RANK IT UP ยิ่งกว่าคุ้ม! 15 ดีลซื้อตัวยอดเยี่ยมแห่งทศวรรษ



นี่คือ 15 ดีลยอดเยี่ยมที่นำความสำเร็จและพลิกโฉมสโมสรได้มากที่สุดในรอบทศวรรษที่ผ่านมา



จาดอน ซานโช : แมนฯซิตี้ มา โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (8 ล้านยูโร)

นี่คือหนึ่งในนักเตะที่เนื้อหอมที่สุดในยุโรปเวลานี้ นับตั้งแต่ย้ายจาก แมนฯซิตี้ ด้วยค่าตัว 8 ล้านยูโร ซานโช ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในบุนเดสลีก้าและก้าวขึ้นไปติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่

ดาวเตะวัย 19 ปี ช่วยให้ ดอร์ทมุนด์ คว้าแชมป์ DFL ซูเปอร์คัพ เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทำ 1 ประตู กับอีก 1 แอสซิสต์ ในเกมชนะ บาเยิร์น มิวนิค 2-0 และเชื่อว่าการย้ายทีมของเขาจะทำกำไรให้ทีมเสือเหลืองมหาศาลแน่นอน



อลิสซอน : โรมา มา ลิเวอร์พูล (72 ล้านยูโร)

อลิสซอน ย้ายจากโรมามาอยู่ ลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัวเป็นสถิติโลกในเวลานั้นและเต็มไปด้วยคำถามมากมาย แต่นายด่านชาวบราซิลตอบทุกคำถามด้วยฟอร์มอันยอดเยี่ยมและเข้ามาพลิกโฉม หงส์แดง แบบเห็นได้ชัด

นี่คือจิ๊กซอว์ที่เข้ามาเติมเต็มทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ให้สมบูรณ์แบบ โดยประเดิมฤดูกาลแรกในพรีเมียร์ลีกด้วยผลงาน 17 คลีนชีต และเป็นกำลังสำคัญสำหรับแชมป์ยุโรปเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา



มาร์ค-อังเดร แทร์ สเตเก้น: โบรุสเซีย มึนเชนกลัดบัค มา บาร์เซโลนา (12 ล้านยูโร)

นับตั้งแต่ย้ายมาเฝ้าเสาในถิ่น คัมป์นู นายด่านทีมชาติเยอรมันกลายเป็นกำลังหลักของทีมมาตลอด สองฤดูกาลที่ผ่านมาเขามีช็อตเซฟสุดเหลือเชื่อมาอวดแฟนบอลที่คัมป์นูหลายครั้ง

แทร์ สเตเก้น แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาพัฒนาฝีมือจนก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูระดับแนวหน้าของโลก และทำไปแล้ว 2 แอสซิสต์ในศึกลาลีก้า



โทนี โครส : บาเยิร์น มิวนิค มา เรอัล มาดริด (25 ล้านยูโร)

โทนี โครส มีส่วนสำคัญช่วยให้ เรอัล มาดริด คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 3 สมัย กับแชมป์ลาลีก้า 1 สมัย นับตั้งแต่ย้ายมาจาก บาเยิร์น มิวนิค เมื่อปี 2014 และยังรักษามาตรฐานการเล่นได้อย่างคงเส้นคงวาจนถึงปัจจุบัน



ดาบิด ซิลบา : บาเลนเซีย มา แมนฯซิตี้ (29 ล้านยูโร)

นับตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับ แมนฯซิตี้ เมื่อปี 2010 ซิลบา กลายเป็นหัวใจสำคัญช่วยให้ทีมก้าวขึ้นมาเป็นยักษ์ใหญ่ของพรีเมียร์ลีกอย่างเต็มตัว

มิดฟิลด์ชาวสเปนปรับตัวเข้ากับฟุตบอลอังกฤษได้อย่างกลมกลืน จนก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีสุดของพรีเมียร์ลีกและไม่มีใครพูดถึงค่าตัว 29 ล้านยูโรของเขาแล้ว



เอ็นโกโล ก็องเต้ : ก็อง มา เลสเตอร์ ซิตี้ (9 ล้านยูโร)

ก็องเต้ โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ช่วยให้เลสเตอร์สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองในปี 2016 ด้วยผลงานอันโดดเด่นทั้งเกมรับและและเกมรุก

จากนั้นเจ้าตัวย้ายไปเชลซีด้วยค่าตัว 35 ล้านยูโร นับว่าเป็นการทำกำไรมหาศาลในระยะเวลาอันสั้นของทีมจิ้งจอก



ดิเอโก้ โกดิน : บิยาร์เรอัล มา แอตเลติโก มาดริด (8 ล้านยูโร)

เมื่อดูจากผลงานของ แอตเลติโก มาดริด ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า โกดิน คือรากฐานอันแข็งแกร่งของทีม

ตลอด 9 ฤดูกาลแนวรับชาวอุรุกวัยช่วยให้ทัพตราหมีคว้าแชมป์ยูโรป้าลีก 2 สมัย, แชมป์ลาลีก้า 1 สมัย และผ่านเข้าถึงรอบิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2 ครั้ง



ซาดิโอ มาเน : เซาแธมป์ตัน มา ลิเวอร์พูล (34 ล้านยูโร)

