คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
มีหลายปัจจัยในการสื่อสารค่ะ การสื่อสารที่ดีคือสารต้องไปถึงผู้รับได้เหมือนกับสิ่งที่ผู้ส่งต้องการสื่อมากที่สุด นำไปสู่ทฤษฎีว่าด้วยต้องเขียนยังไงถึงจะสื่อสารได้ดี หลักเบื้องต้นจะประมาณนี้ค่ะ
เบื้องต้น คนอ่านจะเข้าใจง่ายถ้าคุณแต่งแบบมี point of view (รู้จักกันทั่วไปในตัวย่อ POV) คือ "มุมมองผู้เล่าเรื่อง" ค่ะว่าใครเป็นคนเล่าให้คนอ่านฟัง มีทั้งแบบ ตัวละครหลักเล่าเพียงคนเดียว (ฉันอย่างนั้นฉันอย่างนี้) และคนแต่งเป็นคนเล่า (เขาอย่างนั้น เธออย่างนี้) ในฉากๆ หนึ่ง (หรืออาจจะทั้งเรื่อง) จะใช้ POV แค่อย่างเดียวค่ะ เสิร์ชหาดูนะคะ เป็นพื้นฐานอันยิ่งใหญ่ของการเป็นนักเขียน ไม่ใช่ควรรู้ แต่ต้องรู้ทีเดียวค่ะ ^^
ปกติแล้วนักเขียนจะพยายามไม่ให้มีตัวละครเยอะๆ พูดด้วยกันอย่างทั่วถึงอยู่ในฉากเดียวเพราะคนอ่านจะงงง่ายโดยธรรมชาติเลยค่ะ ดีไม่ดีคนเขียนยังจะงงเองเลย อาจใช้วิธีให้คุยกันทีละคู่แล้วเปลี่ยนเป็นอีกคู่จนครบคน ถ้าคุยตอบโต้พร้อมกัน แค่สามคนก็จะแย่แล้ว และมักจะบอกกันโต้งๆ เลยว่าประโยคนี้ใครพูด หรือเลี่ยงด้วยการบรรยายว่าผู้พูดเขามีกิริยาท่าทางอะไรอยู่มากกว่าจะแค่บอกว่าประโยคนี้คนนี้พูด หรืออาจให้ตัวละครเรียกชื่อ หรืออาจใช้ภาษาเฉพาะของตัวละครที่แค่อ่านก็รู้แล้วว่าใครพูด ก็มีสารพัดวิธีล่ะค่ะ แล้วแต่จะรังสรรค์ได้
วิธีเช็คว่าอ่านเข้าใจไหมง่ายๆ ก็คือ คุณทิ้งต้นฉบับไปสักสองสามวัน คือให้ลืมต้นฉบับไปบ้างหรือทิ้งสักเดือนให้ลืมไปเลยก็ยิ่งดี แล้วกลับมาอ่านอีกครั้ง ถ้าคุณไม่งง คนอ่านก็มักไม่งงค่ะ ถ้าคุณอ่านเองแล้วเข้าใจคนเดียว นั่นก็เพราะมีบางส่วนอยู่ในหัวของคุณแต่ยังไม่ได้บอกให้คนอ่านรู้เท่านั้นเอง หากคุณเล่าปากเปล่าให้คนอื่นเข้าใจได้ ภาษานิยายของคุณก็น่าจะทำให้คนอ่านเข้าใจได้ด้วย เขียนเยอะๆ อ่านเยอะๆ ก็จะเริ่มแยกแยะได้ว่าแบบไหนคือภาษาปาก แบบไหนคือภาษาเขียน สองอย่างนี้ต่างกันตรงไวยกรณ์
ปากเขาซีด (ภาษาปาก) = ปากของเขามีสีซีด, สีปากของเขาซีด, เขาปากซีด (ภาษาเขียน) สื่อสารได้เข้าใจเหมือนกัน สีซีด ไม่ใช่ปากที่ซีด หรือปากซีดคืออาการที่เขาเป็นอยู่ จะเห็นว่ามีการเรียบเรียงคำต่างกัน ภาษาเขียนจะมีประธาน กริยา กรรม ส่วนขยาย ส่วนภาษาปากเกิดจากการลดทอน สลับตำแหน่ง หรือใช้จนชินเพื่อให้ออกเสียงง่ายเป็นหลัก เมื่อพูดกัน เรารู้ความหมายได้จากปัจจัยอื่นด้วย เช่น น้ำเสียง สีหน้า ท่าทาง แม้พูดผิดๆ ถูกๆ ก็ยังเข้าใจได้ แต่ในหนังสือที่มีแค่ตัวอักษร การเขียนอย่างถูกหลักจะทำให้เข้าใจง่ายและตรงความหมายมากกว่า นี่เป็นส่วนที่เขาเรียกกันว่า 'สำนวนการเขียน' ค่ะ มันสำคัญตรงที่ทำให้การอ่านลื่นไหล ลดการงง แต่คนแต่งอ่านออกเสียงแล้วจะรู้สึกทะ
