บทเรียนที่หาจากไหนไม่ได้(อยากให้อ่านให้จบนะคับ) Hyperventilation Syndrome 1 เดือนสำหรับบทเรียนนี้ของ นายภูรินทร์ จากหัวใจที่เต้นเพียงแค่ 40 ชักไม่สามรถกลืนน้ำลายได้ มือเท้าเกร็ง ในวันนั้นสู่ความคิดที่เปลี่ยนไปในวันนี้ หมอบอกว่าเกิดจากการหายใจหอบเร็วและลึกอยู่นาน จนทำให้เกิดความผิดปกติของค่าสารเคมีในเลือด ทำให้ O2 ในเลือดมีค่าต่ำ ทำให้ต้องให้ O2 เป็นระยะเวลา 13 วัน แต่อาการก็เริ่มแย่ลงทุกวันเริ่มที่เรามีอาการชักทุกวัน แล้วต้องฉีดยา valium จนทำให้ยาไปกดการเต้นของหัวใจ จะโวยวาย ก้าวร้าว ควบคุมสติตัวเองไม่ได้ กลางคืนนอนไม่หลับ ดึงสายน้ำเกลือ และไม่รู้สึกตัวนอนหลับปไม่รู้ว่าได้ทำอะไรลงไป จำไม่ได้ว่าใครว่าเยี่ยม จนยายและแม่เล่าว่า ตัวเรา ด่าหมอ พยาบาล รวมถึงญาติๆ และเราก็เริ่มทำร้ายร่างกายของบุคคลรอบข้างของเราไปโดยที่เราไม่รู้สึกตัวเลยว่าเราทำอะไรลงไป และก็ได้เขารับการรักษาที่โรงพยาบาลจิตเวชสงขลาราชนครินทร์ เป็นระยะเวลาอีก 14 วัน ในคืนแรกนั้นผมก็ต้องโดนมันมือมัดเท้า และโดนฉีดยา Anticonvulsant drugs เพื่อให้เราได้อยู่กับตัวเอง และมันก็คือจุดเริ่มต้นของความคิดที่เปลี่ยนแปลงไป ในตอนเเรกเราไม่ยอมรับตัวเองว่าเราเป้นผู้ป่วยจิตเวชและโกรธปู่มาก ที่พาเรามารักษาที่โรงพยาบาลนี้ และในคืนนั้นเองเนื่องด้วยจากฤทธิ์ของยา มันทำให้ผมย้อนไปนึกได้ว่า ตลอดระยะเวลา 17 ปีที่ผ่านมา เราแบ่งเวลาไม่เป็นเราหักโหมและจิงจังกับการเรียนทั้งที่โรงเรียนและที่เรียนพิเศษมากเกินไป เราไม่เคยมีเวลาให้กับครอบครัว ก้มหน้าก้มตาเรียนโดยที่หลอกตัวเองว่า การเรียนคือความสุข ของชีวิตนี้แล้ว แต่จริงๆมันไม่ใช่เลย ทั้งหมดที่เราทำไปมันเป็นเพียงความกดดันของตัวเอง ที่จากจะเป็น แพทย์ รวมถึงคำดูกถูกที่เป็นความกดดันของเรา เราไม่เคยร้องไห้และระบายความเครียดให้ใครฟัง แม้กระทั่ง ครอบครัว เพื่อน ครู เราก็ไม่เคยพูด งานกลุ่มหรืองานอื่นๆเราอยากที่จะทำมันทุกอย่างด้วยตัวของเราเอง แล้วพึ่งมารู้ที่หลังว่านิสัยแบบนี้หมายถึง การไม่ใว้ใจคนอื่น และผมก็ได้เจอกับนักจิตวิทยา พี่โก้ เข้ามาหาผมเเละเราก็เริ่มพูดคุยและทำแบบทดสอบกัน จนผลออกมาว่าผมเป็น Acute Stress Disorder และ Depression หลายๆคนอาจไม่รู้จักอีกมุมนึงของผม หลายๆคนอาจมองว่าผมเป็นคนสนุกร่าเริง ยิ้ม หัวเราะ สนุกสนาน แต่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่ แต่ไม่รู้ทำไม พี่โก้ ถึมองผมออก และเริ่มถามถึงเกี่ยวกับครอบครัว อยู่ดีๆผมก็พูดทุกอย่าออกไปโดยไม่รู้ตัว ครอบครัวของผมไม่ใช่ครอบครัวที่อบอุ่นเหมือนครอบครัวอื่น พ่อแม่ของผมหย่าร้างกัน และผมก็คิดไปเองตลิดว่า พ่อกับแม่ไม่รักเราเลย เราเลยเลือกที่จะไม่บอกไม่เล่าปัญหารวมถึงความทุกข์ให้คนในครอบครัวฟัง และปมปัญหาที่สำคัญก็คือ การทะเลาะและทำร้ายร่างกายกันของคนในบ้าน ที่ผมต้องทนเห็นมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นครอบครัวคือสิ่งที่สำคัญมากที่สุดเป็นยาที่ดีในการรักษาและเยียวยาโรคทางจิตมากที่สุด หลังจากที่ผมกลับมาจากโรงพยาบาลจิตเวช มันก็เปลี่ยนความคิดของผมไปหมดแล้ว จากที่ผมทำตัวเป็นกระต่ายที่คิดว่าตัวเองเร็วกว่าเต่า และสุดท้ายแล้วผมก็จะกลับไปเป็นเต่าที่ถึงจะช้าแต่ยังไงก็ถึงเส้นชัย อยากขอเตืนน้องๆหรือคนอื่นๆที่กำลังทำตัวแบบผม มีอะไรก็รีบบอกให้คนรอบข้างรู้ ร้องไห้เพื่อระบายความเครียดความทุกข์นั้นออกมาบ้าง และแนะนำให้ไปพบจิตแพทย์ เพราะจิตแพทย์ให้คำแนะนำดีมาก เรารู้สึกมีความสุขที่ได้พูดได้เล่าทุกๆอย่างให้กับจิตแพทย์ฟัง จากนั้นหมอก็ให้ยามากินแต่ยาทางเคมีไม่ใช่ยาที่ดีที่สุด ยาที่ดีที่สุดคือจิตของเราและกำลังใจจากคนรอบข้างของเรา จากที่ไม่กล้าที่จะกอดแม่แต่เมื่อพอได้กอดแล้วก็ได้รับอุ่นไอของความรักมาเต็มๆ ขอโทษครอบครัว คุณครู และเพื่อนๆ ที่เป็นห่วง และขอโทษร่างกายตัวเองที่ปล่อยให้จิตทำร้ายมาตั้งนาน วันนี้พอเราคิดได้มันทำให้เรารู้สึกว่าเราได้ก้าวออกมาเป็นผู้ใหญ่อีกก้าวนึงได้แล้ว
___________________________________________
น.พ.ชูเกียรติ ยงพิทยาพงศ์
พ.ญ.คัคนางค์ วานิชย์เจริญ
โรคเครียด Hyperventilation Syndrome
___________________________________________
น.พ.ชูเกียรติ ยงพิทยาพงศ์
พ.ญ.คัคนางค์ วานิชย์เจริญ