แม้จะพลาดรางวัล บัลลงดอร์ ในปีนี้ แต่ไม่มีใครปฏิเสธความยอดเยี่ยมของแนวรุกเซเนกัลได้อย่างแน่นอน 

หลังย้ายจากทีมนักบุญมาอยู่กับหงส์แดงในปี 2016 มาเนคือหนึ่งในกำลังหลักของทีมและช่วยให้ทีมคว้แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา รวมถึงผลงานไร้เทียมทานในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้



เจมี วาร์ดี้ : ฟลีตวู้ด ทาวน์ มา เลสเตอร์ ซิตี้ (1 ล้านยูโร)

เจมี วาร์ดี้ ระเบิดฟอร์มสุดยอดจนช่วยให้ เลสเตอร์ สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเมื่อฤดูกาล 2015-16 ด้วยผลงาน 24 ประตู และยังร้อนแรงต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน

เมื่อเทียบค่าตัวที่ถูกเหมือนได้ฟรี ทำให้เขาคือหนึ่งในการซื้อตัวที่คุ้มค่าสุดในประวัติศาสตร์สโมสร



เซร์คิโอ อเกวโร : แอตฯมาดริด มา แมนฯซิตี้ (40 ล้านปอนด์)

แม้จะย้ายมาด้วยค่าตัวมหาศาลแต่ เซร์คิโอ อเกวโร ตอบแทน แมนฯซิตี้ ได้อย่างคุ้มค่าและกลายเป็นหนึ่งในตำนานของสโมสรไปเรียบร้อยแล้ว

โดยเฉพาะประตูชัยสุดดราม่าในนาทีสุดท้ายของการทดเวลาช่วยให้เรือใบสีฟ้าคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเมื่อฤดูกาล 2011-12 คือหนึ่งในประตูที่ถูกยกย่องให้มีความสำคัญมากสุดในประวัติศาสตร์สโมสร



เอเด็น อาซาร์ : ลีลล์ มา เชลซี (35 ล้านยูโร)

ตลอด 7 ฤดูกาลในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ มิดฟิลด์ชาวเบลเยียมเป็นหนึ่งในกำลังหลักที่สิงโตน้ำเงินครามจะขาดไม่ได้

อาซาร์ โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมคงเส้นคงวา ช่วยให้พลพรรคสิงห์บลูคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย, ยูโรป้าลีก 2 สมัย และ เอฟเอ คัพ 1 สมัย


ลูก้า โมดริช : สเปอร์ส มา เรอัล มาดริด (35 ล้านยูโร)

การเซ็นสัญญากับนักเตะเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ด้วยค่าตัวเพียง 35 ล้านยูโร เปรียบเสมือนดีลในฝันของ เรอัล มาดริด 

ดาวเตะชาวโครเอเชียไม่ต้องใช้เวลาปรับตัวกับราชันชุดขาวนานและกลายเป็นหนึ่งในกำลังหลักของทีมทันที ได้รับการโหวตให้เป็นกองกลางยอดเยี่ยมของ ลาลีก้า 2 สมัย ก่อนจะคว้ารางวัลบัลลงดอร์ในปี 2018 



ริยาด มาห์เรซ : เลอ อาฟร์ มา เลสเตอร์ ซิตี้ (500,000 ยูโร)

จากนักเตะในระดับลีก 2 ของฝรั่งเศส เลสเตอร์ ซิตี้ ตัดสินใจคว้าตัว ริยาด มาห์เรซ มาร่วมทีมด้วยค่าตัวเพียง 500,000 ยูโร และเหมือนถูกล็อตเตอร์รีรางวัลใหญ่

นอกจากโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมช่วยให้ทัพจิ้งจอกคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2015-16 ด้วยผลงาน 17 ประตู ดาวเตะแอลจิเรียยังสร้างกำไรมหาศาลให้กับสโฒสรเมื่อย้ายไป แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยค่าตัวถึง 60 ล้านยูโร



ราฟาเอล วาราน : ล็องส์ มา เรอัล มาดริด (10 ล้านยูโร)

แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 4 สมัย, แชมป์ลาลีก้า 2 สมัย และแชมป์ฟุตบอลโลก 1 สมัย นี่คือความสำเร็จของ ราฟาเอล วาราน นับตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับ เรอัล มาดริด เมื่อปี 2011

หลังจากย้ายมาค้าแข้งในถิ่น ซานติอาโก้ เบร์นาบิว ด้วยค่าตัวเพียง 10 ล้านยูโร แวรับจอมแกร่งกลายเป็นกำลังหลักของราชันชุดขาวมาตลอดในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา และจะยังเป็นต่อไปในอีกหลายปี  



โมฮาเหม็ด ซาลาห์ : โรมา มา ลิเวอร์พูล (42 ล้านยูโร)

ลิเวอร์พูล ตัดสินใจซื้อตัว โมฮาเหม็ด ซาลาห์ มาร่วมทีมด้วยค่าตัว 42 ล้านยูโร และกลายเป็นดีลที่คุ้มค่ายิ่งกว่าที่สโมสรคาดการณ์เอาไว้เป็นอย่างมาก

ดาวเตะชาวอิยิปต์ทำลายสถิติทำประตูต่อหนึ่งฤดูกาลของพรีเมียร์ลีกได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรกในถิ่น แอนฟิลด์ และมีส่วนสำคัญช่วยให้หงส์แดงคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มาครองเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา

cr : www.goal.com/th
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่