ๆ เพราะไม่เข้าปากค่ะ อันนี้หลายคนบอกว่าเป็นเฉพาะกับคนแต่ง คนอ่านไม่รู้สึก ฉันก็เป็นคนหนึ่งที่เห็นด้วย
อีกเรื่อง อันนี้ถือว่าแนะนำจากความเห็นส่วนตัวเลยนะคะ คือควรให้ประธานกระทำกริยาได้ เช่น 'ดวงตาสีดำจ้องมองเขาไม่เลิก' ดวงตาเปล่าๆ มันมองเองไม่ได้ นางเอกที่มีดวงตาสีดำต่างหากที่มอง ในฐานะประธานของประโยค ดวงตา กับ เจ้าของดวงตา นี่มันคนละอย่างกันเลย ดังนั้นประโยคนี้จึงควรเป็น 'เจ้าของดวงตาสีดำจ้องมองเขาไม่เลิก' เป็นกรณีเดียวกับ ร่างสูง ร่างบาง แขนแข็งแรง เท้าเบอร์สี่แปดอะไรเทือกนี้ อวัยวะมันไม่ใช่ผู้กระทำกริยาค่ะ ปากสีซีดได้ เป็นกระจับได้ แตกเลือกซิบก็ได้ แต่ปากจูบไม่ได้ คนต่างหากที่จูบ ถ้าเจอบก.สายแข็งหรือจบตรงมาทางอักษรศาสตร์เข้า โดนแก้ยกเล่มเลยนะคะอันนี้ สำนวนดีแค่ไหนก็วัดกันที่จะเลี่ยงการเรียกชื่อตัวละครได้อย่างไรเป็นส่วนหนึ่งล่ะ จะพรประภาทุกประโยคก็ไม่ไหว ร่างสูงกินข้าวก็ไม่ไหวเหมือนกัน (แต่ถ้า 'เธอเดินเข้าหาร่างสูง' อันนี้ได้นะ เพราะเธอเดินได้จริงๆ)
การแยกบทบรรยายกับความคิด แล้วแต่สนพ.จะใช้วิธีไหนค่ะ บางที่ก็ชอบอัญประกาศเดี่ยว ('...') บางที่ก็เป็นตัวเอียง จะเกิดขึ้นถ้าเป็น POV แบบมุมมองบุคคลที่ 3 (นักเขียนเป็นคนเล่าเรื่องว่าเขาอย่างนั้นเธออย่างนี้) ถ้าเป็นมุมมองบุคคลที่ 1 ซึ่งตัวละครเป็นคนเล่า บทบรรยายสามารถเป็นการคิดในใจได้ นอกจากนั้นยังใช้ภาษาปากได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจตอนอ่านด้วย ความง่ายนี้มีส่วนทำให้ POV ที่ 1 ได้รับความนิยมในหมู่นิยายวัยรุ่นค่ะ เบื้องต้นแนะนำให้เลือกใช้สักระบบ ใช้ให้เหมือนกันตลอดทั้งเรื่อง แค่คนอ่านแยกแยะได้ว่าสิ่งนี้คือคิดในใจก็พอ
ฉันพูดเหมือนเยอะสื่งและยุ่งยาก ที่จริงเพราะมันเป็นการบอกเล่าทฤษฎีน่ะค่ะ ลงมือทำจริงจะง่ายกว่า อย่างไรก็ตาม บางคนแม้เขียนภาษาปากทั้งเล่มก็ยังอ่านเข้าใจได้และสนุกด้วย เรื่องใหญ่จะเป็น POV รู้ทฤษฎีไว้บ้าง ลองเขียนตามนั้นแค่สักครั้งก็เข้าใจแล้วค่ะ รู้สึกถึงความต่างในครั้งแรก แต่ด้านสำนวนว่าเขียนยังไงคนอ่านจึงเข้าใจง่ายเนี่ย นอกจากเรื่องภาษาเขียนก็ตัวใครตัวมันแล้วค่ะ ขยันแต่งเยอะๆ สู้ๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้!
