้าหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้
- มีภยันตราย ซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย
- ภยันตรายนั้น “ใกล้จะถึง”
- ผู้กระทำ “จำต้องกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนเอง หรือผู้อื่น” ให้พ้นจากภยันตรายนั้น
- การกระทำนั้น “ไม่เกินขอบเขต”

ตัวอย่าง คำพิพากษาฎีกาที่ 3955/2547
การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายเนื่องจากผู้ตายกับภริยาจำเลยอยู่ด้วยกันภายในห้องนอนตามลำพังสองต่อสอง และจำเลยพบเห็นเหตุการณ์โดยไม่คาดคิดมาก่อนจำเลยเกิดความโมโหหรือมีอารมณ์โกรธ จึงยิงไปในขณะนั้นทันทีที่พบเห็น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตาม ป.อ. มาตรา 68 แต่เป็นการกระทำโดยเหตุบันดาลโทสะตาม ป.อ. มาตรา 72

ตัวอย่าง คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 249/2515
จำเลยเห็นผู้ตายกำลังชำเราภริยาจำเลยถึงในห้องนอนแม้จะไม่ใช่ภริยาที่ชอบด้วยกฎหมาย แต่อยู่กินกันมา 13 ปี และเกิดบุตรกับจำเลย 6 คน จำเลยจึงใช้มีดพับเล็กที่หามาได้ในทันทีทันใด แทงผู้ตาย 2 ที และแทงภริยา 1 ที ดังนี้ เป็นการกระทำความผิดเพราะบันดาลโทสะ

ตัวอย่าง คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 348/2479
ชายพบภริยาของตนกำลังร่วมประเวณีทำชู้กับชายอื่นจึงฆ่าภริยาและชายชู้ตายทั้งสองคนนั้นทันทีเช่นนี้ ถือว่าเป็นการป้องกันเกียรติยศและชื่อเสียง พอสมควรแก่เหตุ ไม่มีความผิด

ตัวอย่าง คำพิพากษาฎีกาที่ 621/2494
ใช้มีดฟันชายที่กำลังทำชู้กับภริยาตน แล้วยังไล่ติดตามฟันชายนั้นอีก จนชายนั้นถึงแก่ความตายดังนี้ ถือว่าเป็นการป้องกันเกียรติยศ แต่ได้ทำไปเกินสมควรแก่เหตุ

ตามข่าว หนุ่มวัย 35 ปี แทงเมียกับชายชู้ ด้วยอารมณ์ชั่ววูบ หลังเห็นภาพบาดตา บาดใจ พากันมานอนบนเตียงในคืนข้ามปี
เวลาช่วงแปดโมงเช้าวันอังคารที่ 31 ม.ค. 62 ตำรวจสภ.หาดใหญ่ ได้รับแจ้งว่ามีชายและหญิงถูกคนร้ายใช้มีดแทงที่แมนชั่นกลางหาดใหญ่ ผู้หญิง คือ นางสาวครีม (นามสมมติ) อายุ 35 ปี และผู้ชาย คือ นายพร้อม (นามสมมติ) อายุ 33 ปี ถูกแทงได้รับบาดเจ็บทั้งคู่ โดย นายพร้อม เป็นคนวิ่งลงมาขอความช่วยเหลือ หลังจากโดนแทงหลายแผล ได้รับบาดเจ็บค่อนข้างหนัก เจ้าหน้าที่ตำรวจและกู้ภัยได้ปฐมพยาบาล และพาทั้ง 2 ส่งโรงพยาบาลทันที ทราบต่อมาว่า มือแทง คือ นายภพ (นามสมมติ) อายุ 35 ปี หลังจากก่อเหตุเจ้าตัวก็ขับรถออกไปทันที ต่อมาไม่นาน เจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถจับกุมตัวได้ที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก นายภพ รับสารภาพด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า เป็นคนทำร้ายเมีย และชายชู้

กรณีตามข่าวสามารถเทียบเคียงจากคำพิพากษาฎีกาที่ 3955/2547 การกระทำของนายภพ ไม่ได้เป็นการกระทำเพื่อการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตาม ป.อ. มาตรา 68 แต่เป็นการกระทำโดยเหตุบันดาลโทสะตาม ป.อ. มาตรา 72  ดังนั้น จึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าโดยบันดาลโทสะ(3976/2543)

กรณีตามข่าวจะไม่เป็นตามผิดก็ต่อเมื่อ นายภพ เห็น ภริยาของตนกำลังร่วมประเวณีทำชู้กับชายอื่นจึงแทงภริยาและชายชู้ทั้งสองคนนั้นทันทีเช่นนี้ ถือว่าเป็นการป้องกันเกียรติยศและชื่อเสียง พอสมควรแก่เหตุ ไม่มีความผิด (348/2479)

กฎหมายได้เปิดช่องทางเอาผิดกับชู้
ตามคำพิพากษาฎีกาที่ 2590/2561 บทบัญญัติมาตรา 1523 วรรคสอง แห่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพานิชย์ ให้สามีมีสิทธิเรียกค่าทดแทนจากผู้ที่ล่วงเกินภริยาไปในทางชู้สาวได้ แม้ภริยาสมัครใจหรือยินยอมให้ล่วงเกินไปในทำนองชู้สาว สามีก็มีสิทธิฟ้องเรียกค่าทดแทนตามวรรคสองนี้ได้ เพราะการฟ้องเรียกค่าทดแทนตามวรรคสองนี้เป็นสิทธิของสามีโดยเฉพาะและสิทธิในการฟ้องของสามีย่อมเกิดขึ้นตั้งแต่ขณะที่มีการล่วงเกินในทางชู้สาวกัน จำเลยที่ 2 มีความสัมพันธ์กับจำเลยที่ 1 ทางชู้สาวอันเป็นการล่วงเกินในทางชู้สาวต่อจำเลยที่ 1 ในขณะที่จำเลยที่ 1 ยังเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ สิทธิของโจทก์ตามบทบัญญัติดังกล่าวย่อมเกิดมีขึ้นตั้งแต่ขณะที่ยังไม่มีการหย่า แม้ภายหลังมีการจดทะเบียนหย่ากันแล้ว สิทธิในการฟ้องก็หาได้หมดสภาพหรือถูกลบล้างตามไปด้วยไม่ โจทก์มีสิทธิเรียกค่าทดแทนจากจำเลยที่ 2 ได้ตามบทบัญญัติดังกล่าว

ดังนั้น อย่าไปกระทำตามความเชื่อในข้อกฎหมายที่ผิดๆ การที่หลายๆท่านได้โพสว่ากรณีตามข่าวทำได้ ไม่ผิด ไม่ติดคุก จึงไม่เป็นความจริง อย่าได้ไปกระทำเลียนแบบ  เพราะ ท่านจะต้องติดคุก เสียประวัติเสียอนาคต
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่