เบื้องต้น คนอ่านจะเข้าใจง่ายถ้าคุณแต่งแบบมี point of view (รู้จักกันทั่วไปในตัวย่อ POV) คือ "มุมมองผู้เล่าเรื่อง" ค่ะว่าใครเป็นคนเล่าให้คนอ่านฟัง มีทั้งแบบ ตัวละครหลักเล่าเพียงคนเดียว (ฉันอย่างนั้นฉันอย่างนี้) และคนแต่งเป็นคนเล่า (เขาอย่างนั้น เธออย่างนี้) ในฉากๆ หนึ่ง (หรืออาจจะทั้งเรื่อง) จะใช้ POV แค่อย่างเดียวค่ะ เสิร์ชหาดูนะคะ เป็นพื้นฐานอันยิ่งใหญ่ของการเป็นนักเขียน ไม่ใช่ควรรู้ แต่ต้องรู้ทีเดียวค่ะ ^^
ปกติแล้วนักเขียนจะพยายามไม่ให้มีตัวละครเยอะๆ พูดด้วยกันอย่างทั่วถึงอยู่ในฉากเดียวเพราะคนอ่านจะงงง่ายโดยธรรมชาติเลยค่ะ ดีไม่ดีคนเขียนยังจะงงเองเลย อาจใช้วิธีให้คุยกันทีละคู่แล้วเปลี่ยนเป็นอีกคู่จนครบคน ถ้าคุยตอบโต้พร้อมกัน แค่สามคนก็จะแย่แล้ว และมักจะบอกกันโต้งๆ เลยว่าประโยคนี้ใครพูด หรือเลี่ยงด้วยการบรรยายว่าผู้พูดเขามีกิริยาท่าทางอะไรอยู่มากกว่าจะแค่บอกว่าประโยคนี้คนนี้พูด หรืออาจให้ตัวละครเรียกชื่อ หรืออาจใช้ภาษาเฉพาะของตัวละครที่แค่อ่านก็รู้แล้วว่าใครพูด ก็มีสารพัดวิธีล่ะค่ะ แล้วแต่จะรังสรรค์ได้
วิธีเช็คว่าอ่านเข้าใจไหมง่ายๆ ก็คือ คุณทิ้งต้นฉบับไปสักสองสามวัน คือให้ลืมต้นฉบับไปบ้างหรือทิ้งสักเดือนให้ลืมไปเลยก็ยิ่งดี แล้วกลับมาอ่านอีกครั้ง ถ้าคุณไม่งง คนอ่านก็มักไม่งงค่ะ ถ้าคุณอ่านเองแล้วเข้าใจคนเดียว นั่นก็เพราะมีบางส่วนอยู่ในหัวของคุณแต่ยังไม่ได้บอกให้คนอ่านรู้เท่านั้นเอง หากคุณเล่าปากเปล่าให้คนอื่นเข้าใจได้ ภาษานิยายของคุณก็น่าจะทำให้คนอ่านเข้าใจได้ด้วย เขียนเยอะๆ อ่านเยอะๆ ก็จะเริ่มแยกแยะได้ว่าแบบไหนคือภาษาปาก แบบไหนคือภาษาเขียน สองอย่างนี้ต่างกันตรงไวยกรณ์
ปากเขาซีด (ภาษาปาก) = ปากของเขามีสีซีด, สีปากของเขาซีด, เขาปากซีด (ภาษาเขียน) สื่อสารได้เข้าใจเหมือนกัน สีซีด ไม่ใช่ปากที่ซีด หรือปากซีดคืออาการที่เขาเป็นอยู่ จะเห็นว่ามีการเรียบเรียงคำต่างกัน ภาษาเขียนจะมีประธาน กริยา กรรม ส่วนขยาย ส่วนภาษาปากเกิดจากการลดทอน สลับตำแหน่ง หรือใช้จนชินเพื่อให้ออกเสียงง่ายเป็นหลัก เมื่อพูดกัน เรารู้ความหมายได้จากปัจจัยอื่นด้วย เช่น น้ำเสียง สีหน้า ท่าทาง แม้พูดผิดๆ ถูกๆ ก็ยังเข้าใจได้ แต่ในหนังสือที่มีแค่ตัวอักษร การเขียนอย่างถูกหลักจะทำให้เข้าใจง่ายและตรงความหมายมากกว่า นี่เป็นส่วนที่เขาเรียกกันว่า 'สำนวนการเขียน' ค่ะ มันสำคัญตรงที่ทำให้การอ่านลื่นไหล ลดการงง แต่คนแต่งอ่านออกเสียงแล้วจะรู้สึกทะ

อีกเรื่อง อันนี้ถือว่าแนะนำจากความเห็นส่วนตัวเลยนะคะ คือควรให้ประธานกระทำกริยาได้ เช่น 'ดวงตาสีดำจ้องมองเขาไม่เลิก' ดวงตาเปล่าๆ มันมองเองไม่ได้ นางเอกที่มีดวงตาสีดำต่างหากที่มอง ในฐานะประธานของประโยค ดวงตา กับ เจ้าของดวงตา นี่มันคนละอย่างกันเลย ดังนั้นประโยคนี้จึงควรเป็น 'เจ้าของดวงตาสีดำจ้องมองเขาไม่เลิก' เป็นกรณีเดียวกับ ร่างสูง ร่างบาง แขนแข็งแรง เท้าเบอร์สี่แปดอะไรเทือกนี้ อวัยวะมันไม่ใช่ผู้กระทำกริยาค่ะ ปากสีซีดได้ เป็นกระจับได้ แตกเลือกซิบก็ได้ แต่ปากจูบไม่ได้ คนต่างหากที่จูบ ถ้าเจอบก.สายแข็งหรือจบตรงมาทางอักษรศาสตร์เข้า โดนแก้ยกเล่มเลยนะคะอันนี้ สำนวนดีแค่ไหนก็วัดกันที่จะเลี่ยงการเรียกชื่อตัวละครได้อย่างไรเป็นส่วนหนึ่งล่ะ จะพรประภาทุกประโยคก็ไม่ไหว ร่างสูงกินข้าวก็ไม่ไหวเหมือนกัน (แต่ถ้า 'เธอเดินเข้าหาร่างสูง' อันนี้ได้นะ เพราะเธอเดินได้จริงๆ)
การแยกบทบรรยายกับความคิด แล้วแต่สนพ.จะใช้วิธีไหนค่ะ บางที่ก็ชอบอัญประกาศเดี่ยว ('...') บางที่ก็เป็นตัวเอียง จะเกิดขึ้นถ้าเป็น POV แบบมุมมองบุคคลที่ 3 (นักเขียนเป็นคนเล่าเรื่องว่าเขาอย่างนั้นเธออย่างนี้) ถ้าเป็นมุมมองบุคคลที่ 1 ซึ่งตัวละครเป็นคนเล่า บทบรรยายสามารถเป็นการคิดในใจได้ นอกจากนั้นยังใช้ภาษาปากได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจตอนอ่านด้วย ความง่ายนี้มีส่วนทำให้ POV ที่ 1 ได้รับความนิยมในหมู่นิยายวัยรุ่นค่ะ เบื้องต้นแนะนำให้เลือกใช้สักระบบ ใช้ให้เหมือนกันตลอดทั้งเรื่อง แค่คนอ่านแยกแยะได้ว่าสิ่งนี้คือคิดในใจก็พอ
ฉันพูดเหมือนเยอะสื่งและยุ่งยาก ที่จริงเพราะมันเป็นการบอกเล่าทฤษฎีน่ะค่ะ ลงมือทำจริงจะง่ายกว่า อย่างไรก็ตาม บางคนแม้เขียนภาษาปากทั้งเล่มก็ยังอ่านเข้าใจได้และสนุกด้วย เรื่องใหญ่จะเป็น POV รู้ทฤษฎีไว้บ้าง ลองเขียนตามนั้นแค่สักครั้งก็เข้าใจแล้วค่ะ รู้สึกถึงความต่างในครั้งแรก แต่ด้านสำนวนว่าเขียนยังไงคนอ่านจึงเข้าใจง่ายเนี่ย นอกจากเรื่องภาษาเขียนก็ตัวใครตัวมันแล้วค่ะ ขยันแต่งเยอะๆ สู้ๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้!
แสดงความคิดเห็น
ถาม!? เรื่องการเเต่งนิยาย หน่อยค่ะ
จะเขียนนิยายยังไงไม่ให้คนอ่านงง คะ จะเขียนนิยายยังไงให้คนอ่านเข้าใจค่ะ ว่าตัวละครอันไหนเป็นคนไหนเช่น อันนี้คือบทนางเอกพูดอยู่ อันนั้นคือพระเอกพูดอยู่ เเละทำไงให้คนอ่านไม่งงให้เข้าใจอันนี้คือการบรรยาย อันนี้คือการคุยกันของตัวละคร อันนี้คือความคิด ควรใส่เครื่องหมาย เว้นวรรณอะไรยังไง คะ. เเละถ้าเราเเต่งนิยายอยู่ตอนหนึง เเละในตอนนั้นมีตัวละครหลายคน เเละจะเขียนยังไงให้คนอ่านเข้าใจว่า ตัวละครไหนเป็นตัวไหน ขอคำเนะนำหน่อยค่ะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